“อภิสิทธิ์” เดินสายรับฟังปัญหาเกษตรกร รับปากเร่งหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งในและนอกระบบ ประกันราคาพืชผล ก่อนเข้าพบปะผู้ประกอบการท่องเที่ยว เตรียมหาทางช่วยเหลือทั้งด้านเทคนิค และข้อกฎหมาย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (17 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งสหกรณ์ไทย ก่อนที่จะประชุมร่วมกับผู้แทนเกษตรกร สมาคมชาวนา สมาคมชาวไร่ สมาคมผู้ส่งออกข้าว สมาคมโรงสี สมาคมผู้แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ธ.ก.ส.และกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร ที่ห้องประชุมรัชนีแจ่มจรัส สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย
โดยตัวแทนเกษตรกรรายงานให้ว่าที่นายกรัฐมนตรีรับทราบถึงปัญหา โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินจากการกู้เงินทั้งในและนอกระบบ มาประกอบอาชีพและพัฒนาการเกษตร ซึ่งปัญหาหนี้สินเป็นปัญหาที่เกษตรกรทุกกลุ่มได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด จึงเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหา ดูแลเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และช่วยเหลือเรื่องราคาผลผลิตตกต่ำ หลังจากนั้นขอให้เข้ามาช่วยเยียวยาโดยการสนับสนุนทุน ความรู้ รวมทั้งหาตลาดเพื่อกระจายสินค้า ลดปัญหาการกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง ส่วนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง และข้าวโพด ขอให้รัฐบาลประกาศราคาอย่างชัดเจน และประกันราคาพืชผล เพื่อลดปัญหาการขาดทุน รวมทั้งเพิ่มโควต้าการรับจำนำข้าวโพด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 5 แสนตัน เพื่อให้เกษตรกรอยู่รอดได้
ด้านนายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า จะรับปัญหาไปแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาการรับจำนำข้าวโพด ราคายางพาราตกต่ำ และสานต่อโครงการรับจำนำข้าวให้แล้วเสร็จในฤดูการผลิต รวมทั้งเดินหน้าการประกันราคาพืชผลด้วย หลังจากนั้น จะช่วยแก้ไขปัญหาที่เรื้อรังมานาน ทั้งการจัดหาที่ดินทำกินให้เกษตรกร ปัญหาหนี้สิน การบริหารจัดการระบบการกระจายน้ำ ทั้งนี้มั่นใจว่าภาคเกษตรของไทยยังมีอนาคต เนื่องจากทั่วโลกยังต้องการอาหารอีกมาก
หลังจากนั้น นายอภิสิทธิ์เดินทางไปพบกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพื่อรับฟังผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก และการเมืองไทย ที่สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย ขณะที่ในช่วงบ่าย จะพบปะกับกลุ่มสหภาพแรงงาน องค์กรนายจ้าง เพื่อรับฟังสถานการณ์การเลิกจ้างแรงงาน ที่พรรคประชาธิปัตย์
จากการพบปะพูดคุยรับทราบปัญหาและข้อเสนอแนะของสมาคมธุรกิจด้านการท่องเที่ยว 8 สมาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่นายกรัฐมนตรี ได้รับปากจะนำข้อเสนอที่ได้ไปหาช่องทางช่วยเหลือและเร่งแก้ไขปัญหาให้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของด้านเทคนิค ข้อกฎหมาย เรื่องของค่าธรรมเนียมโรงแรม รวมทั้งเรื่องของการที่ภาครัฐได้จัดทำทัวร์แข่งกับภาคเอกชน เนื่องจากรับทราบดีว่าการท่องเที่ยวเป็นภาคที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และรวดเร็วที่สุดในสถานการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งจะเร่งสร้างความเชื่อมั่นบนหลักการของความปรองดอง โดยยืนยันว่า พรรคร่วมรัฐบาลทำงานร่วมกันได้ไม่เป็นปัญหา นอกจากนี้ เตรียมใช้เวทีสุดยอดอาเซียนในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เป็นโอกาสเรียกความเชื่อมั่นให้กับคืนมาสู่ประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
จากนั้นว่าที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเข้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อประชุมพบปะกับกลุ่มสภาแรงงาน องค์กรนายจ้าง เพื่อรับฟังปัญหาและนำมาประกอบการจัดทำนโยบายต่อไป