“สนธิ” เผยข่าวมงคล สำนักพระราชวังเปลี่ยนเส้นทางเสด็จฯ กลับมาใช้ถนนราชดำเนินนอก หลังพันธมิตรฯ ประกาศเปิด 10 ช่องจราจร พร้อมชื่นชมสปิริต “อภิรักษ์” ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.สร้างบรรทัดฐานทางการเมืองใหม่ ขอเสียงชาวกรุงเลือกผู้สมัคร ปชป.เป็นผู้ว่าฯ อีกครั้ง ติง “อนุพงษ์” สอบ เสธ.แดงช้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำ แนะต้องกักบริเวณด้วย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 20.45 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล ได้เล่าถึงเรื่องที่ต้องเดินทางไปขึ้นศาลอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเวลานี้กำลังถูกฟ้องร้องจากพวกระบอบทักษิณจำนวน 59 คดี และถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 3 คดี เป็นเวลา 6 ปี อย่างไรก็ตาม ย้ำว่า หากถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุกจะไม่ขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อสร้างบรรทัดฐานให้พวกระบอบทักษิณ รักษาความศักดิ์สิทธิ์ของระบอบศาลให้ดีที่สุดให้เป็นที่พึ่งสุดท้ายได้ต่อไป
จากนั้น นายสนธิได้กล่าวชื่นชมสปิริตของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ทันทีหลังจากที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในคดีรถและเรือดับเพลิงของ กทม.ซึ่งต้องปรบมือให้กับ นายอภิรักษ์ และ พรรคประชาธิปัตย์ด้วย แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่มีจริยธรรมสูงสุดในบรรดาพรรคการเมือง
นายสนธิ ยังกล่าวชื่นชมอีกว่า การกระทำของนายอภิรักษ์ถือเป็นการกระทำที่เป็นตัวอย่างทางการเมือง และต่อไปจะเป็นบรรทัดฐานให้พรรคพลังประชาชนหน้าด้านต่อไปไม่ได้ เพราะได้ทำเป็นตัวอย่างแล้ว
“เมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็ต้องแสดงจุดยืนส่วนตัว แต่ถ้าใครสนับสนุนก็ไม่ว่ากัน นั่นคือ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะส่งใครลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็ให้เลือกผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์เป็นการตอบแทน เมื่อทำดีก็ต้องได้รับความดีเป็นการตอบแทนที่กล้าเล่นการเมืองในระยะยาว” นายสนธิ ระบุ
จากนั้น นายสนธิยังได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ล่าสุดได้ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยและอาญา พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่มีพฤติกรรมข่มขู่ทำร้ายประชาชน แม้ว่าการตั้งกรรมการสอบดังกล่าวจะช้าไปก็ตาม อย่างไรก็ตาม ขออธิบายบางเรื่องให้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้เข้าใจ โดยเฉพาะในเรื่องที่บอกว่าปัญหาทางการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง เพราะการพูดเช่นนั้นถือว่าไม่เข้าใจการเมืองไทยในปัจจุบัน ที่มีแต่การเมืองน้ำเน่า ผูกขาด และเผด็จการ
นายสนธิ ยกตัวอย่างการเมืองในสหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ เพราะองค์ความรู้ของประชาชนที่เท่าเทียมกัน ดังนั้น ความคิดดังกล่าวของ พล.อ.อนุพงษ์ ถือว่าไร้เดียงสา เพราะการเมืองไทยยังมีการปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร มีการใช้สื่อของรัฐเอ็นบีทีถ่มถุยฝ่ายตรงข้าม และล่าสุด ยังมีข่าวว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชน จะไปยื่นคำร้อง เพื่อขอให้ศาลระงับการออกอากาศของเอเอสทีวีอีก
นายสนธิ กล่าวว่า ถ้ามีการให้ข้อมูลข่าวสารที่เท่าเทียมกันทำไมไม่ให้ทางกลุ่มพันธมิตรฯได้มีโอกาสใช้สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 สื่อในเครือของกองทัพได้ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงบ้าง ไม่ใช่ใช้วิธีใส่กุญแจมือไขว้หลังแล้วให้มาสู้กันแบบนี้ เพราะการไม่รู้เท่าทันคือการไม่รู้อะไรเลย
“ไม่อยากจะสอนการเมืองกับ พล.อ.อนุพงษ์ เพราะขนาดจะตั้งกรรมการสอบทหารกุ๊ยคนหนึ่งเวลายังผ่านไปตั้งนานแล้ว อีกอย่างถ้ามีความตั้งใจจริงต้องมีการกักบริเวณ เสธ.แดง ด้วย อย่างไรก็ดี แม้จะช้าก็ดีว่าไม่ทำ และการตั้งกรรมการสอบครั้งนี้ ถือว่าคดีมีมูล ดังนั้น ก็ต้องกักบริเวณด้วยมันถึงจะพิสูจน์ความจริงใจไม่เช่นนั้นก็เป็นเพราะถูกสังคมกดดันให้ทำ” นายสนธิกล่าว
นายสนธิ กล่าวถึงข่าวที่เป็นมงคลหลังจากที่ พันธมิตรฯ ได้เปิดเส้นทางจราจรบนถนนราชดำเนินนอกทั้ง 10 ช่องจราจร ว่า ล่าสุด ได้มีการเปลี่ยนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ จากถนนหลานหลวง กลับมาใช้ถนนราชดำเนินนอกแล้ว ซึ่งเป็นการตัดสินใจของสำนักพระราชวัง ไม่ใช่ตำรวจ ซึ่งการเปิดถนนครั้งนี้ แม้ว่าพี่น้องจะต้องเสี่ยงกับการบาดเจ็บล้มตาย แต่เราก็พร้อมที่จะถวายเป็นราชพลี
นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้คนไทยไม่มีเสื้อเหลือง เสื้อแดง หรือเสื้อสีอะไร แต่ใครก็ตามที่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ แบบที่ไม่มีการจาบจ้วงอย่างในอดีต ให้ออกมายืนข้างเรา ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ว่าข้าราชการ ทหารตำรวจ นักธุรกิจ ให้ข้ามเส้นมาอยู่กับเรา
จากนั้น นายสนธิ ได้แจ้งว่า ในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่จะถึงนี้จะมีการร่วมกันถวายพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ จะไม่มีการพูดเรื่องการเมือง แต่ขอให้พี่น้องมาร่วมกันให้มากๆ
นายสนธิ ย้ำในตอนท้ายว่า ตนเองไม่ใช่ตัวยุ่งของสังคม เพราะถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีจริยธรรม ทำเพื่อแผ่นดิน ตนก็ไม่มีสิทธิ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เลย ขณะเดียวกัน พี่น้องก็จะไม่ออกมาร่วมชุมนุมแม้แต่คนเดียว
