xs
xsm
sm
md
lg

“นิธิ” ดักดานนิยามการเมืองใหม่ 70:30 - “ส.ศิวรักษ์” หยันเสื้อแดงชุมนุม 200 วันไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์
“นิธิ” ยังดักดาน เชื่อ การเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ คือ สัดส่วน ส.ส.70-30 เพื่อให้คนชั้นกลางในเมืองมีที่นั่งในสภา หลัง “แม้ว” สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อ้างใครเป็นนายกฯ บ้านเมืองก็ไม่สงบ เพราะการเมืองปรับตัวไม่ทัน ด้าน “ส.ศิวรักษ์” เชื่อ ปชป.ตั้งรัฐบาลดีกว่า 3 ทรราช เย้ย “เสื้อแดง” ถูกซื้อ ไม่มีทางชุมนุมได้ 200 วัน เหมือนเสื้อเหลือง

เว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานข่าวการเสวนาเนื่องในพิธีมอบรางวัล “วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์” ครั้งที่ 1 แก่ผู้ทำวิทยานิพนธ์เพื่อคนจน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอิสระ จากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นัดคิดนักเขียนอิสระ นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เข้าร่วมการเสวนา

ในระหว่างการเสวนา นายนิธิ ได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมือง กรณีพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ว่า แม้ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล บ้านเมืองก็จะไม่สงบอยู่ดี สาเหตุเชิงลึกคือ การเมืองไทยปรับตัวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจ ส่วนความขัดแย้งในสังคมจากเสื้อแดง และเสื้อเหลือง ตีกัน เป็นแค่ปรากฏการณ์ ตราบใดการเมืองไทยยังไม่สามารถหาสูตรทำให้ระบบการเมืองรองรับความหลากหลายในสังคมได้ ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ หรือ พรรคเพื่อไทย

นายนิธิ กล่าวว่า ไม่ว่าใครใน 2 พรรคนี้เป็นรัฐบาล บ้านเมืองก็ไม่สงบ เพราะระบบการเมืองยังปรับตัวไม่ทัน การเมืองทุกวันนี้ ยังไม่ใช่การเมืองที่ตอบสนองความเปลี่ยนแปลง สมัยรัฐบาลทักษิณ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจไทยได้สะท้อนออกมาในระบบการเมืองในแบบที่คนกรุงเทพฯ หรือคนในเมือง ไม่เคยเจอมาก่อน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงพยายามเสนอ คือ สูตรการเมืองแบบ 70-30 ก็มาจากการชนชั้นกลางในกรุงเทพฯ เริ่มรู้สึกว่าหมดอำนาจในการกำกับรัฐบาล จึงต้องขอโควตาเพื่อดันคนของตัวเองเข้าไปนั่งในสภา

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า จนป่านนี้ นายนิธิ ยังคงเข้าใจว่า การเมืองใหม่ที่เสนอโดยพันธมิตรฯ นั้น คือ ระบบการเมืองที่มี ส.ส.มาจากการสรรหาร้อยละ 70 และเลือกตั้งร้อยละ 30 ตามที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เคยเสนอไว้เมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ซึ่งเป็นเพียงตุ๊กตาที่เสนอไว้ให้ถกเถียงเท่านั้น และที่จริงแล้วการเมืองใหม่ไม่ใช่แค่เรื่องสัดส่วนจำนวน ส.ส.แต่เป็นความต้องการที่จะปฏิรูปการเมืองทั้งระบบ เพื่อให้หลุดพ้นจากการครอบงำของทุนสามานย์ที่เต็มไปด้วยความฉ้อฉล ทุจริตคอร์รัปชัน โดยพันธมิตรฯ ได้จัดสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างฝ่ายต่างๆ ถึง 6 ครั้ง ก่อนที่จะมีข้อสรุปเมื่อวันที่ 29 ต.ค.2551 ถึงเนื้อหาการเมืองใหม่ 4 ประเด็น คือ การพิทักษ์ไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง 2.ประชาชนทุกสาขาอาชีพ และทุกภาคส่วนในสังคม มีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแท้จริง 3.ส่งเสริมให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง และป้องกันไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ และ 4.ทำให้พลเมืองมีความเข้มแข็ง เพื่อวางรากฐานทำให้การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทย มีความเข้มแข็งและยั่งยืน (อ่านข่าว พันธมิตรฯ ชู “4 ธงธรรม”นำสู่การเมืองใหม่)

ด้าน นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ กล่าวในเวทีเสวนา ว่า สถานการณ์การเมืองหลังจากนี้จะดีขึ้น เพราะได้ผ่านความเลวร้ายตกต่ำถึงขีดสุดมาแล้ว ทั้งการยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน ไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การกระทำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้ายึดสถานที่ต่างๆ นั้น ถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เพราะรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ถ้ารัฐบาลมีกึ๋นก็สามารถสลายการชุมนุมได้โดยสันติวิธี แต่รัฐบาลทำไม่ได้ เพราะทหารและตำรวจมีความสลับซับซ้อนหลายอย่าง

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ใช่จะเป็นรัฐบาลที่ดีได้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่า 3 ทรราช ที่แล้วมาก็พอ แต่พูดตรงๆ พรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นพรรคที่ไม่เคยเข้าใจคนยากคนจน ตีฝีปากอย่างเดียว ตนพูดด้วยความหวังดีต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ปรับตัวแล้วไปเยี่ยมคนจน ไปฟังความทุกข์ยากของประชาชนพรรคประชาธิปัตย์ก็จะเป็นพรรคที่ยึดครองจิตใจของประชาชนได้ ซึ่งตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาประชาธิปัตย์ไม่เคยทำได้มาก่อน

ผู้สื่อข่าวถามความเห็นถึงมวลชนเสื้อแดงที่อาจจะก่อตัวขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นายสุลักษณ์ กล่าวว่า มวลชนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นรากหญ้าจริงๆ ก็ไม่น้อยส่วนที่ซื้อมาก็ไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ต้องขอโทษพวกเสื้อแดง เพราะตนจะบอกว่าเขาจะไม่สามารถชุมนุมอยู่ได้ถึง 200 วันเหมือนเสื้อเหลืองแน่นอน เพราะเสื้อแดงต้องมีทุน แม้คนที่มาด้วยความจริงใจ ก็อยู่ไม่ได้เหมือนเสื้อเหลือง

นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ ว่าต้องรอดูให้ดี ตนรู้สึกเป็นห่วงอยู่เสมอ แต่หวังว่าจะดีขึ้น เราอยู่ได้ด้วยความหวัง ช่วยกันทำความหวังให้เป็นจริง หวังว่า บ้านเมืองจะคลี่คลายไปในทางที่เรียบร้อย ส่วนปัญหาความแตกแยกทางความคิดของประชาชนในสังคมนั้นก็ขอเรียกร้องให้สื่อช่วยกันทำให้ทุกคนกลับมาเป็นคนไทยเหมือนกันแบบเดิม

อ่านข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
-"ส.ศิวรักษ์-นิธิ"มองต่างปชป.ตั้งรัฐบาล
สุลักษณ์ ศิวรักษ์
สุเมธ ตันติเวชกุล
กำลังโหลดความคิดเห็น