โดย หนุ่มลูกทุ่ง
หลังจากที่ฉันเพิ่งจะได้ไปเที่ยวตลาดน้ำคลองลัดมะยมในย่านตลิ่งชันมาเมื่อไม่นานมานี้ มาคราวนี้ก็จะชวนเที่ยวตลาดน้ำกันอีกแล้ว และก็เป็นตลาดน้ำที่อยู่ในคลองแถบตลิ่งชันเช่นเดียวกัน มีชื่อว่า "ตลาดน้ำวัดสะพาน" มาแนะนำกัน เผื่อว่าใครที่มาเที่ยวตลาดน้ำคลองลัดมะยมแล้วสนใจจะนั่งเรือมาเที่ยวที่ตลาดน้ำวัดสะพานกันต่อ
ตลาดน้ำวัดสะพานนั้น ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าตั้งอยู่ที่วัดสะพาน ริมคลองบางน้อย เป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ หรืออาจจะเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะมีการค้นพบพระพุทธรูป และรูปแบบการสร้างศาสนสถานที่แสดงให้เห็นว่าน่าจะเป็นวัดที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ที่วัดสะพานนี้ฉันได้พบกับเจ้าอาวาสวัด หรือ "พระครูปิยธรรมนุศาสก์" ซึ่งเป็นผู้เล่าถึงสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดให้ฉันฟังว่า ที่วัดนี้มีพระพุทธรูปหินทรายเก่าแก่สมัยอยุธยาอยู่หลายองค์ด้วยกัน แต่ถูกทำลายจนหักพังลงไปมากเพราะในสมัยที่บ้านเมืองยังไม่สงบ วัดแห่งนี้ได้ถูกข้าศึกที่ยกทัพมาทางน้ำทำลายพระพุทธรูปจนเสียหาย แต่ต่อมาเมื่อชาวบ้านมาขุดพบชิ้นส่วนของพระพุทธรูปเหล่านี้ก็ได้นำมาซ่อมแซมประกอบพอกปูนเสียใหม่ แต่บางองค์ก็เสียหายเกินปฏิสังขรณ์ได้ก็มี
แล้วเจ้าอาวาสก็ชี้ให้ฉันดูพระพุทธรูปสามองค์ที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารโถง ซึ่งเป็นวิหารที่ไม่มีฝาผนัง มีเพียงเสากับหลังคา แต่ผนังทั้งสี่ด้านเปิดโล่งรับลมเย็นๆ จากคลองที่พัดเข้ามา แล้วบอกว่า พระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้ก็เป็นพระพุทธรูปหินทรายด้วยเช่นกัน โดยชาวบ้านได้ปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปทั้งสามองค์ พอกปูนใหม่ แล้วจึงประดิษฐานไว้ในวิหารเล็กๆ สามหลังเรียงต่อกัน แต่ต่อมาวิหารทั้งสามหลังทรุดโทรมลงมาก ญาติโยมจึงมีศรัทธาสร้างเป็นวิหารโถงเก้าห้องแทน
พระพุทธรูปทั้งสามองค์นั้นก็คือ "หลวงพ่อโต" "หลวงพ่อกลาง" และ "หลวงพ่อดำ" ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านในแถบนั้นเป็นจำนวนมาก และนอกจากนั้น ในวิหารโถงก็ยังมีพระพุทธรูปหินทรายทั้งที่ค่อนข้างสมบูรณ์และเป็นเศษชิ้นส่วนพระพุทธรูปอีกจำนวนหนึ่งวางตั้งไว้อีกด้วย
เจ้าอาวาสยังเล่าให้ฉันฟังอีกถึงอุโบสถหลังเก่าที่มีอยู่แต่แรกเริ่มนั้นว่าเป็นอุโบสถที่สร้างด้วยไม้ แต่ก็ได้รื้อไปแล้วสร้างเป็นอุโบสถปูนหลังใหม่ขึ้น และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี 2473 หรือในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 นั่นเอง และในตอนนี้ทางวัดก็ยังได้สร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นอีกหลังหนึ่งอยู่ใกล้กับถนนทางเข้าวัด
พูดถึงถนนขึ้นมา เจ้าอาวาสก็บอกฉันว่า ที่วัดเพิ่งจะมีถนนเข้าถึงก็เมื่อปี 2543 นี่เอง แต่ก่อนหน้านั้นการเดินทางมายังวัดก็ต้องมาทางเรือเพียงอย่างเดียว และหลังจากที่เกิดตลาดน้ำขึ้นมาก็ทำให้มีคนรู้จักวัดมากขึ้นตามไปด้วย
หลังจากฟังเจ้าอาวาสเล่าถึงสิ่งต่างๆ ภายในวัดเสร็จ ฉันก็เข้าไปกราบสักการะพระพุทธรูปทั้งสามองค์ในวิหารโถง จากนั้นก็ได้เวลาไปชมตลาดน้ำหาของอร่อยกินในตลาดน้ำวัดสะพานเสียที
ตลาดน้ำวัดสะพานนี้ก็เป็นตลาดน้ำแห่งใหม่ เพิ่งจะมีอายุมาได้แค่ 2 ขวบเศษๆ เท่านั้น ซึ่งก็ถือว่ากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และสำหรับผู้ที่ริเริ่มตลาดน้ำขึ้นมาก็คือ พันตำรวจตรีสิทธิชน อังศุศาสตร์ ซึ่งมาดำรงตำแหน่งเป็นสารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลบางเสาธง
ในช่วงต้นปี 2548 คุณตำรวจก็ได้ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งก็รวมไปถึงบริเวณวัดสะพาน และเห็นว่าวัดแห่งนี้มีความเงียบสงบ บรรยากาศร่มรื่น ในคลองหน้าวัดเต็มไปด้วยปลาสวายตัวโตๆ ว่ายน้ำกันสนุกสนาน เมื่อเห็นดังนั้นคุณตำรวจก็เกิดความคิดอยากจะตั้งตลาดน้ำขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและรู้จักวัดสะพานกันมากขึ้น เพราะนอกจากจะมีความเก่าแก่แล้ว ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่างด้วยกัน
ด้วยเหตุที่ว่า พันตำรวจตรีสิทธิชนก็เลยนำความไปปรึกษากับหลายๆ ฝ่าย ทั้งท่านเจ้าอาวาส ไวยาวัจกร และชาวชุมชนวัดสะพาน ซึ่งหลายฝ่ายก็เห็นด้วยกับการมีตลาดน้ำ จึงได้เริ่มมีการสำรวจและสร้างตลาดน้ำวัดสะพานขึ้นโดยการระดมเงินทุนของตัวเองและเพื่อนๆ แน่นอนว่าในช่วงแรกๆ ก็ยังขลุกขลักอยู่ไม่น้อย เพราะมีบางคนไม่เห็นความสำคัญ อีกทั้งยังขาดงบประมาณในการพัฒนา ประชาสัมพันธ์ และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ในตอนนี้ก็นับว่าตลาดน้ำวัดสะพานเริ่มลงตัวมากขึ้น เท่าที่ฉันได้ไปเห็นมาด้วยตนเองนั้น ตลาดน้ำวัดสะพานก็ถือว่าเป็นตลาดน้ำเล็กๆ ถึงแม้จะเล็ก แต่ก็มีอาหารให้เลือกกินมากมาย ทั้งขนมจีนน้ำพริก น้ำยา แกงไก่ แกงลูกชิ้นแสนอร่อย อันนี้อร่อยจริงเพราะฉันจัดการไปทีเดียวสองจาน ผัดไทย หอยทอด แล้วก็ยังมีหมูสะเต๊ะร้อนๆ หอมกรุ่น ยำต่างๆ รสชาติจัดจ้าน และของกินเล่นยามว่างอย่างเมี่ยงคำรสชาติดี ข้าวเหนียวหน้ากุ้งหน้ากลอย ข้าวเกรียบว่าว ข้าวหลามกลิ่นหอมหวาน ก็มีให้เลือกกินมากมาย
กิจกรรมภายในตลาดน้ำวัดสะพานนั้นก็ไม่มีอะไรมากนัก แต่จะเน้นให้คนมาทำบุญไหว้พระที่วัดและมาชิมอาหารอร่อยๆ จากพ่อค้าแม่ค้าในชุมชนที่พายเรือมาขายกันแต่เช้า ถึงตอนบ่ายๆ ก็หมด
มีหลายคนบอกฉันมาว่าอาหารที่นี่อร่อยถูกปาก แต่จะจริงหรือไม่เห็นทีต้องมาชิมกันเอง นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีสินค้าจากในสวนอย่างไม้ดอกไม้ประดับสวยๆ มาขายนักท่องเที่ยวกัน หรือท่องเที่ยวชมสวนเตยและสวนผลไม้ใกล้ให้เดินชมเล่น
และในตอนนี้ทางกรุงเทพมหานครเขาก็มีโครงการที่จะเชื่อมตลาดน้ำในเขตตลิ่งชันซึ่งก็ได้แก่ ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดน้ำคลองลัดมะยม และตลาดน้ำวัดสะพานเข้าด้วยกัน โดยทำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวตลาดน้ำย่านตลิ่งชันทางน้ำ เพราะคลองในแถบนี้สามารถเชื่อมถึงกันได้หมด โดยเริ่มต้นที่ตลาดน้ำตลิ่งชัน มาที่ตลาดน้ำท่ามะยม แล้วมาจบที่ตลาดน้ำวัดสะพาน ในหนึ่งวันก็สามารถเที่ยวและหาของกินอร่อยๆ ได้ถึงสามตลาดน้ำ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
ตลาดน้ำในย่านตลิ่งชันทั้งสามแห่งนี้ ตลาดน้ำวัดสะพานก็ถือว่าเป็นตลาดน้องเล็กที่สุด ที่ยังต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงต่อไปอีกเรื่อยๆ ก็คงต้องขอแรงคนชอบเที่ยวชอบกินแถวๆ นี้ให้ช่วยไปชมไปชิมกันที่ตลาดน้ำวัดสะพานกันเสียหน่อย เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมของชุมชน และทำให้พ่อค้าแม่ค้าเขาได้มีกำลังใจทำของอร่อยๆ มาให้เรากินกันเรื่อยๆ อีกด้วย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"ตลาดน้ำวัดสะพาน" ตั้งอยู่ที่ 38 หมู่ที่ 7 ถนนปากน้ำ-กระโจมทอง แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร การเดินทาง วิ่งมาตามถนนราชพฤกษ์ (มุ่งหน้าถนนบรมราชชนนี) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยถนนปากน้ำ-กระโจมทอง ประมาณ 1 กิโลเมตรจะเจอวัดสะพาน ตลาดน้ำเปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-15.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่โทร.08-6035-0424
หลังจากที่ฉันเพิ่งจะได้ไปเที่ยวตลาดน้ำคลองลัดมะยมในย่านตลิ่งชันมาเมื่อไม่นานมานี้ มาคราวนี้ก็จะชวนเที่ยวตลาดน้ำกันอีกแล้ว และก็เป็นตลาดน้ำที่อยู่ในคลองแถบตลิ่งชันเช่นเดียวกัน มีชื่อว่า "ตลาดน้ำวัดสะพาน" มาแนะนำกัน เผื่อว่าใครที่มาเที่ยวตลาดน้ำคลองลัดมะยมแล้วสนใจจะนั่งเรือมาเที่ยวที่ตลาดน้ำวัดสะพานกันต่อ
ตลาดน้ำวัดสะพานนั้น ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าตั้งอยู่ที่วัดสะพาน ริมคลองบางน้อย เป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ หรืออาจจะเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะมีการค้นพบพระพุทธรูป และรูปแบบการสร้างศาสนสถานที่แสดงให้เห็นว่าน่าจะเป็นวัดที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ที่วัดสะพานนี้ฉันได้พบกับเจ้าอาวาสวัด หรือ "พระครูปิยธรรมนุศาสก์" ซึ่งเป็นผู้เล่าถึงสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดให้ฉันฟังว่า ที่วัดนี้มีพระพุทธรูปหินทรายเก่าแก่สมัยอยุธยาอยู่หลายองค์ด้วยกัน แต่ถูกทำลายจนหักพังลงไปมากเพราะในสมัยที่บ้านเมืองยังไม่สงบ วัดแห่งนี้ได้ถูกข้าศึกที่ยกทัพมาทางน้ำทำลายพระพุทธรูปจนเสียหาย แต่ต่อมาเมื่อชาวบ้านมาขุดพบชิ้นส่วนของพระพุทธรูปเหล่านี้ก็ได้นำมาซ่อมแซมประกอบพอกปูนเสียใหม่ แต่บางองค์ก็เสียหายเกินปฏิสังขรณ์ได้ก็มี
แล้วเจ้าอาวาสก็ชี้ให้ฉันดูพระพุทธรูปสามองค์ที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารโถง ซึ่งเป็นวิหารที่ไม่มีฝาผนัง มีเพียงเสากับหลังคา แต่ผนังทั้งสี่ด้านเปิดโล่งรับลมเย็นๆ จากคลองที่พัดเข้ามา แล้วบอกว่า พระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้ก็เป็นพระพุทธรูปหินทรายด้วยเช่นกัน โดยชาวบ้านได้ปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปทั้งสามองค์ พอกปูนใหม่ แล้วจึงประดิษฐานไว้ในวิหารเล็กๆ สามหลังเรียงต่อกัน แต่ต่อมาวิหารทั้งสามหลังทรุดโทรมลงมาก ญาติโยมจึงมีศรัทธาสร้างเป็นวิหารโถงเก้าห้องแทน
พระพุทธรูปทั้งสามองค์นั้นก็คือ "หลวงพ่อโต" "หลวงพ่อกลาง" และ "หลวงพ่อดำ" ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านในแถบนั้นเป็นจำนวนมาก และนอกจากนั้น ในวิหารโถงก็ยังมีพระพุทธรูปหินทรายทั้งที่ค่อนข้างสมบูรณ์และเป็นเศษชิ้นส่วนพระพุทธรูปอีกจำนวนหนึ่งวางตั้งไว้อีกด้วย
เจ้าอาวาสยังเล่าให้ฉันฟังอีกถึงอุโบสถหลังเก่าที่มีอยู่แต่แรกเริ่มนั้นว่าเป็นอุโบสถที่สร้างด้วยไม้ แต่ก็ได้รื้อไปแล้วสร้างเป็นอุโบสถปูนหลังใหม่ขึ้น และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี 2473 หรือในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 นั่นเอง และในตอนนี้ทางวัดก็ยังได้สร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นอีกหลังหนึ่งอยู่ใกล้กับถนนทางเข้าวัด
พูดถึงถนนขึ้นมา เจ้าอาวาสก็บอกฉันว่า ที่วัดเพิ่งจะมีถนนเข้าถึงก็เมื่อปี 2543 นี่เอง แต่ก่อนหน้านั้นการเดินทางมายังวัดก็ต้องมาทางเรือเพียงอย่างเดียว และหลังจากที่เกิดตลาดน้ำขึ้นมาก็ทำให้มีคนรู้จักวัดมากขึ้นตามไปด้วย
หลังจากฟังเจ้าอาวาสเล่าถึงสิ่งต่างๆ ภายในวัดเสร็จ ฉันก็เข้าไปกราบสักการะพระพุทธรูปทั้งสามองค์ในวิหารโถง จากนั้นก็ได้เวลาไปชมตลาดน้ำหาของอร่อยกินในตลาดน้ำวัดสะพานเสียที
ตลาดน้ำวัดสะพานนี้ก็เป็นตลาดน้ำแห่งใหม่ เพิ่งจะมีอายุมาได้แค่ 2 ขวบเศษๆ เท่านั้น ซึ่งก็ถือว่ากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และสำหรับผู้ที่ริเริ่มตลาดน้ำขึ้นมาก็คือ พันตำรวจตรีสิทธิชน อังศุศาสตร์ ซึ่งมาดำรงตำแหน่งเป็นสารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลบางเสาธง
ในช่วงต้นปี 2548 คุณตำรวจก็ได้ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งก็รวมไปถึงบริเวณวัดสะพาน และเห็นว่าวัดแห่งนี้มีความเงียบสงบ บรรยากาศร่มรื่น ในคลองหน้าวัดเต็มไปด้วยปลาสวายตัวโตๆ ว่ายน้ำกันสนุกสนาน เมื่อเห็นดังนั้นคุณตำรวจก็เกิดความคิดอยากจะตั้งตลาดน้ำขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและรู้จักวัดสะพานกันมากขึ้น เพราะนอกจากจะมีความเก่าแก่แล้ว ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่างด้วยกัน
ด้วยเหตุที่ว่า พันตำรวจตรีสิทธิชนก็เลยนำความไปปรึกษากับหลายๆ ฝ่าย ทั้งท่านเจ้าอาวาส ไวยาวัจกร และชาวชุมชนวัดสะพาน ซึ่งหลายฝ่ายก็เห็นด้วยกับการมีตลาดน้ำ จึงได้เริ่มมีการสำรวจและสร้างตลาดน้ำวัดสะพานขึ้นโดยการระดมเงินทุนของตัวเองและเพื่อนๆ แน่นอนว่าในช่วงแรกๆ ก็ยังขลุกขลักอยู่ไม่น้อย เพราะมีบางคนไม่เห็นความสำคัญ อีกทั้งยังขาดงบประมาณในการพัฒนา ประชาสัมพันธ์ และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ในตอนนี้ก็นับว่าตลาดน้ำวัดสะพานเริ่มลงตัวมากขึ้น เท่าที่ฉันได้ไปเห็นมาด้วยตนเองนั้น ตลาดน้ำวัดสะพานก็ถือว่าเป็นตลาดน้ำเล็กๆ ถึงแม้จะเล็ก แต่ก็มีอาหารให้เลือกกินมากมาย ทั้งขนมจีนน้ำพริก น้ำยา แกงไก่ แกงลูกชิ้นแสนอร่อย อันนี้อร่อยจริงเพราะฉันจัดการไปทีเดียวสองจาน ผัดไทย หอยทอด แล้วก็ยังมีหมูสะเต๊ะร้อนๆ หอมกรุ่น ยำต่างๆ รสชาติจัดจ้าน และของกินเล่นยามว่างอย่างเมี่ยงคำรสชาติดี ข้าวเหนียวหน้ากุ้งหน้ากลอย ข้าวเกรียบว่าว ข้าวหลามกลิ่นหอมหวาน ก็มีให้เลือกกินมากมาย
กิจกรรมภายในตลาดน้ำวัดสะพานนั้นก็ไม่มีอะไรมากนัก แต่จะเน้นให้คนมาทำบุญไหว้พระที่วัดและมาชิมอาหารอร่อยๆ จากพ่อค้าแม่ค้าในชุมชนที่พายเรือมาขายกันแต่เช้า ถึงตอนบ่ายๆ ก็หมด
มีหลายคนบอกฉันมาว่าอาหารที่นี่อร่อยถูกปาก แต่จะจริงหรือไม่เห็นทีต้องมาชิมกันเอง นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีสินค้าจากในสวนอย่างไม้ดอกไม้ประดับสวยๆ มาขายนักท่องเที่ยวกัน หรือท่องเที่ยวชมสวนเตยและสวนผลไม้ใกล้ให้เดินชมเล่น
และในตอนนี้ทางกรุงเทพมหานครเขาก็มีโครงการที่จะเชื่อมตลาดน้ำในเขตตลิ่งชันซึ่งก็ได้แก่ ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดน้ำคลองลัดมะยม และตลาดน้ำวัดสะพานเข้าด้วยกัน โดยทำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวตลาดน้ำย่านตลิ่งชันทางน้ำ เพราะคลองในแถบนี้สามารถเชื่อมถึงกันได้หมด โดยเริ่มต้นที่ตลาดน้ำตลิ่งชัน มาที่ตลาดน้ำท่ามะยม แล้วมาจบที่ตลาดน้ำวัดสะพาน ในหนึ่งวันก็สามารถเที่ยวและหาของกินอร่อยๆ ได้ถึงสามตลาดน้ำ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
ตลาดน้ำในย่านตลิ่งชันทั้งสามแห่งนี้ ตลาดน้ำวัดสะพานก็ถือว่าเป็นตลาดน้องเล็กที่สุด ที่ยังต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงต่อไปอีกเรื่อยๆ ก็คงต้องขอแรงคนชอบเที่ยวชอบกินแถวๆ นี้ให้ช่วยไปชมไปชิมกันที่ตลาดน้ำวัดสะพานกันเสียหน่อย เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมของชุมชน และทำให้พ่อค้าแม่ค้าเขาได้มีกำลังใจทำของอร่อยๆ มาให้เรากินกันเรื่อยๆ อีกด้วย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
"ตลาดน้ำวัดสะพาน" ตั้งอยู่ที่ 38 หมู่ที่ 7 ถนนปากน้ำ-กระโจมทอง แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร การเดินทาง วิ่งมาตามถนนราชพฤกษ์ (มุ่งหน้าถนนบรมราชชนนี) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยถนนปากน้ำ-กระโจมทอง ประมาณ 1 กิโลเมตรจะเจอวัดสะพาน ตลาดน้ำเปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-15.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่โทร.08-6035-0424
