“สมเกียรติ” ชำแหละซาก “นช.แม้ว” จนตรอก ประกาศกร้าวสู้ “มัน” ผ่านรอยเตอร์ ชี้ชัดหมายถึง “สถาบัน” ก่อนแฉ “ลิ่วล้อ” แจกหนังสือ “เปิดหน้ากากผู้มีบารมีนอก รธน.” ก่อนบุกบ้าน “ป๋าเปรม” หยัน “อดีตนายกฯ” ยืมมือ “ทหารแก่-ตำรวจเฒ่า” หวังทำรัฐประหารเพื่อตัวเอง-พวกพ้อง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วานนี้ (11 พ.ย.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์ถึงกรณีที่ต้องเร่ร่อนไปมา หลังจากถูกรัฐบาลอังกฤษเพิกถอนวีซ่าว่า “ผมคงเดินทางไปเรื่อยๆ จนสุดขอบฟ้า และผมต้องการเสรีภาพ เพราะผมเป็นนักประชาธิปไตย ผมไม่ชอบอะไรก็ตามที่จำกัดเสรีภาพ” ฉะนั้น เราจะเห็นได้ว่าทรราชของไทยมักจะพูดเช่นนี้ ถ้าเราไปดูบทเรียนที่เกิดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะพบว่า เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนไทยตายไปมากกว่า 2,800 ศพ ถามว่าคนตายเหล่านั้นต้องการเสรีภาพหรือไม่ ดังนั้นนโยบาย และคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงมีส่วนสำคัญซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่รัฐไปฆ่าประชาชนกว่า 2,800 ศพ
“ทรราชคนดังกล่าวเคยกล่าวว่า การยึดทรัพย์ได้ผลชะงัดมาก ฉะนั้นเมื่อยิงตายแล้ว เราต้องยึดทรัพย์ทันที อีกทั้งยังบอกว่าคนที่ค้ายาเสพติดจะต้องใช้กำปั้นเหล็กให้เด็ดขาดชนิดไม่ต้องปรานี เหมือนที่ พล.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจเคยพูดไว้ว่า ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ แต่ตำรวจไทยทุกวันนี้ไม่ได้ทำได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังพูดว่าน้องโบว์หนีบระเบิดจนทำให้ตัวเองเสียชีวิต ส่วนประธาน คมช.เคยระบุเอาไว้ว่า คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ อุ้มนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายมุสลิม ซึ่งวางแผนกันในทำเนียบฯ และที่ผมยกขึ้นมาแสดงให้เห็นว่า ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าต้องการเสรีภาพนั้น แล้วชีวิตที่ต้องสังเวยไป ใครจะรับผิดชอบ” นายสมเกียรติ ระบุ
แกนพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงแม้ว่าจะมีเงิน แต่ทุกวันนี้ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน กลายเป็นคนเร่ร่อนจรจัด ส่วนสมุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยออกมาระบุว่า จะไม่ยอมเสียดินแดนเขาพระวิหารแม้แต่ตารางนิ้วเดียวนั้น แต่กลับเสียดินแดนให้กับประเทศกัมพูชาไปถึง 4 ตารางกิโลเมตร หรือ 3 พันไร่ และที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า “ผมไม่ชอบคำว่าลี้ภัย จึงขอยกเลิกคำขอลี้ภัย” แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบคำว่าหนีตาย แล้วที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า “พวกเขาต้อนผมเข้ามุม มันมากไปแล้ว” ถามว่ามันที่ว่านี้หมายถึงใคร แต่ที่แน่ๆ คือเขาหมายถึงเจ้าของพันธมิตรฯ
“ผมจึงไปค้นเอกสาร จึงพบเอกสารสำคัญฉบับแรกชื่อว่า “เปิดหน้ากากผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ซึ่งระบาดในภาคอีสาน และภาคเหนือ โดยเขาแจกจ่ายให้กับประชาชนในวันที่ 18 มี.ค.2550 ซึ่งตรงกับวันที่พวกเขาบุกบ้านของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ โดยเขาขุมขู่ พล.อ.เปรม โดยเอาต้นกล้วยไป 4 แล้วใช้มีดตัดต้นกล้วยทั้ง 4 ต้น โดยเสาแรกหมายถึง ค้ำประเทศไทย เสาที่ 2 ค้ำประเทศไทย เสาที่ 3 ค้ำสถาบันหลัก และเสาที่ 4 ค้ำประเทศไทย” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงหนังสือฉบับดังกล่าว ซึ่งระบุถึงการปะทะกันระหว่างสถาบันผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญกับรัฐบาลทักษิณ โดยสถาบันดังกล่าวไม่ใช่ตัวคน เพราะทำให้เกิดความปั่นป่วนทางสังคมอย่างรุนแรงว่า เอกสารฉบับดังกล่าว จำกัดคู่ศัตรูเอาไว้เพียง 2 ฝ่ายเท่านั้น คือ ฝ่ายสถาบันผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ กับฝ่ายระบอบทักษิณ ถามว่าระบอบทักษิณ มีอะไร คำตอบก็คือ 1.มีเงิน โดยจะเห็นได้จาก 2.ม็อบเสื้อแดง 3.กองทัพส่วนตัว และ 4.มีอำนาจรัฐที่ควบคุมอยู่ แล้วยังมีศาสนาเป็นของตัวเอง ฉะนั้นเขาจึงมี 4 องค์ประกอบที่ค้ำจุน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้รอดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
“คนเหล่านั้นยังออกหนังสือฉบับที่ 2 ก่อนบุกบ้านป๋าเปรม ครั้งที่ 2 ซึ่งกลายเป็นเหตุการณ์รุนแรงในวันดังกล่าว เพราะมีการใช้อิฐตัวหนอนขว้างปาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และปาใส่บ้านป๋าเปรม ที่สำคัญแกนนำประชาชนในวันนั้น สามารถหนีไปไดทั้งหมด และที่สำคัญคือ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการแจกหนังสือตุลาการวิบัติ หายนะประเทศไทย ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในหน้าที่ 23 ระบุว่า ตุลาการภิวัฒน์เป็นเครื่องมือที่มองไม่เห็นของแกนนำผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ นั่นเป็นเพราะเขาโมโห 10 คำพิพากษา โดยเฉพาะคดียุบพรรคไทยรักไทย เขาจึงเรียกว่าตุลาการวิบัติ” นายสมเกียรติ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า การต่อสู้ที่ยาวนานของพันธมิตรฯ ถือว่าได้รับชัยชนะอย่างล้นหลาม เพราะเขาโดนถึง 10 คำพิพากษา รวมทั้งในเร็ววันนี้จะมีการพิพากษายุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาฯ ที่สำคัญมีคนมาถามเราว่าเราจะกลับบ้านกันวันไหน คำตอบก็คือ วันที่เราได้รับชัยชนะ ส่วนคำศัพท์ที่เขาใช้ เช่น สถาบันผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ มือที่มองไม่เห็น และคำว่าชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ทั้งหลาย ซึ่งจะตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงชักธงรบเพื่อหาทางรอด โดยให้ทหารทำการปฏิวัติก่อนสิ้นเดือนธันวาคมนี้
“เขาหาทหารไม่ได้ เลยไปเอาทหารที่ขอทานอยู่ตามสี่แยกไฟแดงมาเป็นกองกำลังปฏิวัติ นอกจากนี้ยังไปขอแรงจากนายตำรวจยศสูงสุด ซึ่งนั่งอยู่ที่กองขยะ เพื่อหาของมีค่าเอาไปใช้หนี้นายสนธิ 60 ล้านบาท อีกทั้งยังไปเอาทหารที่แก้มบวมๆ ซึ่งตอนหลังพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง และจำตัวเองไม่ค่อยได้โดยเฉพาะเหตุนองเลือดเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้า 3 คนนี้มารวมกันแล้วทำการปฏิวัติ ก็จะกลายเป็นปฏิวัติโจ๊ก โดยจะไปตามเก็บเอากองกำลังทหารที่นอนอยู่ตามสนามหลวงมาเป็นกองกำลัง” นายสมเกียรติ กล่าว
ส่วนทางรอดของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีก 1 วิธีนั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า ทางรอดดังกล่าว คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ขอเลื่อนโดยไม่มีกำหนด ซึ่งคาดว่าคงจะกลัวถูกถอนวีซ่า แล้วเอาญัตติไปซ่อนไว้ที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ฉะนั้นทางรอดที่เหลือของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงแผ่วเบาลงเรื่อยๆ เพราะไม่มีทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการทำรัฐประการอีกแล้ว จะมีก็เพียงแต่ภัยที่มาตอนตี 3 กว่าๆ ที่สำคัญนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ รับประกันความปลอดภัย เพราะได้ไปคุยกับบุคคลที่เห็นใจกองทัพกู้ชาติเรียบร้อยแล้ว