นายกฯ ไม่หวั่นม็อบเสื้อแดง สั่งจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด มั่นใจแถลงนโยบายราบรื่น ยกตัวอย่างทั่วโลกกระตุ้นเศรษฐกิจแบบประชานิยมแย้งหาเสียง ลั่นไม่ยึดติดตำแหน่ง ยันรัฐบาลมาแล้วก็ไป หลังฟื้นเศรษฐกิจ-บ้านเมืองสงบ คืนอำนาจ ปชช.
วันนี้ (25 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการนครบาล (ผบช.น. )ระบุว่าจะมีเหตุเกิดขึ้นจากกลุ่มเสื้อแดงในวันแถลงนโยบาย (28 ธ.ค.) ว่า รองนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้ได้พูดคุยกันส่วนหนึ่งเรียบร้อย เมื่อถามว่า ทาง ผบช.น.กังวลว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ติดตามกันอย่างใกล้ชิด ยืนยันว่าสถานการณ์ขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบและเดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำให้ดีที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานสถานการณ์ทุก 6 ชั่วโมง เป็นมาตรการที่เข้มแข็งพอหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราสามารถประเมินสถานการณ์ได้เป็นระยะๆ ฉะนั้น จากวันนี้ถึงวันที่ 28 ธ.ค.คงเห็นความเคลื่อนไหว และดูว่าจะต้องมีการปรับปรุงการปฏิบัติงานอย่างไร
เมื่อถามว่า คิดว่าสถานการณ์วันที่ 28 ธ.ค.จะผ่านไปได้ราบรื่นหรือไม่กับการแถลงนโยบายของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะเราได้ติดตามสถานการณ์อยู่ขณะนี้ได้ทำความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นการเปลี่ยนแปลงตามระบบ บ้านเมืองต้องการที่จะตั้งหลักเดินหน้าแก้ปัญหาประชาชน หวังว่าจะได้รับโอกาส ส่วนใครที่ยังติดใจและต้องการแสดงออก ก็สามารถทำได้ในกรอบของรัฐธรรมนูญโดยสงบ ถ้ายอมรับอย่างนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า กรณีที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์ผ่าน CNN ถ้าคลี่คลายวิกฤติแล้วจะยุบสภา ขอให้ขยายความเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอเรียนว่าตนถูกสอบถามการทำงานและการตัดสินใจทางการเมืองเป็นอย่างไร ตนชี้แจงว่า เป็นเรื่องปกติระบบรัฐสภา ไม่สามารถตอบได้ว่ารัฐบาลจะมีอายุแน่นอน เพราะไม่ใช่ระบบที่มีวาระตายตัว เมื่อภารกิจเบื้องต้นของรัฐบาลเบื้องต้น การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และให้เกิดความสงบในบ้านเมือง เมื่อทำตรงนี้เสร็จแล้วก็ต้องพิจารณาอีกทีว่าต้องดำเนินการอย่างไร
“คงไม่มีประโยชน์ที่ผมจะไปกำหนดอายุเป็นเดือน เป็นวัน เป็นสัปดาห์ เป็นปี แต่จะดูตามความเหมาะสม เพราะผมถือว่าผมเป็นนายกฯ ในวิถีทางประชาธิปไตย ก็จะดูตามความเหมาะสม ถ้าคิดว่าสถานการณ์มีความเหมาะสมที่จะคืนอำนาจให้ประชาชนก็สามารถทำได้ แต่ไม่ควรขีดเส้นล่วงหน้า ทั้งนี้ ต้องดูสถานการณ์ตามความเป็นจริง เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการ เช่น การปฏิรูปการเมือง ต้องดูหลายปัจจัยประกอบกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า สถานการณ์แบบไหนที่เห็นว่ามีความเหมาะสม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าดูตามความเป็นจริงดีกว่า คงไม่สามารถวาดภาพสถานการณ์นั้นนี้ได้เพราะมีปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเมืองและเรื่องอื่นๆ
เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงจาก นพ.ประเวศ วสี ราษฎรอาวุโส ระบุว่าประชานิยมถ้าไม่สร้างสรรค์จะเป็นยาเสพติดให้แก่ประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่ทั่วโลกทำเหมือนกันเขาไม่เรียกประชานิยม แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความจำเป็น เพราะถ้าไม่สามารถรักษากำลังซื้อของประชาชนได้ เศรษฐกิจจะถดถอยและซบเซาอย่างรุนแรง ต้องแยกออกจากแนวคิดใช้นโยบายในลักษณะการหาเสียงหรือเพือความสะดวกทางการเมือง ต้องหามาตรการให้เงินเข้ากระเป๋าประชาชนเพื่อรักษากำลังซื้อให้ได้ อย่างอเมริกา จีน ญี่ปุ่นก็ทำ ส่วนการใช้เงินต้องมีเป้าหมายไม่ใช่เป็นเงินที่ปล่อยไปแล้วไม่สร้างสรรค์อะไร โครงการเรียนฟรีไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นประชานิยม เพราะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับประเทศชาติบ้านเมือง ส่วนเงินที่นำไปใช้ในชุมนุมเป็นไปตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้ความมั่นใจว่าไม่ต้องการให้ประชาชนเสพติดกับสิ่งเหล่านี้ แต่บังเอิญไทยอยู่ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าเทียบเคียงโครงการที่ทำ กับโครงการที่มักจะมีการรั่วไหล และการกระจุกตัว เมื่อเทียบแล้วเราต้องใช้โครงการที่สามารถกระจายกำลังซื้อได้มากที่สุด ยกเว้นบางโครงการที่เป็นประโยชน์ในแง่โครงสร้างพื้นฐาน ฉะนั้นทุกอย่างต้องมีผลตอบแทนกลับมาไม่ใช่เงินที่หายไป