“สดศรี” ปัดเข้าข้าง ส.ส.ปชป. หลัง ผอ.กต.ยื่นเรื่องสอบคุณสมบัติ ชี้ไม่พบฐานข้อมูลเป็นสมาชิกพรรค โยน ผอ.เขตรับเป็นผู้สมัครเอง ยอมรับไม่มีสิทธิ์บังคับลูกน้อง ทำเพียงกำกับ ยันฐานข้อมูลอัพเดทเสมอไม่มีพลาด
วันนี้ (7 ม.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 11 ม.ค.นี้ว่า ปัญหากรณี น.ส.สรชา วีรชาติวัฒนา ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ จ.สมุทรปราการ ที่มีปัญหาขาดคุณสมบัติเพราะไม่พบการเป็นสมาชิกพรรค และผู้อำนวยการเลือกตั้ง (ผอ.กต.) ได้ส่งเรื่องให้กกต.กลางตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่ง กกต.ก็ไม่พบชื่อการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และได้แจ้งกลับไปแล้ว แต่เมื่อทาง ผอ.กต.เขตรับผู้สมัคร ส.ส.ไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นดุลยพินิจ เพราะเห็นว่าเมื่อการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 23 ธ.ค.2550 ผู้สมัครรายนี้ก็เคยมาสมัคร แต่ครั้งนั้น ผอ.กต.เขตไม่ได้สอบถาม กกต.กลาง และในการเลือกตั้งที่ผ่านมาบางจังหวัดก็ส่งเรื่องมาทั้งสอบถามและไม่สอบถาม ซึ่ง กกต.กลางบังคับไม่ได้ แต่ถ้าถามมาก็จะบอกข้อมูลไป
“เรื่องนี้เป็นดุลพินิจของ ผอ.กต.เขต เพราะทาง กกต.กลางได้แจ้งไปแล้วว่าไม่มีรายชื่อในฐานข้อมูล น่าจะใช้ดุลพินิจไม่รับสมัคร แต่เนื่องจาก ผอ.กต.เขตเคยรับสมัครผู้สมัครรายนี้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ ทาง ผอ.กต.เขต จะไปใช้ดุลยพินิจถอนเขาก็คงเป็นไปไม่ได้” นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวว่า ส่วนใครจะมองว่า กกต.เข้าข้างผู้สมัครก็แล้วแต่มุมมอง แต่ กกต.กลางทำหน้าที่เพียงกำกับการเลือกตั้งเท่านั้น การรับสมัครเป็นหน้าที่ของ ผอ.กต.เขตที่จะดำเนินการ ซึ่งเป็นอำนาจตามมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว. ไม่ว่าจะเป็น กกต. เขต หรือ ผอ.กต.เขต ถ้ามาทำงานก็ถือเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย และถ้าทำอะไรไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ผอ.กต.เขตก็อาจจะถูกฟ้องร้องได้ เพราะเป็นผู้ใช้กฎหมาย ถ้าเป็นการกระทำผิดโดยตั้งใจก็ต้องรับโทษทางกฎหมาย เว้นแต่ว่าได้ใช้ดุลยพินิจโดยสุจริต ซึ่งต้องไปพิสูจน์กันที่ศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผู้สมัครที่เป็นพรรครัฐบาล นางสดศรี กล่าวว่า เราก็มองเห็นว่าน่าจะมีปัญหากันแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นางสดศรีกล่าวย้ำด้วยว่า ฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองของ กกต.ได้ปรับปรุงอย่างครบถ้วนแต่ละไตรมาส ซึ่งพรรคการเมืองต้องส่งรายชื่อสมาชิกและใบสมัคร หลักฐานต่างๆ มาให้ กกต.กลาง ซึ่งในไตรมาสครั้งที่ 3 พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้แจ้งมาที่ กกต.กลางแล้ว โดยถ้าบุคคลนั้นเป็นสมาชิกก็ต้องแจ้งมายังไตรมาสที่ 3 แต่เมื่อไม่ได้แจ้งว่าเป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ กกต.กลาง จึงตอบผอ.เขตไปว่าไม่มีรายชื่อ
ต่อข้อถามว่า ถ้าพรรคการเมืองแจ้งรายชื่อในวันที่ 8 ม.ค.ซึ่งเป็นวันเริ่มนับไตรมาสใหม่ แล้วอ้างว่าอยู่ในกระบวนการขั้นตอนการพิจารณาจะเข้าข่ายหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า ไม่ใช่แค่แจ้งเฉยๆ ต้องมีหลักฐานการรับสมัครด้วย ถ้ามีการรับสมัครวันไหนก็ต้องแจ้งภายในวันศุกร์ที่สมัครของสัปดาห์นั้น เรื่องนี้คล้ายกับกรณีของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ต้องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับข้อ 6 ของนายทะเบียนพรรคการเมือง