“สนธิ” ย้ำยังให้โอกาส “มาร์ค” เชื่อมีความตั้งใจและเป็นคนมีคุณวุฒิ-ชาติวุฒิ ยืนยันชุมนุม 193 วันได้ชัยชนะเด็ดขาดแล้ว นั่นคือการทำให้เกิด “ครอบครัวพันธมิตร” เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วประเทศ เตรียมทำไดเร็กทอรีธุรกิจพันธมิตรฯ ทุกจังหวัด ให้พี่น้องช่วยกันอุดหนุน เชื่อสังคมทุกส่วนต้องเรียนรู้และยอมรับบทบาทพันธมิตรฯ ที่ปลุกพลังทางศีลธรรมออกมา หยุดยั้งนักการเมืองโกงได้ “ตั้ว” ลั่นพร้อมอุทิศชีวิตเพื่อชาติฯ เผยโปรเจกต์รายการ “จอเหลือง” สร้างหนังพันธมิตรฯ-เกมโชว์การเมือง ทางเอเอสทีวี
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวเปิดใจ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวเปิดใจ
ในงาน “ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ฉลองชัยประชาชน” ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดขึ้นที่อาคารธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ตั้งแต่เวลา 16.00 น.วันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไฮไลต์ของงานอยู่ที่การขึ้นเวทีเปิดใจของแกนนำพันธมิตรฯ เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 20.05 น. ด้วยการร้องเพลง “เทียนแห่งธรรม” แบบสดๆ ของ “เธียร์รี่ ลาสเวกัส”
ต่อมาเวลาประมาณ 20.15 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีกล่าวเปิดใจ โดยบอกว่า ตั้งแต่ตนเกิดมาและพี่น้องหลายคนคงไม่เคยจัดงานปีใหม่ร่วมกับญาติๆ จำนวนเป็นหมื่นแบบนี้ และที่สำคัญญาติเราไม่เคยนอนกลางดินกินกลางทรายร่วมกันมาก่อน เพราะฉะนั้น ทุกท่านที่มาร่วมงานกันวันนี้เป็นยิ่งกว่าญาติกันเสียอีก และการร่วมแรงร่วมใจกันทำให้เราได้รับชัยชนะ ในการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ในการจัดงานวันนี้ เดิมคณะผู้จัดงานได้จองหอประชุมที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งจุได้ 5 พันคนเอาไว้ แต่มีคนมาจองบัตรจนเต็ม จึงเปลี่ยนมาที่นี่ซึ่งจุได้ 1 หมื่นคนแต่ก็เต็ม ยังมีคนเข้ามาไม่ได้อยู่ข้างนอกอีกจำนวนมาก ถ้าเป็นอย่างนี้ คราวต่อไปคงต้องหาสถานที่ที่พร้อมจะรับจำนวนคนเท่าไหร่ก็ได้ เช่น ที่สถาบันฝึกอบรมผู้นำ จ.กาญจนบุรี ซึ่งจะมีงานในวันที่ 10 มกราคม 2552 ซึ่งตนพร้อมด้วย พ.ต.หญิงศิริลักษณ์ ศรีเมือง ภรรยาจะจัดขึ้น
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า งานวันดังกล่าวซึ่งตรงกับวันเด็ก จะเริ่มตั้งแต่การเลี้ยงอาหารเที่ยง หลังจากนั้นบ่าย 2 โมง จะมีวิทยากรมาบรรยายเรื่องการรักษาสุขภาพร่างกายให้ฟัง และอีกห้องจะมีการเล่าเบื้องหลังการชุมนุมที่หาฟังได้ยาก ต่อมาเวลา 5 โมงเย็น มีการแสดงดนตรีของวงคีตาญชลี หลังจากนั้นจะมีการปิ้งข้าวเกรียบว่าว คั่วข้าวโพด เผาข้าวหลาม เลี้ยงผู้ไปร่วมงาน ซึ่งจะเป็นรายการสนุกๆ สำหรับญาติพี่น้องกัน
พล.ต.จำลองได้เชิญชวนให้ทุกคนไปร่วมงานโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะการจัดงานครั้งนี้ไม่ต้องเสียค่าเช่าสถานที่ ไปต้องเสียค่าไฟ เพราะจัดในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง โดยจะจัดบรรยากาศให้เหมือนการชุมนุมทุกอย่าง เช่น การนอนเต็นท์ การกินข้าวด้วยกระทงใบตองสด ซึ่งสถานที่จัดงานครั้งนี้น่าจะรองรับคนได้ประมาณ 2 หมื่นคน
หลังจากนั้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมด้วยนางมาลีรัตน์ แก้วก่า และนายศรัณยู วงศ์กระจ่าง แกนนำพันธมิตรฯ รุ่นที่ 2 ขึ้นเวทีเปิดใจและกล่าวคำอวยพรแก่พี่น้องพันธมิตรฯ
นายสนธิ กล่าวว่า จากการจัดงานวันนี้ซึ่งมีประชาชนมาร่วมอย่างล้นหลาม ทำให้มีความคิดว่า จะจัดงานแบบนี้เดือนละครั้ง ในต่างจังหวัด ในรูปแบบคอนเสิร์ตการเมือง ซึ่งจะกำหนดวันชัดเจนว่าจะไปจังหวัดไหน วันที่เท่าไหร่ โดยจะเลือกจัดในจังหวัดหลักและให้จังหวัดข้างๆ มาร่วมงานได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง บางจังหวัดอาจจัเก็บค่าบัตร 300 บาท แต่ถ้ามี 100 บาท หรือไม่มีก็ให้เข้า
นายสนธิ กล่าวต่อว่า มีเรื่องในใจอยากบอกพี่น้องพันธมิตรฯ ว่า หลังเลิกชุมนุมแล้ว ตนในฐานะลูกจีนรักชาติ ถือว่าได้ทำภารกิจจบลงชั่วคราว และขอให้โอกาสนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำงาน เพราะเชื่อมั่นว่านายอภิสิทธิ์มีความตั้งใจ เนื่อจากเป็นคนที่มีชาติวุฒิ คุณวุฒติดี วุฒิภาวะใช้ได้ เพราะฉะนั้นจึงขอว่าอย่าเพิ่งด่วนตัดสิน ให้เวลาได้ทำงานสักพัก
“มีคนบอกว่า ในช่วงนี้ผมไม่ออกทีวีหน่อยหรือ ผมว่าไม่ออก เพราะผมไม่ต้องการให้เกิดความรู้สึกว่า ผมจะเรียกร้องอะไร เพราะคนอย่างพวกเราไม่เคยเรียกร้องอะไร นอกจากความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พวกเราเจียมเนื้อเจียมตัวว่า เราคือคนธรรมดาที่ทำหน้าที่หลายหน้าที่ที่คนมีหน้าที่ควรจะทำ แล้วเสือ...ไม่ทำ แต่เราก็ทำให้แล้ว แล้วก็จบเพียงแค่นี้”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า พี่น้องที่เคยชุมนุมหลายคนบอกว่ารู้สึกเหงา และเร่าร้อน เพราะ 193 วันที่ร่วมชุมนุมทำให้พูดกับคนอื่นไม่รู้เรื่องไปแล้ว ต้องพูดจากันเอง เพราะพวกเราคือคนปกติ ในสังคมที่ไม่ปกติ
สำหรับเอเอสทีวีนั้น นายสนธิยืนยันว่าจะยังเป็นทีวีของพันธมิตรฯ ตลอดไปตราบที่ตนยังมีชีวิตอยู่และไม่เจ๊งไปก่อน และขอพูดจากใจว่า 193 วัน เราได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดแล้ว เพราะถือว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราได้สร้าง “ครอบครัวพันธมิตร” ขึ้นมาในประเทศไทย อย่าไปประมาทคำว่า “ครอบครัวพันธมิตร” ซึ่งเป็นภราดรภาพกันทุกภาค ไม่ว่าเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เป็นครอบครัวเดียวกันหมด และครอบครัวนี้มีทีวีเป็นของตัวเองคือ เอเอสทีวี เพราะฉะนั้นช่อง 3, 5, 7, 9, 11 อย่าไปดูให้เสียตา
นายสนธิ กล่าวต่อว่า เรากำลังเริ่มทำไดเร็กทอรีธุรกิจพันธมิตรฯ ขึ้นมา โดยจะรวบรวมรายชื่อพันธมิตรฯ ที่ทำธุรกิจหรือกิจการต่างๆ ทั่วประเทศไทย แล้วทำเป็นเล่มเป็นคู่มือ เมื่อเดินทางไปจังหวัดไหนก็พลิกดูว่าพันธมิตรฯ นี้จังหวัดนั้นใครทำอะไรบ้าง แล้วก็ไปใช้บริการเขา
นายสนธิ กล่าวอีกว่า สำหรับดาราที่มาอยู่กับพันธมิตรฯ เช่น ตั้ว-ศรัณยู ถือว่ามาแจ้งเกิดอย่างแท้จริงกับพันธมิตรฯ เพราะว่าไปไหนก็มีคนอยากรู้จัก แต่ไม่ใช่อยากรู้จักเพราะความเป็นคนดังแบบเบิร์ด แต่อยากรู้จักเพราะความศรัทธา จอย-ศิริลักษณ์ก็เช่นกัน ศิลปินที่มีความกล้าหาญที่มาอยู่กับพี่น้อง ทุกคนสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระ คนทำรายการ ทำละคร จะอิจฉา ตั้วกับน้องจอย และศิลปินทุกคนที่มาอยู่กับพันธมิตรฯ ที่มีอิสรภาพแห่งความคิดอย่างเต็มที่
นายสนธิ ย้ำว่า เอเอสทีวีเป็นทีวีของประชาชนพันธมิตรฯ แล้ว และมีความนิยมปัจจุบันอยู่อันดับ 3 เมื่อเทียบกับฟรีทีวีทั้งหมด ซึ่งเป็นอันดับที่เหนือกว่าช่อง 9 ช่อง 5 เอ็นบีที และ ทีพีบีเอส หลังจากนี้ไปทุกภาคส่วนของสังคมทั่วโลกจะต้องเรียนรู้การต่อสู้ของพันธมิตรฯ หลายภาคส่วนที่บิดเบือน และปฏิเสธพวกเราจะต้องยอมรับ บทบาทของเรา ที่มาร่วมประท้วงกันตั้งแต่สะพานมัฆวาน ย้ายไปทำเนียบรัฐบาล ดาวกระจายไปตามที่ต่างๆ จนกระทั่งไปชุมนุมในสนามบิน ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกที่ประชาชนสามารถเข้าไปชุมนุมในสนามบินถึง 2 แห่งพร้อมกัน เพื่อผลักดันให้พลังทางศีลธรรมออกมา
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ถ้าไม่ใช่เพราะพันธมิตรฯ ศาลรัฐธรรมนูญคงไม่อ่านตำพิพากษาคดียุบพรรคการเมืองในวันที่ 2 ธ.ค. และไม่รู้ว่าเดือนมกราคมปีหน้าจะตัดสินหรือยัง รัฐบาลสัตว์นรกชุดเก่าจะยังคงทำความฉิบหายให้กับประเทศต่อไป จะมีคนตายไปอีกเท่าไหร่ คนชั่วเกิดขึ้นมาอีกจำนวนมากขนาดไหน เพราะฉะนั้นที่สังคมสงบ สันติลงได้ ก็เพราะพันธมิตร ซึ่งบุญกุศลที่พี่น้องพันธมิตรฯ ได้ทำมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน จะทำให้พี่น้องตลอดจนลูกหลานหรือบรรพบุรุษได้รับบุญกุศลอันนั้นในปีใหม่ฟ้าใหม่ จะส่งเสริมให้พี่น้องได้รับความเจริญ มีสุขภาพ มีคุณธรรมสติปัญญาที่จะทำงานให้สังคมดีขึ้นต่อไป ส่วนตนนั้นจะยังอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหน พร้อมที่จะรับใช้พี่น้องเต็มที่ไม่เปลี่ยนแปลง ช้วง 3 ปีที่ผ่านมา เป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง และจะอยู่กับพี่น้องตลอดไป
ด้านนางมาลีรัตน์ แก้วก่า กล่าวว่า แม้จะเลิกชุมนุมแต่ตนยังจะพบกับพี่น้องผ่านการจัดรายการทางเอเอสทีวี ร่วมกับนายสมบูรณ์ ทองบุราณ ชื่อรายการ “ไทบ้านทันโลก” ออกอากาศเวลา 16.00 -17.00 น.ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทางเอเอสทีวี 4 หรืออีสานดิสคัฟเวอรี่ และไม่ว่าปีหน้าจะเป็นอย่างไร เราจะอยู่ด้วยกัน
หลังจากนั้น นางมาลีรัตน์ได้อ่านกลอนอวยพรปีใหม่ให้กับพี่น้องพันธมิตรฯ ดังนี้ “คารวะสวัสดีปีใหม่ คารวะจิตใจอันยิ่งใหญ่ ปีผ่านมายืนหยัดสู้กู้ชาติไทย จนได้ชัยสำเร็จพิชิตมาร ปีใหม่นี้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิคุ้มครองช่วย โปรดอำนวยความสุขให้ทุกท่าน ได้ร่ำรวยสมบูรณ์ทุกวันวาน ให้เบิกบานบ้านเมืองเจริญไกล ขอให้ชาติพ้นวิกฤติ เศรษฐกิจ ขอให้พันธมิตรได้การเมืองใหม่ ขอให้พี่น้องประชาไทย มีโชคชัยสวัสดีทุกท่านเอย”
ส่วนนายศรัณยู วงศ์กระจ่าง กล่าวว่า ในปีหน้าตนจะเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความรู้ทางการเมืองแก่ประชาชนและสร้างการเมืองใหม่ไปด้วยกัน โดยจะจัดรายการ “จอเหลือง” ทางเอเอสทีวี เป็นรายการที่จะพาไปรู้จักกับแกนนำพันธมิตรฯ แม่ยก ผู้ปราศรัย รวมถึงพิธีกรเอเอสทีวี ในแง่มุมสบายๆ เริ่มออกอากาศวันที่ 10 มกราคม 2552 ซึ่งเทปแรก นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ จะโชว์การเล่นเดี่ยวบาสเก็ตบอล โดยผู้ดำเนินรายการจะเป็นดาราหรือพิธีกรที่เคยร่วมชุมนุม อาทิ น้องพริก น้องๆ จาก Young PAD
นอกจากนี้ในรายการจอเหลือง เวลาออกอากาศ 13.00-15.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ จะมีช่วงที่แบ่งย่อยเป็นของผู้ดำเนินรายการแต่ละครเช่น “อมรออนไลน์” ของนายอมร อมรรัตนานนท์ “ประพันธ์วันละนิด”ของนายประพันธ์ คูณมี “รื่นเริงสุขสำราญ” ของนายสำราญ รอดเพชร รวมถึงช่วงของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิเชฐ พัฒนโชติ เป็นต้น
นายศรัณยู เปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้มีโครงการสร้างภาพยนตร์พันธมิตรฯ ซึ่งจะใช้ดาราที่เป็นผู้ชุมนุมตัวจริงเสียงจริงมาแสดง โดยในวันที่ 24 ม.ค. 2552 จะเปิดรับสมัครดารา นอกจากนั้นจะมีรายการเกมโชว์ “เกมการเมือง” ประมาณกลางปี ให้พี่น้องพันธมิตรจัดทีมเข้ามาแข่งตอบปัญหาการเมืองเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ โดยจะเปิดโอกาสให้จับฉลากหาตัวช่วย ซึ่งเป็นคนที่อยู่บนเวที เช่น นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ หรือนางสาวอัญชลี ไพรีรัก
ในช่วงท้ายนายศรัณยู กล่าวว่า ตลอดชีวิตตั้งแต่ลืมตาดูโลก มาจนทำการทำงาน ได้แจ้งเกิดอย่างแท้จริงตรงนี้ ตามที่นายสนธิบอก และเมื่อมาถึงวันนี้ทำให้ได้เห็นภาพชีวิตส่วนที่เหลือของตัวเองชัดเจนว่าจะอยู่ตรงไหน จะทำอะไรต่อไปจนบั้นปลายของชีวิต ซึ่งก็คือจะอุทิศตัวเองเป็นคนไทยที่รักชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์จนหมดชีวิตจิตใจ จะอุทิศชีวิตทั้งหมดให้ครอบครัวซึ่งไม่ได้มีแค่ลูกและภรรยา แต่คือพี่น้องทั่วประเทศไทย และถ้าตนอยู่ในฐานะที่จะอวยพรได้ ขอให้พรของตนไปเติมพรของนายสนธิและนางมาลีรัตน์ให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว