“นายกฯ” สานต่อน้ำ-ไฟฟรี สั่ง “กรณ์” เช็คบิลแบงก์พันปลอม

“อภิสิทธิ์” วาง 3 มาตรฐาน ยุติธรรม-ปฏิรูปการเมือง-รับใช้ ปชช.เสมอภาค สร้างชาติสมานฉันท์ รับปากประเมินผลงานทุก 3 เดือน สั่งการด่วน รมว.คลัง จัดการแก๊งปลอมแบงก์พัน ยืนยันรับพิจารณาสานต่อมาตรการ 6 เดือน ใช้น้ำ-ไฟ ฟรี

วันนี้ (23 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีนโยบายสร้างความสามัคคีในชาติจะทำให้เสมอภาคอย่างไรระหว่างเสื้อแดงและเสื้อเหลือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้แสดงไปในกรอบว่า การแก้ไขเพื่อให้เกิดความสามัคคี คือ ทำให้เกิดความยุติธรรม ส่วนที่หนึ่ง การจัดการคดีความต่างๆ ต้องมาตรฐานเดียวกัน ความยุติธรรมในส่วนที่สอง กลุ่มที่มีความขัดแย้งกันอยู่ มีข้อเรียกร้องทางการเมือง ซึ่งต้องใช้กระบวนการปฏิรูปการเมืองให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างเป็นธรรม แก้ที่ตรงจุดนี้ ส่วนที่สาม ความยุติธรรมที่ประชาชนคนไทยทุกคนเพิ่งจะได้รับจากการทำงานของรัฐบาล คือ การทำงานที่ไม่มีการแบ่งภาค แบ่งฝ่าย และทำงานให้กับคนทุกคน ส่วนการปฏิรูปการเมืองต้องใช้เวลาเท่าไรนั้น ยังไม่ได้กำหนด เพราะตนคิดว่าหัวใจสำคัญของการปฏิรูปการเมืองที่จะเริ่มขึ้นได้ คือการได้ตัวบุคคลหรือองค์กรที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ไม่อย่างนั้นจะเริ่มต้นไม่ได้ จึงต้องไปหาตรงนี้ถือเป็นภารกิจสำคัญ ส่วนแรกเมื่อได้ตัวบุคคลแล้ว เรื่องกระบวนการและกรอบเวลาค่อยมาว่ากันอีกที

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้เวลาเท่าไรในการประเมินผลงานคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าตนจะเป็นคนประเมินตลอด ตั้งแต่ตอนนี้ไปจะต้องประเมินอยู่ตลอด ซึ่งทุก 3 เดือนก็ต้องประเมินอยู่แล้ว

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงแบงก์พันปลอม นายกฯ ได้ขอให้ผู้สื่อข่าวสอบถามรัฐมนตรีคลัง โดยกล่าวว่า การทำแบงก์พันถือเป็นการทำผิดกฎหมาย แน่นอนต้องดำเนินการและจะให้แนวทางกับเจ้าหน้าที่ชัดเจนว่าจะตรวจสอบอย่างไร

เมื่อถามว่า จะมีการสกัดกั้นหรือตรวจสอบแหล่งที่มาของแบงก์พันปลอมอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องไปดำเนินการโดยเร็ว เมื่อถามต่อว่าเศรษฐกิจก็ไม่ดี การพิมพ์แบงก์ปลอมเท่ากับเป็นการซ้ำเติมให้เศรษฐกิจแย่ลงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน การกระทำดังกล่าวย่อมกระทบต่อการใช้สอย ส่วนเรื่องแบงก์ปลอมก็ถือเป็นหน้าที่ที่เจ้าหน้าที่ต้องจัดการ

เมื่อถามว่า รัฐบาลได้เตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจหลังแถลงนโยบายรัฐบาลก็จะทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาคการเกษตร ภาคแรงงาน ภาคธุรกิจ ภาคท่องเที่ยว ภาคการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ในนโยบายเร่งด่วนที่ได้มีการระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้วและมีกลไกมาขับเคลื่อนใน 2 ส่วน คือ คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ กับคณะกรรมการภาครัฐและเอกชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วเรื่องของการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่บอกว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลได้มีการมอบหมายแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของภาคใต้ท่านรองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ และจะได้เลือกรัฐมตรีท่านหนึ่งเข้าไปดูแลในพื้นที่ เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย และขั้นต่อไปจะมีการออกกฎหมายที่จะมีองค์กรบริหารจัดการและให้มีรัฐมนตรีมีอำนาจตามกฎหมายในการบริหารงานต่อไป

เมื่อถามว่า องค์กรที่จะตั้งขึ้นจะมีรูปแบบเหมือน ศอ.บต.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีกฎหมายที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เคยเสนอไป เมื่อถามว่า โดยตำแหน่งนายกฯแล้ว ถือเป็น ผอ.กอ.รมน.จะเชิญทุกฝ่ายมาหารือเพื่อสังคายนาปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้หรือไม่ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่แท้จริง นายกฯ กล่าวว่า แน่นอนครับ เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอยู่แล้ว สิ่งที่ตนอยากจะเรียนตามหลักคิดและนโยบายของตน การแก้ไขปัญหาภาคใต้ขณะนี้ ดูเฉพาะมติความมั่นคง ดูในแง่กองกำลังไม่ได้ ซึ่งสภาพปัจจุบัน คือสภาพที่กองกำลังพยายามทำหน้าที่ตรึงสถานกาณ์ แต่ปัญหาพื้นที่ ความเป็นอยู่ของประชาชน

“หากได้รับการแก้ไข เรายังต้องใช้กำลังมหาศาลอยู่ในพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่คำตอบสุดท้าย คำตอบที่ยั่งยืน ฉะนั้นจะต้องมีการมาทบทวนกัน การแก้ไขปัญหาภาคใต้ขณะนี้เหมือนการเลี้ยงไข้ ฝ่ายเราตั้งรับอย่างเดียว ตนยอมรับ เรื่องนี้ถ้ามีเครื่องไม้เครื่องมือมีความชัดเจนว่า ต่อไปนี้การแก้ปัญหาทุกภาคส่วนพร้อมกันไป ทุกมิติ ตนมั่นใจว่าสถานการณ์จะดีขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะลงไปดูปัญหาในพื้นที่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้ามีเวลาก็จะลงไปดู ตนเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสานต่อมาตรการ 6 เดือน 6 มาตรการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า จะพิจารณาต่อไป การลดค่าครองชีพของประชาชนก็ถือว่าอยู่ในนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อสภาอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องน้ำ เรื่องไฟ รถเมล์ รถไฟ แต่ขอดูรายละเอียดว่าต้องมีการแก้ไขอย่างไร