“เพื่อไทย” ทำเป็นงงสรรหาผู้นำฝ่ายค้านค่อนข้างหนักใจ ตะแบงพูดไปเรื่อยถือเป็นปรากฏที่แปลกเมื่อฝ่ายค้านมีเสียงข้างมากกว่ารัฐบาล ด้าน “พงศ์เทพ” ไม่ข้องแวะคดีความ “นายใหญ่” วอนรักษามาตรฐานเดียวกัน
วันนี้ (16 ธ.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรว่า พรรคยังต้องหารือกันก่อนเพื่อหาบุคคลที่เหมาะสม เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนให้ความสนใจ ส่วนการจะเสนอชื่อนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ตามหลักการรัฐธรรมนูญถือว่าทำได้ แต่ภาระหน้าที่เดิมที่พรรคเพื่อไทยมอบให้นายเสนาะก็หนักแล้ว จึงคงต้องคุยกันก่อนว่าจะตัดสินใจอย่างไร อีกทั้งพรรคเองก็มีหลายบุคคลที่เหมาะสม จึงต้องฟังเสียงข้างมากในพรรคก่อนว่ามีความเห็นอย่างไร แต่การจะปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่คงยังไม่ใช่ตอนนี้ ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ดีที่สุด แต่ยังสับสนว่าจะทำอย่างไร คงต้องคุยกันก่อน เพราะถือเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกที่พรรคฝ่ายค้านมีเสียงมากกว่าพรรครัฐบาล และเมื่อเลือกตั้งซ่อมก็คาดว่าน่าจะได้กลับมาเพิ่มอีก
นายวิทยา กล่าวว่า การสรรหาผู้นำฝ่ายค้านคงทำในเร็วๆ นี้ แต่ขณะนี้พรรคกำลังเตรียมยุทธศาสตร์การเลือกตั้งซ่อม กำลังดูเรื่องตัวบุคคลอยู่ และคาดว่าไม่น่ามีปัญหา อย่างไรก็ตามบางพื้นที่ยังติดขัดเรื่องการต้องสังกัดพรรคให้ครบ 90 วัน แต่ยืนยันว่าพรรคจะทำให้ดีที่สุด แต่คงพูดไม่ได้ว่าจะส่งหรือไม่ส่งลงพื้นที่ไหน เพราะจะถือว่าเป็นการฮั้วเลือกตั้ง ซึ่งผิดกฎหมาย
ด้าน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกล่าวถึงการสนทนากับอดีตนายกฯ หลังทรบผลการโหวตเลือกนายกฯ แล้วว่า อดีตนายกฯไม่ได้พูดอะไร แต่ยังมีความเป็นห่วงประเทศและประชาชน เมื่อถามว่าการโฟนอินล่าสุดของอดีตนายกฯเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่บอกว่าจะสู้งานการเมืองอีกนั้นคืออะไร นายพงศ์เทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้คุย เมื่อถามว่า เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้วนั้นจะมีผลกับคดีความของอดีตนายกฯหรือไม่และจะมีแนวทางสู้คดีแบบใด นายพงศ์เทพ กล่าวว่า อดีตนายกฯ บอกว่าสิ่งใดที่กระทำไว้เป็นมาตรฐานเดียวกับบุคคลอื่นนั้นก็รับได้ ส่วนวิธีการสู้คดีต่างๆ นั้นทีมทนายความจะเป็นผู้ดำเนินการโดยตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้เพิกถอนพาสปอร์ตเล่มแดงของอดีตนายกฯ แล้ว นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าโดยปกติแล้วจะกระทำกันแบบนี้หรือไม่เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ ขอย้ำว่าหากเรื่องนี้เคยกระทำกับคนอื่นๆ และเป็นมาตรฐานแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณก็รับได้
วันนี้ (16 ธ.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรว่า พรรคยังต้องหารือกันก่อนเพื่อหาบุคคลที่เหมาะสม เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนให้ความสนใจ ส่วนการจะเสนอชื่อนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ตามหลักการรัฐธรรมนูญถือว่าทำได้ แต่ภาระหน้าที่เดิมที่พรรคเพื่อไทยมอบให้นายเสนาะก็หนักแล้ว จึงคงต้องคุยกันก่อนว่าจะตัดสินใจอย่างไร อีกทั้งพรรคเองก็มีหลายบุคคลที่เหมาะสม จึงต้องฟังเสียงข้างมากในพรรคก่อนว่ามีความเห็นอย่างไร แต่การจะปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่คงยังไม่ใช่ตอนนี้ ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ดีที่สุด แต่ยังสับสนว่าจะทำอย่างไร คงต้องคุยกันก่อน เพราะถือเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกที่พรรคฝ่ายค้านมีเสียงมากกว่าพรรครัฐบาล และเมื่อเลือกตั้งซ่อมก็คาดว่าน่าจะได้กลับมาเพิ่มอีก
นายวิทยา กล่าวว่า การสรรหาผู้นำฝ่ายค้านคงทำในเร็วๆ นี้ แต่ขณะนี้พรรคกำลังเตรียมยุทธศาสตร์การเลือกตั้งซ่อม กำลังดูเรื่องตัวบุคคลอยู่ และคาดว่าไม่น่ามีปัญหา อย่างไรก็ตามบางพื้นที่ยังติดขัดเรื่องการต้องสังกัดพรรคให้ครบ 90 วัน แต่ยืนยันว่าพรรคจะทำให้ดีที่สุด แต่คงพูดไม่ได้ว่าจะส่งหรือไม่ส่งลงพื้นที่ไหน เพราะจะถือว่าเป็นการฮั้วเลือกตั้ง ซึ่งผิดกฎหมาย
ด้าน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกล่าวถึงการสนทนากับอดีตนายกฯ หลังทรบผลการโหวตเลือกนายกฯ แล้วว่า อดีตนายกฯไม่ได้พูดอะไร แต่ยังมีความเป็นห่วงประเทศและประชาชน เมื่อถามว่าการโฟนอินล่าสุดของอดีตนายกฯเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่บอกว่าจะสู้งานการเมืองอีกนั้นคืออะไร นายพงศ์เทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้คุย เมื่อถามว่า เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แล้วนั้นจะมีผลกับคดีความของอดีตนายกฯหรือไม่และจะมีแนวทางสู้คดีแบบใด นายพงศ์เทพ กล่าวว่า อดีตนายกฯ บอกว่าสิ่งใดที่กระทำไว้เป็นมาตรฐานเดียวกับบุคคลอื่นนั้นก็รับได้ ส่วนวิธีการสู้คดีต่างๆ นั้นทีมทนายความจะเป็นผู้ดำเนินการโดยตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้เพิกถอนพาสปอร์ตเล่มแดงของอดีตนายกฯ แล้ว นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าโดยปกติแล้วจะกระทำกันแบบนี้หรือไม่เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ ขอย้ำว่าหากเรื่องนี้เคยกระทำกับคนอื่นๆ และเป็นมาตรฐานแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณก็รับได้