xs
xsm
sm
md
lg

“สมเกียรติ” ลากไส้ “สื่อเทียม” ด้านบิดเบือนข่าว ขายตัวช่วย “นช.แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
“สมเกียรติ” ลากไส้ “สื่อเทียม” บิดเบือนข่าว เหตุเพราะ “นช.แม้ว” ใช้เงินฟาดหัว จนถึงขั้นเขียนคอลัมน์ยกย่องให้เป็น “เทพ” แฉแหลก “นสพ.หัวสีชื่อดัง” ชอบบินไปกินข้าวกับ “อดีตนายกฯ” ที่ฮ่องกง ลั่นเดินหน้ายื่นเรื่องถอดยศ “พันตำรวจโท” หาก “จำเลย” ไม่ยื่นอุทธรณ์ในคดีที่ดินรัชดาฯ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย 

วานนี้ (18 พ.ย.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงกรณีรัฐบาลในอดีตข่มขู่คุกคามสื่อมวลชนว่า ใช้วิธีการแทรกแซงด้วยการเข้าไปขอร้องให้ปิดคอลัมน์ที่โจมตีรัฐบาลได้หรือไม่ และถ้าขอร้องไม่ได้ เขาจะส่ง ปปง.เข้าไปตรวจสอบรายการบัญชีของหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ที่มีจุดยืนมั่นคงที่สุดคือ กรุงเทพธุรกิจ ส่วนหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ และหนังสือพิมพ์แนวหน้า ได้ต่อสู้ร่วมกันมายาวนานถึง 8 ปี แล้ว ดังนั้น หนังสือพิมพ์ทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวจึงเป็นศัตรูกับระบอบทักษิณ แต่เป็นมิตรที่ดีของประชาชน

“นอกจากนี้ยังมีแทรกแซงรายการวิทยุ โดยเฉพาะนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ทำให้พี่น้องประชาชนเห็นใจ จึงลงคะแนนเสียงให้นายบุญยอดชนะการเลือกตั้งมาแล้ว 2 รอบ แสดงว่าสื่อมวลชนไหนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการแล้วเข้าไปทำลาย ก็จำให้สื่อมวลชนนั้นเป็นที่ต้องการของประชาชน โดยจะเห็นได้จากรายการโทรทัศน์ที่ลือลั่นที่สุด นั่นก็คือรายการของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งถูกระบอบทักษิณ สั่งปิดรายการในเดือน ก.ย.2548 จึงทำให้เกิดการปราศรัยขึ้นที่หอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ และที่สวนลุมพินี” นายสมเกียรติ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า มีคนอยู่ 3 กลุ่ม คือ 1.เจ้าของ หรือนายทุนหนังสือพิมพ์ 2.บรรณาธิการอาวุโส ซึ่งคอยกรองข่าวที่นักข่าวส่งเข้าไป โดยเฉพาะข่าวกรองจากเหตุการณ์ 7 ต.ค.ว่า นายตี๋ที่มือขวาขาด แต่มือซ้ายที่ถือกุญแจ กลับบอกว่าเป็นลูกระเบิด นี่คือบทบาทการกรองข่าวของบรรณาธิการอาวุโส ส่วนกลุ่มที่ 3.คือ ผู้สื่อข่าว ซึ่งเชื่อถือได้มากที่สุด เพราะเวลาที่เราแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวเหล่านั้นก็จะส่งข่าวเข้าไปในสำนักพิมพ์ แต่บรรณาธิการที่รัยข่าวกลับพลิกข่าวและบิดเบือน ฉะนั้น นายทุน กับนักการเมือง จึงต้องซื้อบรรณาธิการเอาไว้ แล้วคบไว้เป็นเพื่อน เช่น หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งซึ่งบรรณาธิการชอบบินไปกินข้าวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกง แล้วเอาภาพข่าวของนายตี๋ ที่มือซ้ายถือกุญแจ แต่เขากลับระบุชัดเจนว่าเป็นระเบิด

“นอกจากนี้ ยังมีบรรณาธิการของหนังสือบางฉบับที่สนิทสนมกับคนเดือนตุลา และสนิทกับคนของระบอบทักษิณ ซึ่งไปเอาภาพของกษัตริย์เนปาลมาออกวารสารรายสัปดาห์ แล้วบอกว่าเป็นกรณีศึกษา ซึ่งคล้ายๆ กับจะเตือนประเทศไทยใช่หรือไม่ คนพวกนี้ถ้าเราจะศึกษาเขา ก็จะพบว่านักการเมืองให้เงินเดือนเขาเหล่านั้น ทำให้หนังสือฉบับดังกล่าวเชียร์นักการเมืองคนที่ให้เงิน จนคล้ายๆ ว่านักการเมืองคนที่ถูกเชียร์กลายเป็นเทพเจ้า รวมทั้งโชว์คำขวัญว่า รวยแล้วไม่โกง แต่ปัจจุบันนี้คนไทยไม่เชื่ออีกแล้ว”นายสมเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการยื่นอุทธรณ์คดีที่ดินรัชดาฯ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี และถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยื่นอุทธรณ์ พันธมิตรฯ จะไปยื่นหนังสือให้ถอดยศ พันตำรวจโททิ้ง แต่ทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ แถลงข่าวยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดสินใจที่จะไม่ยื่นอุทธรณ์แล้ว เพราะถ้ายื่นอุทธรณ์ก็เท่ากับยอมรับผิด และยอมรับในกระบวนการยุติธรรมของไทย ถ้าเขาไม่ยื่นอุทธรณ์คดีก็ถือว่าสิ้นสุด ดังนั้น พันธมิตรฯ จะเดินทางไปยื่นเรื่องถอดยศ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น นช. หรือนักโทษชาย

“ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า รวยแล้วไม่โกงนั้น ในเอกสารหน้า 14 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2543 นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เรียก ส.ส.พรรคไทยรักไทย ประชุมอบรม แล้วประกาศว่า คนในพรรคของผม ใครไม่มีสตางค์ให้มาขอที่ผม อย่าโกงประเทศชาติ มันทุเรศ คนที่ทุจริตคอร์รัปชัน ถือว่าเลวยิ่งกว่าสัตว์ นี่คือสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเอาไว้แล้ว จากนั้นนายประสงค์ สุ่นศิริ เอาจดหมายของคนเขียนเรื่องคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ นำไปตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ จึงสั่งฟ้อง สุดท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ แพ้คดีในศาลฎีกา แล้วเห็นหรือไม่ว่าใครเลวยิ่งกว่าสัตว์ ส่วนคนที่เขียนจดหมายไปถึงนายประสงค์ นั้น เขาเขียนมาว่า เขาเลี้ยงสุนัขมานาน และที่เขียนจดหมายมาให้เพราะโมโห พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไปเปรียบเทียบว่า คนคอร์รัปชั่นเลวยิ่งกว่าสัตว์” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า เมื่อสื่อมวลชนถูกแยกออกจากกัน เวลาเขาซื้อ เขาจะซื้อเจ้าของหนังสือพิมพ์เป็นอันดับแรก ฉะนั้นจะมีเจ้าของหนังสืออยู่ 3 สำนักพิมพ์ ปรากฏว่า เป็นหนังสือพิมพ์หัวสี 2 สำนักพิมพ์ โดยจะมีหนังสือพิมพ์ที่อ้างว่ามีคุณภาพอยู่ 1 สำนักพิมพ์ ซึ่งคนเหล่านี้ชอบเข้าไปพบผู้มีอำนาจ หรือเชิญผู้มีอำนาจไปกินข้าวที่กองบรรณาธิการเพื่อสร้างภาพ ดังนั้นสื่อพวกนี้จึงสร้างภาพว่า คนรวยแล้วไม่โกง แต่วันนี้เรารู้กันแล้วว่า คนรวยโกงหรือไม่ ดังนั้นสื่อเหล่านี้จึงเป็นสื่อเทียม ซึ่งคอยปั่นภาพเสมือนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นสมมติเทพมาโปรดมนุษย์ และพยายามที่จะบอกว่า คนรวยดังกล่าวไม่โกงเด็ดขาด แต่โกงในระดับ 2 แสนล้านบาทขึ้นไป

“บรรณาธิการอาวุโสคนหนึ่ง เขียนเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ ในหน้า 3 ของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกอาการ เวลาที่ไปพูดที่ไหนก็จะอ้างว่า ให้ไปอ่านหน้า 3 ของหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว มีเหตุผล และเป็นสื่อมวลชนที่มีคุณภาพ แต่พอมาถึงรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งพูดถึงเรื่องพระราชอำนาจ กลับถูกถอดรายการทันที ฉะนั้นสื่อมวลชนวันนี้ จึงเป็นผู้เสนอข่าวความจริง และเสนอข่าวเท็จ เราต้องแยกให้ออกโดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ ซึ่งสื่อโทรทัศน์เทียมที่ชัดเจนที่สุดก็คือ รายการความจริงวันนี้ ฉะนั้นสื่อที่ดีที่สุดคือ สื่อที่เสนอความจริง แล้วร่วมเปลี่ยนแปลงสังคม ส่วนสื่อที่ร่วมมือกับระบอบทักษิณนั้น ตอนนี้หนังสือพิมพ์ที่วางตามแผงนั้น เหลือจำนวนมาก” นายสมเกียรติ ระบุ

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า สื่อที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคือ สื่อโทรทัศน์ โดยจะเห็นการที่เราออกรายการ 2 เม.ย.2549 ปรากฏว่าคนลงคะแนนโนโหวตกว่า 10 ล้านเสียง อีกทั้งประชาชนที่ไปลงคะแนนยังจงใจกาให้ผิด แล้วเขียนด่าลงไปอีกประมาณ 3 ล้านคน ฉะนั้นขณะนี้เขาจึงต้องพุ่งไปที่ชนบท นี่คือเหตุผลที่รัฐบาลเร่งรีบตัดงบประมาณ เพราะคาดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในอนาคต นั่นแปลว่าเขาเตรียมเอาเงินของประชาชนไปซื้อเสียง แต่สวรรค์มีตา ฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แทนที่เขาจะเดินเข้าสภา แต่เขาต้องเดินเข้าคุกแทน
กำลังโหลดความคิดเห็น