xs
xsm
sm
md
lg

“สมเกียรติ” เฉ่ง ตร.ไร้ค่า-เลียแต่นาย เปิดอกแม้ตายก็ภูมิใจที่เป็นพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ผู้จัดการออนไลน์ - “สมเกียรติ” อัด ตร.สองมาตรฐาน เก่งแต่เลียนายใหญ่-เจ๊ ไล่ยัดคดีแกนนำ จับไชยวัฒน์-พธม.มือตบเชียงใหม่ ยกเพลง “จิตร ภูมิศักดิ์” ให้กำลังใจ ยืนยันภูมิใจที่สุดในชีวิตที่ได้เคลื่อนไหวกับพันธมิตรฯ แม้จะต้องตาย เผย ป.ป.ช.น่าจะมีคำสั่งกรณี ครม.ละเมิด รธน.มาตรา 190 เร็วๆ นี้ ชี้ในยุคมืดที่อำนาจบริหารฮั้วนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการจะทรงพลังที่สุด

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย 

วันนี้ (4 ต.ค.) ช่วงเวลาประมาณ 0.45น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ณ ทำเนียบรัฐบาลถึงกรณีที่วันนี้ โดยกล่าวว่าวานนี้ตนไปปราศรัยที่ จ.เพชรบุรี โดยมีชาวเพชรบุรีมาร่วมชุมนุมกันมากกว่า 5,000 คน จากนั้นได้กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ หนึ่งใน 9 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งได้ถูกหมายจับในข้อหากบฏ และถูกนำไปควบคุมตัวไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน คลอง 5 จ.ปทุมธานี

ทั้งนี้นายสมเกียรติกล่าว ในกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้สัมภาษณ์ว่า การจับกุมนายไชยวัฒน์นั้นทำถูกต้องแล้วเนื่องจากหมายจับออกโดยศาล ตนก็อยากจะถามกลับว่ากรณี อดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง หลบหนีหมายจับและเดินทางกลับมาประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ เหตุใด รัฐมนตรี รวมถึงข้าราชการระดับสูง และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่จึงเดินทางไปต้อนรับขับสู้อย่างดี แต่ไม่ดำเนินจับกุม

“ผมอยากจะถามพวกท่านว่า ในกรณีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 ทรราชคนหนึ่งลงมาจูบพื้นดินที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วเลีย ตำรวจจับกันไหม ทั้งๆ ที่หมายจับออกโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นศาลสูง ...” นายสมเกียรติกล่าว พร้อมระบุว่า ในวันนั้นกลับมีรัฐมนตรีหลายคนไปต้อนรับอดีตผู้นำคนนั้นไม่ว่าจะเป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งในเวลานั้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมต.มหาดไทย โดยนอกจากรัฐมนตรีแล้วยังมีกลุ่มตำรวจอีกจำนวนหนึ่งที่เรียกว่า “กลุ่มสุนัขตำรวจ” ซึ่งละเลยการปฏิบัติหน้าที่ไม่ทำการจับกุมทรราชผู้นั้น

ยิ่งกว่านั้น นายสมเกียรติได้กล่าวเปรียบเทียบด้วยว่า ตำรวจไทยปราศจาก ความยุติธรรม ทำผิดกฎหมาย และปฏิบัติสองมาตรฐานต่อกลุ่มพันธมิตรฯ มาโดยตลอด อย่างเช่นในวันพฤหัสบดีที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่นายสมชาย เดินทางไปตรวจการบูรณะพระบรมธาตุดอยสุเทพ ณ จังหวัดเชียงใหม่ และถูกพันธมิตรฯ สตรีคนหนึ่งหยิบมือตบขึ้นมาตบเฉยๆ ต่อหน้านายสมชาย ตำรวจกลับควบคุมตัวสตรีผู้นั้นไปสอบสวนที่ สภ.ต.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ พร้อมกับลงบันทึกประจำวันเอาไว้ด้วย ทั้งๆ ที่การกระทำของสตรีผู้นั้นก็มิได้ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

“ตำรวจไทยนี่เยี่ยมยอดจริงๆ จับมือตบไปโรงพัก เอาบุคคลที่ใช้มือตบ แล้วถามว่าไม่เคยอาวุธชนิดนี้มาก่อน เป็นอาวุธร้ายแรง ต้องขอลองทดสอบก่อน” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวติดตลก แต่จากนั้นได้กล่าวอย่างจริงจังว่า กรณีดังกล่าวนี้ตนเรียกร้องให้ ตำรวจออกมาขอโทษประชาชน มิฉะนั้นพวกตนจะแจ้งความตำรวจที่ควบคุมตัวสตรีผู้นั้นและยึดมือตบซึ่งเป็นทรัพย์สินเอาไว้

ต่อมา นายสมเกียรติกล่าวย้อนประวัติศาตร์ด้วยว่า หลังเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 14 ตุลาคม 2516 และ พฤษภาทมิฬ 2535 ตำรวจต่างไม่กล้าสู้หน้าประชาชนเลย ทั้งนี้ตนจะคอยดูด้วยว่าหากศาลออกหมายจับนายสมชาย และ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ กรณีติดสินบนตุลาการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะกล้าจับกุมอย่างเช่นที่จับกุมนายไชยวัฒน์หรือไม่

โดยนายสมเกียรติ ได้ยกท่อนหนึ่งของบทเพลง “จิตร ภูมิศักดิ์” ที่แต่งโดย หงา คาราวาน (สุรชัย จันทิมาธร) ที่ระบุว่า “คุกขังเขาได้ แต่หัวใจอย่าปรารถนา เกิดมาเข่นฆ่าอธรรม” ขึ้นมาสดุดีนายไชยวัฒน์ อีกครั้ง

ภูมิใจที่เป็นกบฎ

หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า ตนไม่เคยกลัวเรื่องถูกออกหมายจับ หรือ การถูกจับกุม เพราะตนรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่ง และภูมิใจที่สุดในชีวิตที่ได้มาร่วมกู้ชาติกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเมื่อตนตายไปตนก็จะรู้สึกดีใจที่ครั้งหนึ่งตนเคยถูกข้อหากบฎในราชอาณาจักร จากการที่ตนเองออกมาเคลื่อนไหวปกป้อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์

จากนั้นนายสมเกียรติ กล่าวถึงตุลาการภิวัฒน์ด้วยว่าเป็นอำนาจที่ทรงพลัง ซึ่งทางทฤษฎีประชาธิปไตยแล้ว ตุลาการถือเป็นอำนาจที่ 3 นอกเหนือจากอำนาจทางบริหารและนิติบัญญัติ โดยในภาวะที่อำนาจบริหารและนิติบัญญัติฮั้วกันเช่นนี้ อำนาจตุลาการถือว่ายิ่งใหญ่มาก

“เรื่องศาลเป็นเรื่องใหญ่มาก ด้วยความเคารพยิ่งต่อศาล ผมเคยเขียนบทความหลายครั้งแล้ว เกี่ยวกับพลังอำนาจที่สาม โดยพลังอำนาจที่หนึ่งคือนิติบัญญัติ สภา พลังอำนาจที่สองคืออำนาจบริหาร คณะรัฐมนตรี สองพลังอำนาจนี้มันฮั้วกัน ... ตามทฤษฎีการแบ่งแยกอำนาจของมองเตสกิเออร์ ปรัชญาเมธีชาวฝรั่งเศสเขาบอกว่า ยามใดที่อำนาจทั้งสองคือบริหารกับนิติบัญญัติถูกครอบและฮั้วกัน อำนาจที่สามต้องมาชี้ขาด อำนาจนั้นคืออำนาจตุลาการ อำนาจศักดิ์สิทธิ์ครับพี่น้อง” อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมากล่าว พร้อมกับระบุว่า หลากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ว่าจะกรณีการเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งนายยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้บริหารพรรคพลังประชาชน, กรณีรายการชิมไปบ่นไปและคดีหมิ่นประมาท นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตผู้ว่าฯ กทม. ของ นายสมัคร สุนทรเวช รวมถึงคำตัดสินของศาลในอีกหลายคดี ทำให้ตนเชื่อมั่นในความยุติธรรมของศาล

แนะจับตา ป.ป.ช.สั่งกรณี ครม.ละเมิด รธน.

นายสมเกียรติเปิดเผยด้วยว่า เมื่อไม่กี่วันมานี้นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ไปให้ปากคำเป็นปากสุดท้ายต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คดีคณะรัฐมนตรีทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 กรณีมติให้นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งตนเชื่อว่าเร็วๆ นี้ ป.ป.ช. น่าจะมีคำสั่งออกมา

“ผมไม่รู้ว่า คำสั่ง ป.ป.ช. จะออกยังไง แต่จะออกยังไงก็แล้วแต่ แต่วันที่ 8 ก.ค. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า รัฐบาลสมัครทำผิดกฎหมายทั้งคณะครับ” นายสมเกียรติกล่าว พร้อมระบุว่า ตามมาตรา 216 ของรัฐธรรมนูญระบุว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลผูกพันอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ และองค์กรอื่นของรัฐอื่นๆ ทุกองค์กร ซึ่งก็รวมถึงศาลอื่นๆ ด้วย

จากนั้นนายสมเกียรติได้กล่าวสดุดีทหารไทยสองนายที่ได้รับบาดเจ็บที่เขาภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ จากการถูกอาร์พีจีของทหารกัมพูชายิงถล่มว่ามีความกล้าหาญ และเสียสละ

นายสมเกียรติได้เปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 6 ต.ค. นี้จะเป็นวันที่สภาจะโกลาหลมาก เนื่องจากนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ผู้มีคดีโกงที่ดินใน จ.บุรีรัมย์ติดตัว จะนำเรื่องเขาพระวิหารเข้าสภาฯ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ครม.กระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เข้าสภา และ ป.ป.ช.กำลังจะชี้มูล ทั้งๆ ที่การกระทำดังกล่าวของนายชัย ถือว่าไม่ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ทั้งครม.ยังไม่ได้เสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบอีกด้วย

ทั้งนี้ มาตรา 190 แห่งรัฐธรรมนูญ 2550 มีรายละเอียดดังนี้
มาตรา ๑๙๐ พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศ
หนังสือสัญญาใดมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทย มีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ในการนี้ รัฐสภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องดังกล่าว
ก่อนการดำเนินการเพื่อทำหนังสือสัญญากับนานาประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศตาม วรรคสอง คณะรัฐมนตรีต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และต้องชี้แจงต่อรัฐสภาเกี่ยวกับหนังสือสัญญานั้น ในการนี้ ให้คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบด้วย
เมื่อลงนามในหนังสือสัญญาตามวรรคสองแล้ว ก่อนที่จะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรีต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือสัญญานั้น และในกรณีที่การปฏิบัติตามหนังสือสัญญาดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนหรือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้นอย่างรวดเร็วเหมาะสม และเป็นธรรม
ให้มีกฎหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า หรือการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญาดังกล่าวโดยคำนึงถึงความเป็นธรรมระหว่างผู้ที่ได้ประโยชน์กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญานั้นและประชาชนทั่วไป
ในกรณีที่มีปัญหาตามวรรคสอง ให้เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยชี้ขาด โดยให้นำบทบัญญัติตามมาตรา ๑๕๔ (๑) มาใช้บังคับกับการเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยอนุโลม

ในตอนท้าย นายสมเกียรติได้พูดให้กำลังใจนายไชยวัฒน์อีกครั้ง โดยกล่าวว่านายไชยวัฒน์จะไม่โดดเดี่ยวแน่นอน และให้รอวันที่ 21 ต.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดีที่ดินรัชดาของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร พร้อมทั้งยืนยันด้วยว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะไปเยี่ยมเร็วๆ นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น