โฆษกนายกฯ ระบุ เพื่อไทยหากินกับศพ เย้ย “จตุพร” เปรียบศพเดินได้ อัด “เจ๊เพ็ญ-ณัฐวุฒิ” ตาขาวเก่งแต่นอกประเทศ ยันรัฐบาลมาตรฐานเดียว เชื่อหลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตำรวจจะควบคุมสถานการณ์ได้ เตรียมใช้กฎหมายความมั่นคงจัดการปั้นวีซีดีเท็จ โหมไฟเผาบ้านเมือง
วันนี้ (24 เม.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในช่วง 2 วันที่ผ่านมาว่า พรรคได้ประเมินแล้วถือว่าเป็นไปด้วยดี ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง และพอใจในคำชี้แจงของนายกฯ และรองนายกฯ ที่สามารถตอบโต้ได้ทันท่วงที ข้อมูลต่างๆที่พรรคฝ่ายค้านพยายามปั้นเรื่องขึ้นมา เอาบางช่วงบางตอน พูดเพียงครึ่งเดียวบ้าง แต่รัฐบาลก็สามารถชี้แจงหักล้างได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ข้อกล่าวหาที่ฝ่ายค้านกล่าวหารัฐบาลว่าทำรุนแรง โดยระบุว่ารัฐบาลฆ่าคนตาย และแต่งนิยายว่ามีคนในรถฟื้นขึ้นมาและเห็นคนตาย 10 ศพนั้น วันนี้ตนยังไม่เห็นศพที่เกิดจากการชุมนุมในเหตุการณ์การชุมนุมในวันที่ 13 เม.ย.เลย และการที่นายจตุพรบอกว่าจะเอาศพมาประจานที่รัฐสภาในวันที่มีการประชุมนั้น ตนก็รอดูว่าจะเอาศพมาจริงหรือไม่ ซึ่งก็ได้รอเฝ้าดูก็ไม่เห็น เห็นเพียงแต่ศพเดินได้ และศพพูดอภิปรายในสภาเท่านั้น
“ผมคิดว่าถ้าเขาต้องการให้มีศพจริงๆ และมีคนตายจริงๆ ความจริงแกนนำ นปช.น่าจะเสียสละสักคน สังเวยชีวิตเพื่อเป็นเหยื่อที่จะไล่รัฐบาล แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเสียสละชีวิต กลับพยายามเฟ้นหาชีวิตของคนอื่นมาแทน แต่ก็หาไม่ได้ การที่กลุ่มคนเสื้อแดงทำพิธีบังสุกุลเพื่อทำบูญอุทิศส่วนกุศลให้คนตาย พยายามสร้างภาพว่าเหตุการณ์นี้มีคนตายจริง และมีพิธีทำบุญจริง แต่ผมคิดว่าการทำบุญดังกล่าวเป็นการบังสุกุลเพื่ออุทิศตส่วนกุศลให้คนที่มีชีวิตอยู่ที่เร่ร่อนในต่างประเทศมากกว่า” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลมี 2 มาตรฐานนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลมีเพียงมาตรฐานเดียว แต่เหตุการณ์คนเสื้อเหลืองเกิดในรัฐบาลอื่น หากเกิดในรัฐบาลนี้ก็คงไม่ปล่อยให้คดีคาราคาซังจะต้องชัดเจนว่าคดีมีความผิดหรือถูก เพื่อให้มีผลปรากฏชัด ที่น่าแปลกใจคือนายจตุพร พรหมพันธุ์ พยายามพูดถึงรัฐบาลปราบปรามประชาชน และเรียกร้องให้รับผิดชอบโดยการลาออก ตนอยากบอกและถามนายจตุพรว่าทำไมตอนที่มีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อเหลืองในวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งมีการสลายการชุมนุมโดยแก๊สน้ำตา อาวุธปืน มีคนบาดเจ็บและล้มตาย ตอนนั้นนายจตุพรจึงไม่มีสามัญสำนึกออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกบ้าง ดังนั้น พฤติกรรมของนายจตุพรต่างหากที่แสดงให้เห็นว่าเป็น 2 มาตรฐาน
ส่วนกรณีที่นายจตุพรแก้ตัวให้นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช.ที่ประกาศต่อสู้ด้วยอาวุธ เพื่อล้มล้างรัฐบาล โดยอ้างว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของนายจักรภพ ไม่เกี่ยวข้องกับแกนนำคนอื่น นายเทพไทกล่าวว่า เชื่อว่านายวีระ มุสิกพงศ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.เป็นคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน และหากว่าคนเหล่านี้มีโอกาสไปพูดต่างประเทศก็จะพูดเหมือนนายจักรภพ และการที่นายจักรภพไปพูดเรื่องนี้ที่ต่างประเทศ ไม่ยอมพูดที่ประเทศไทย เพราะเกรงกลัวกฎหมายไทย ดังนั้น คิดว่านายจตุพรไม่ยอมรับ และไม่กล้าเผชิญความจริง ถ้าสังเกตดวงตาของคนเหล่านี้จะเห็นว่ามีตาขาวมากกว่าตาดำ
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า การที่ ส.ส.เพื่อไทย กล่าวว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นนายกฯ มือเปื้อนเลือด ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง บรรดานายกฯ ทั้งหมด นายอภิสิทธิ์ถือว่ามือสะอาดคนหนึ่ง เนื่องจากเป็นที่ยอมรับของคนทั้งในและต่างประเทศ และตนแปลกใจว่าที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ถูกฆาตกรคนเสื้อแดงไล่ล่าเอาชีวิต แต่ในวันนี้กับมีการสร้างภาพในทางตรงข้ามว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนเสื้อแดง ซึ่งกลับตาลปัตร จึงไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรและทำไปทำไม ทั้งนี้ การที่นายกฯ ยกเลิกการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน แต่กลุ่มคนเสื้อแดงยังคงยืนยันมีการชุมนุมโดยย้ายจากศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร มาที่มหาชัยเมืองใหม่ แต่ก็จัดชุมนุมไม่ได้ เนื่องจากชาวบ้านไม่อนุญาตล่าสุดจึงประกาศชุมนุมที่ท้องสนามหลวง ซึ่งทำให้คนส่วนหนึ่งมีความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนเสื้อแดง จึงอยากให้รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงจับตามองเป็นพิเศษ เชื่อว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะเล่นไม่เลิก ซึ่งจุดมุ่งหมายคือการหาช่องทางล้มล้างรัฐบาลต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยปั๊มวีซีดี รัฐบาลสั่งทหารฆ่าประชาชนไว้ เตรียมแจกจ่ายหลังจากที่รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า การจัดทำวีซีดีดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ตัดต่อเพื่อสร้างเรื่อง จัดฉาก ถือว่าเป็นการปลุกระดม ยั่วยุ โดยเฉพาะมีเนื้อหาที่หมิ่นประมาท ถึงขั้นปลุกระดมทำลายความมั่นคง พรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบ และรัฐบาลเองก็จะไม่ยอมให้พรรคเพื่อไทยทำอย่างนั้น โดยจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ แม้ว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะถูกยกเลิกไปแล้วแต่ก็ยังมีกฎหมายอื่นๆที่ควบคุมได้ เช่น กฎหมายความมั่นคง กฎหมายอาญา เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังยกเลิก พ.ร.ก.ดังกล่าว พรรคยังมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่อีกหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเคยมีบทเรียนถึง 2 ครั้งมาแล้ว คือ เหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.และเหตุการณ์เมื่อกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ถ้าการทำงานหย่อนยานหรือเกียร์ว่าง สังคมก็จะลงโทษเองเพราะรับไม่ได้ ดังนั้น รัฐบาลก็คงไม่ต้องมีมาตรการอะไรออกมา