“ประพันธ์” ฮึ่มเอาผิดกับ “เหลือบการเมือง” ทันที หากพบข้อมูลว่ามีการซื้อ-ขายโควตา ส.ส.ในพื้นที่ ก่อนการเลือกตั้งซ่อม ชี้หากมีผลประโยชน์ตอบแทน จะทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต-ไร้ความเที่ยงธรรม ย้ำชัดอย่าหลงระเริงว่า กกต.ไม่รู้ไต๋ แย้มส่งฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวอยู่ตลอดเวลา
วานนี้ (25 ธ.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.อีสาน ซึ่งเคยเป็นกรรมการบริหารอดีตพรรคพลังประชาชน แล้วถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ได้เสนอขายโควตาการลงสมัครรับเลือกตั้งจำนวน 1 ล้านบาท ให้ผู้สมัครเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการจะลงสมัครเลือกตั้งซ่อมว่า การเลือกตั้ง หากให้ผลประโยชน์ตอบแทน อาจทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต และเที่ยงธรรม
“ฉะนั้น หากมีการซื้อตัวผู้สมัครให้มาสังกัดพรรคการเมือง ก็ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 และจะเข้าข่ายได้รับใบเหลือง หรือใบแดงจาก กกต. ดังนั้น นักการเมืองอย่าประมาท หรือคิดว่า กกต.จะไม่รู้ทัน เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา กกต.ได้ให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวนหาข่าวอยู่ตลอดเวลา” นายประพันธ์ ระบุ
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีนายทุนบริจาคเงินให้กับพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 80 ล้านบาทว่า เงินบริจาคอะไรก็ตาม กกต.มีข้อกำหนดเกี่ยวกับเรื่องเงินบริจาคอยู่แล้วว่า บุคคล หรือนิติบุคคล สามารถบริจาคเงินให้พรรคการเมืองได้ไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อปี และจะต้องแจ้งบัญชียืนยันการบริจาคมาที่ กกต.ด้วย ซึ่ง กกต.สามารถติดตามการบริจาคจากบัญชีดังกล่าวได้แน่นอน
ส่วนการบริจาคเงินให้กับผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวก็มีระเบียบการบริจาคเช่นเดียวกัน หากเป็นผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมือง ก็ต้องบริจาคตามระเบียบของพรรคการเมือง ส่วนผู้สมัครที่ไม่สังกัดพรรคการเมือง กกต.กทม. ได้กำหนดค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเอาไว้ คือ ไม่เกิน 39 ล้านบาทต่อคน ซึ่งต้องมีการทำบัญชีแจ้งมายัง กกต.เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากเรื่องการบริจาคเงินยังไม่มีผู้ร้องเรียนมาอย่างเป็นทางการ กกต.ก็ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบอะไรได้ เพราะไม่ทราบข้อมูล และข้อเท็จจริง หรือมีเพียงกระแสข่าว แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน ถ้าหากมีการร้องเรียนเข้ามา กกต.ก็พร้อมที่จะตรวจสอบให้อย่างแน่นอน