เด็ก พปช.อ้างผู้แทนปวงชนชาวไทย ออกแถลงการณ์สุดบิดเบือน ป้ายสีพันธมิตร เสนอการเมืองใหม่ นำไปสู่เผด็จการรัฐสภา กระเหี้ยนกระรือทวงถามทำเนียบ ยืมมือ “ครม.สมชาย” ช่วยจัดการพันธมิตรแทนด้วย ฉวยโอกาสยัดข้อหากบฏซ้ำเติม
วันนี้ (24 ก.ย.) ที่รัฐสภา กลุ่มผู้แทนปวงชนชาวไทย นำโดย นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี นายอนันต์ ศรีพันธุ์ ส.ส.อุดรธานี นายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.กาฬสินธุ์ จากพรรคพลังประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวถึงแถลงการณ์จากผู้แทนปวงชนชาวไทยฉบับที่ 3 ว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กำลังถูกสงสัยว่า ปลุกปั่นประชาชนเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง รัฐบาลจะต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ทั้งนี้แกนพันธมิตรฯ ที่กำลังถูกมองว่า กำลังใช้ประชาชนส่วนหนึ่งเป็นเครื่องในการแย่งชิงหรือแย่งอำนาจอธิปไตยไปจากปวงชนชาวไทยและกำลังผิดรัฐธรรมนูญสำหรับการเมืองใหม่นั้นควรจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ควรถามเจ้าของอำนาจคือ ประชาชนว่า ประชาชนส่วนมากจะเอาหรือไม่ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ก็รักชาติไม่น้อยกว่าพวกท่าน ไม่ใช่พูดคุยอยู่ในวงแค่ 6-7 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามเรียกร้องให้ ผบ.ตร.ในฐานะผู้รักษาการเร่งเจรากับกลุ่มพันธมิตรฯให้เห็นแก่ประเทศไทยของเรา เพราะไม่มีที่ไหนในโลกที่ทำเนียบรัฐบาลจะถูกกลุ่มผู้ประท้วงยึดครองเช่นนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
พ.ต.ท.สุรทิน กล่าวว่า ข้อเสนอของพันธมิตรฯ เหลวไหล ใช้ไม่ได้ ทั้งสิ้น เราพยายามให้โอกาสพันธมิตรฯให้เดินลงแต่กลับหลงระเริงไม่รู้ว่า ทำอะไรอยู่ ถือเป็นเรื่องอันตราย จึงฝากเตือนแกนนำทั้ง 5-6 คน ระวังจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เพราะขณะนี้หาความชอบธรรมไม่ได้แล้ว ซึ่งพวกตนจะรอรัฐบาลสักพักหนึ่งจะดูว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี จะดำเนินการอย่างไร ฝ่ายปกครองจะทำอย่างไรในเรื่องนี้
นายคมเดช ได้กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายสุริยะใส กตะศิลา เสนอการเมืองใหม่ 50:50 ถือเป็นกลไกที่ใช้ในการสรรหาสภาสูงในขณะนี้ การคัดสรรไม่มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่มีใบเหลือง ใบแดงมาเกี่ยวข้อง ซึ่งเท่ากับเกิดเผด็จการในสภาสูงแล้ว หากสรรหาส.ส.ลักษณะเดียวกันก็จะเกิดเผด็จการในสภาล่างและจะเป็นเผด็จการรัฐสภาทั้งหมด เกิดจากการสรรหาแค่คน 7-8 คนเท่านั้น
เป็นที่สังเกตว่าการแถลงของ ส.ส.พลังประชาชนครั้งนี้เป้นการจงใจบิดเบือนข้อมูลเพื่อให้ร้ายพันธมิตรฯ โดยกล่าวหาว่าพันธมิตรฯ ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และบิดเบือนว่าการเมืองใหม่เป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญ ทั้งที่แกนนำพันธมิตรฯ ได้แถลงยืนยันรวมทั้งกล่าวปราศรัยบนเวทีมาหลายครั้งว่า การเมืองใหม่จะยังเป็นการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และจะต้องเทิดทูนรวมทั้งปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ สูตรการเมืองใหม่ 50:50 ที่นายคมเดชเอามาอ้างนั้น ก็เป็นข้อมูลที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง เพราะจากการเสวนาของพันธมิตรฯและนักวิชาการเบื้องต้นเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา มีข้อสรุปว่า จะเป็นการเลือกตั้ง 100 % โดยแบ่งเป็นเลือกตั้งตามเขตพื้นที่แบบเดิมและเลือกตั้งตามสาขาอาชีพซึ่งยังไมได้ข้อสรุปว่าจะใช้สัดส่วนเท่าใด โดยจะมีการสัมมนาอีกครั้งในวันที่ 27 ก.ย.นี้
