ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ 30 พ.ย.อัด “ชายกระโปรง” เต็มหมัด ชี้ สถานการณ์มิคสัญญีในบ้านเมือง รัฐบาลต้องเป็นผู้รับผิดชอบอันดับหนึ่ง ระบุ ถ้าจัดการไม่ได้ก็ต้องพิจารณาตัวเองด่วน เพราะจะคอยเติมเชื้อไฟความขัดแย้ง และลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ท่ามกลางความเสียหายของบ้านเมือง และความแตกแยกสังคมไม่ได้
วันนี้ (30 พ.ย.) ในบทวิเคราะห์การเมืองหน้า 3 โดยทีมข่าวการเมืองของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้มีการเผยแพร่บทวิเคราะห์เรื่อง “รัฐบาลชอบธรรม หยุดมิคสัญญี” โดยเนื้อหาของบทความดังกล่าวระบุถึงเหตุการณ์การบุกยึดสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนก่อให้เกิดผลกระทบลามไปทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีข่าวการปะทะกันของกลุ่มคนเสื้อแดง และเสื้อเหลือง มีการใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่กลุ่มพันธมิตรฯ ใจกลางกรุงเทพมหานคร
“ร้ายไปกว่านั้น ที่จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มม็อบเสื้อแดงบุกเข้าทำร้าย ยิง ฟัน กลุ่มคนเสื้อเหลือง เสียชีวิต 1 คน เหตุมิคสัญญีย่อยๆ เกิดขึ้นประปรายหลายพื้นที่และมีแนวโน้มที่จะยกระดับความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญ เหตุการณ์ปิดล้อมสนามบิน และการปะทะกันของกลุ่มเสื้อเหลือง เสื้อแดง ที่เกิดขึ้น เป็นข่าวกระจายไปทั่วโลก ทำให้ชาวต่างประเทศมีความรู้สึก ว่า ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในประเทศไทย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวถึงขั้นวิกฤต”
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ ได้ชี้ว่า รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบอันดับหนึ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เนื่องจากเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐและมีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศ
“ในสภาวการณ์เช่นนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์อันดับหนึ่ง ก็คือ รัฐบาล เพราะรัฐบาล คือ ผู้ใช้อำนาจรัฐ มีอำนาจสูงสุดในการบริหารราชการแผ่นดิน มีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ และให้การคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน
“ที่สำคัญ นายกฯสมชาย ประกาศมาตลอดว่า รัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้ง มาอย่างถูกต้องชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลเต็มๆ ที่จะต้องดำเนินการแก้ปัญหาที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศ ต้องบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยภายในบ้านเมือง
“ไม่ใช่คอยแต่จะขยายความขัดแย้งเพิ่มขึ้น จนเหตุการณ์บานปลายกลายเป็นมิคสัญญี หรือมัวแต่ท่องคาถา ว่า เป็นรัฐบาลที่มาจากความชอบธรรม โดยไม่ยอมหยุดยั้งความเสียหายที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศ” ไทยรัฐ ระบุ
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์หัวเขียว ยังกล่าวด้วยว่า การที่รัฐบาลปฏิเสธข้อเสนอยุบสภาของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วมทหารตำรวจ (คตร.) เพื่อแก้ไขปัญหาและทำให้กลุ่มพันธมิตรฯออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงยุติการชุมนุมทุกพื้นที่ โดยเลือกที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงตามพระราชกำหนดบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน และใช้แต่เพียงกำลังตำรวจ มิให้ทหารเข้ามายุ่งยังเป็นการสะท้อนความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับกองทัพอยู่ในทีอีกด้วย
ทั้งนี้ ในตอนท้ายทีมข่าวการเมืองได้วิเคราะห์ว่า ถ้ารัฐบาลไม่สามารถดำเนินการแก้ปัญหาใดๆ ได้ รวมไปถึงการปลด พล.อ.อนุพงษ์ ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล นายสมชาย ก็ควรจะพิจารณาตัวเอง เนื่องจากไม่อาจลอยตัวอยู่เหนือความขัดแย้งในสังคมและความเสียหายต่อเศรษฐกิจเช่นนี้ได้
“อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์ในการคลี่คลายปัญหาม็อบพันธมิตรฯ บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองในครั้งนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศ ถือว่าหนักหนาสาหัสอย่างยิ่ง ดังนั้น รัฐบาลในฐานะที่เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดในการ บริหารประเทศ จำเป็นจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาภายใต้อำนาจตามกรอบกฎหมาย เพื่อให้สถานการณ์กลับคืนสู่ความปกติโดยเร็วที่สุด
“โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากผู้ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ ไม่สนองตอบนโยบายของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ก็ต้องใช้อำนาจบริหารจัดการ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปตามนโยบายที่วางไว้ เพื่อหยุดยั้งความเสียหายของประเทศ
“อย่างล่าสุด นายกฯสมชาย ก็ได้มีคำสั่งย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ เพื่อความเหมาะสม เฉกเช่นเดียวกัน หากในกรณีที่กองทัพไม่สนองนโยบาย รัฐบาลก็มีอำนาจที่จะปลดย้ายผู้นำกองทัพ ถ้าปลดไม่ได้นายกรัฐมนตรีก็ต้องพิจารณาตัวเอง เพราะจะลอยตัวอยู่ท่ามกลางมิคสัญญีและความเสียหายของประเทศไม่ได้อีกแล้ว”