“นายกฯ” ไม่ทราบข้อเท็จจริง “สนธิ” ระบุทหารมือสังหารไม่เกี่ยวกองทัพ สั่งตำรวจดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา มั่นใจไม่มีจับแพะ พร้อมดูแลเรื่องภัยมืดคุกคามสื่อ น้อมรับฟังพันธมิตรฯ ค้านออกกฎหมายนิรโทษกรรม วอนทุกฝ่ายเคลื่อนไหวได้แต่ขอให้อยู่ในกรอบ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (4 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯออกมาระบุจากการถูกลอบทำร้ายว่าเป็นการคุมคามสื่อว่า ความรุนแรงไม่มีใครอยากเห็นทั้งนั้น ซึ่งทุกอย่างหากทำตามกฎหมายก็ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่ามองข้อมูลของนายสนธิ อย่างไร ที่บอกว่าถ้าตัวเองไม่ปลอดภัย นายกฯก็อยู่ในภาวะที่ไม่ปลอดภัยเช่นกัน นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าหลายคนที่อยู่ในเป้าหมายของกลุ่มคนที่ใช้ความรุนแรงก็มีอยู่ทั้งนั้น เราก็มีหน้าที่ดูแลว่าไม่ให้เกิดการกระทำที่รุนแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล บอกว่านายกฯควรจะลงมาดูเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เจอต่อแล้วหยุด ไม่ว่าใหญ่ขนาดไหนก็ต้องดำเนินการ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคยหยุดหรอก และที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยหยุด และวันนั้นก็ได้คุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ถามด้วยว่าหนักใจหรือไม่เผื่อจะมีใครที่มีอำนาจ มีอิทธิพล ซึ่งเขาก็ยืนยันว่าไม่หนักใจ ตนก็บอกดีแล้วและขอให้เดินหน้าต่อไป ขณะนี้เขาก็รายงานความคืบหน้ามาตลอด แต่เขาก็ต้องให้มั่นใจว่าจับกุมแล้วต้องไม่ผิดตัว สำหรับตนไม่หนักใจอะไร เพราะการทำอะไรต้องตรงไป ตรงมา
เมื่อถามว่าเห็นกำหนดไว้ 7 วัน จะจับคนร้ายให้ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้ถามพล.ต.อ.ธานี เหมือนกันที่ไปกำหนดเรื่อง 7 วัน ซึ่งเขาก็บอกว่า ทางพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ได้พูดถึงเรื่อง 7 วัน ซึ่งก็น่าจะมีข้อมูลในส่วนของเขา แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องให้มั่นใจ ส่วนที่มีการบอกว่าเป็นฝีมือของทหารนั้น นายกฯกล่าวว่า คุณสนธิ ก็พูดเองว่า ทหารที่พูดถึงนั้น อาจเป็นทหารที่ถูกฝึก ถูกจ้างมา ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ต้องรอตำรวจสืบสวนก่อน เมื่อถามว่าการออกมาพูดอย่างนี้จะทำให้วงการทหารเสียหายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่คุณสนธิ พูด เขาก็พยายามบอกว่าไม่ได้เกี่ยวกับกองทัพ แต่ทั้งหมดจะเป็นใครก็ตาม เจ้าหน้าที่เขาบอกแล้วว่าเขาไม่หนักใจ
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะเดินขบวนไปชุมนุมที่หน้าโรงแรมดุสิตธานี ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนในวันที่ 7-8 พ.ค.นี้ว่า ก่อนหน้านี้เห็นบอกว่าจะไม่ไปไม่ใช่หรือ ซึ่งตนยังไม่เห็นเหตุผลที่เขาจะไปชุมนุมประท้วงการประชุมอาเซียนที่จะหารือกันถึงแนวทางป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ตนอยากขอร้องว่าเรื่องภายในของเราสามารถที่จะมาพูดคุยและดำเนินการได้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯหรือกลุ่มเสื้อเหลืองจะออกมาเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเช่นกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากจะเชิญชวนทุกส่วนว่าขณะนี้มีคณะกรรมการของสภา และเขาก็เปิดกว้างคิดว่าน่าจะเข้าไปช่วยกันเสนอความเห็นตรงนั้นดีกว่า เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่กับการที่กลุ่มพันธมิตรฯจะออกมาขณะนี้ นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวอะไร แต่ตนก็ยังอยากเชิญชวนให้มาใช้เวทีที่สภาได้จัดตั้งขึ้นมาให้มากที่สุด
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯไม่มั่นใจในคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมานั้น นายกฯ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคิดว่ากรรมการจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ตนเชื่อว่ากรรมการของสภาก็ต้องไปรับฟังความเห็นประชาชนอยู่แล้ว และสุดท้ายผู้แทนฯของประชาชนก็จะเป็นคนตัดสินใจและรับผิดชอบ หากเรามีขบวนการที่จะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้ รัฐบาลก็ส่งเสริมเต็มที่
“กรรมการที่มาเป็น เราก็เลือกคนที่คิดว่าจะเป็นที่ยอมรับกันได้ ซึ่งประธานชัย ชิดชอบก็บอกว่าจะพยายามดูให้อย่างดีที่สุดและการที่ไม่เลือกจากฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แต่ไปเลือกทางวุฒิสภาก็เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่ามีความเป็นกลางอยู่”นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่านายกฯให้ความมั่นใจกับสังคมได้หรือไม่ว่าสุดท้ายแล้ว หากส.ส.รัฐบาลจะต้องตัดสินใจยกมือในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไม่ใช่เพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล นายกฯกล่าวว่า ตนเคยพูดแล้วว่าจะต้องเป็นเรื่องที่ต้องฟังความเห็นอีกมาก อย่าเพิ่งไปสรุปหรือมีธงว่าจะต้องเป็นอย่างไร และสำหรับตนก็บอกแล้วว่าการตัดสินทั้งหมดจะต้องเป็นประโยชน์กับระบบ ไม่ใช่เรื่องของตัวบุคคล ส่วนข้อเสนอของใครจะเห็นอย่างไร หรือเห็นว่าควรแก้ประเด็นไหน ก็ต้องรับฟังกันทุกฝ่าย และมาแลกเปลี่ยนกัน เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าจะกลายเป็นการเผชิญหน้ากันอีกครั้งหนึ่ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความคิดไม่ตรงกันอยู่แล้ว มีความขัดแย้งกันอยู่ แต่เราต้องช่วยทำให้สังคมสามารถหาข้อยุติในความขัดแย้งทางความคิดด้วยวิธีการและระบบที่มีความเป็นธรรม ไม่ส่งผลกระทบต่อความรุนแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงว่าจะเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งรอบใหม่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่หรอก ที่ผ่านมาความขัดแย้งทางความคิดมันมีอยู่แล้ว อยู่เบื้องหลังของการเคลื่อนไหวของฝ่ายต่าง ๆ อยู่แล้ว วันนี้เราพยายามหากระบวนการว่าทำอย่างไรจะหาทางออกกันโดยไม่มีความรุนแรงก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เมื่อถามว่าตอนนี้ดูเหมือนความขัดแย้งจะเริ่มเข้าไปสู่สภาแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความขัดแย้งมันมีอยู่แล้วทุกส่วนในสังคม วันนี้เรากำลังหาเวทีที่จะสามารถแก้ความขัดแย้ง ซึ่งจำเป็นต้องนำความขัดแย้งมาวางบนโต๊ะ มากางดูให้ทุกคนได้เห็น ดีกว่าการที่ยังอยู่ในใจคนและเป็นตัวที่ขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวต่าง ๆ และนำมาสู่การเผชิญหน้าความรุนแรงอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะก่อให้เกิดวิกฤต นายกฯ กล่าวว่า ไม่เสมอไปหรอก เพราะหลายครั้งที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จ ไม่ได้มีปัญหา ซึ่งครั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และการใช้เหตุและผล