“สมชาย” ยอมรับ คาร์บอมบ์ สุคิริน ครั้งนี้รุนแรง ปัดไม่ได้รับรายงานจะมีการก่อเหตุครั้งใหญ่ หลังจากที่ลงพื้นที่ชายแดนใต้ ก่อนหน้านี้ พร้อมเรียก ผบ.ทบ.ถกด่วน ชี้เหตุคาร์บอม หวังสร้างสถานการณ์ พร้อมกำชับจนท.ตรวจเข้ม ลั่นเชื่อมือ “ผบ.ทบ.”คุมดับไฟใต้ได้
วันนี้ (4 พ.ย.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่คนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณตลาดกลางขายผลไม้ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ว่า ตอนที่เกิดเหตุการณ์กำลังประชุม ครม.อยู่ ซึ่งก็ได้โทรศัพท์ไปสอบถามในพื้นที่แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากได้มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ แต่เดี๋ยวเจ้าหน้าที่คงรายงานเหตุการณ์มาให้ทราบ
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ ได้รับรายงานหรือไม่ว่า จะมีการก่อเหตุครั้งใหญ่ นายกฯ กล่าวว่า ตอนที่ลงไปในพื้นที่ก็ไม่ได้มีการรายงานให้ได้ทราบ ไม่เห็นมีอะไร ส่วนสาเหตุก็ไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุอะไร เพราะภาคใต้มีหลายเรื่อง และเรื่องก็เกิดขึ้นบ่อย จึงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ยอมรับว่า แรง เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ดีเท่าไร เมื่อถามว่า จะมีการหารือเรื่องนี้กับผู้บัญชาการทหารบกหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เดี๋ยวได้พบผบ.ทบ.คงจะได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้บริหารระดับสูงของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้แทนองค์กรภาคเอกชน สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมประชุมด้วย
นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศอ.บต.กล่าวว่า การประชุมวันนี้ได้มีการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแม่ทัพภาค 4 ได้รายงานสถานการณ์ รวมทั้งการส่งเสริมพัฒนาการลงทุนด้านอุตสาหกรรม การแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี การปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การพัฒนาด้านชายแดนไทย-มาเลเซีย รวมทั้งการรับทราบสถานการณ์และแนวโน้มของเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ด้วยระบบเบ็ดเสร็จ รวมทั้งยุทธศาสตร์และการพัฒนาทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย
นายพระนาย กล่าวอีกว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ และได้รับทราบผลการดำเนินงานในเชิงลึกของหน่วยงานต่างๆ ทำให้รู้สึกพอใจอย่างมาก จึงได้เร่งรัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชุดนี้ เพื่อขยายผลการดำเนินงาน เพื่อแก้ปัญหาอุปสรรค ตลอดจนกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจต่อที่ประชุมว่าการสร้างความสงบสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้และการบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และพร้อมสนับสนุนการทำงานของทุกฝ่าย ทั้งนี้รัฐบาลจะไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายหรือแนวทางดำเนินการในด้านต่างๆ มากนัก และนายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำว่า ยังมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินนโยบายเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยึดถือยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และแนวทางสันติวิธี โดยเข้มข้นต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดสุขถาวร
ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดว่า เมื่อเวลา 17.40 น. ที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดคาร์บอมในที่ประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อ.สุคีรินทร์ จ.นราธิวาส ว่า ได้รับรายงานว่ามีการประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านมีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนมาก ระเบิดเกิดขึ้นที่รถยนต์คันหนึ่ง ซึ่งเป็นรถเก่งยี่ห้อแดร์วู ที่เข้าร่วมประชุม แต่เจ้าของรถจะรู้หรือไม่ไม่ทราบว่ามีระเบิดอยู่ ต้องรอการสืบสวนสอบสวน เบื้องต้นมีระเบิด 2 ครั้ง ครั้งแรกประมาณ 11.20 น. จากนั้นประมาณ 6นาที ระเบิดที่รถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกัน แสดงว่าคนร้ายต้องการมาวางระเบิดในที่ประชุมดังกล่าว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน เป็นกำนันหญิง บาดเจ็บ 71 คน เวลานี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 24 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นรัฐบาลจะช่วยเหลือกับผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้อย่างไร นายสมชายกล่าวว่า มีคณะกรรมการเยียวยาดูแลอยู่แล้ว เมื่อถามว่า นายกฯได้กำชับอย่างไร นายสมชายกล่าวว่า ตอนที่ลงไปในพื้นที่ภาคใต้ได้กำชับว่า พยายามให้ตรวจตรา ซึ่งตามข่าวแจ้งว่า รถคันดังกล่าวที่ระเบิดมาเป็นคันสุดท้าย ทั้งนี้ตนไม่ได้ไปปรักปรำเจ้าของรถเพราะยังไม่รู้ว่าระเบิดเป็นของใคร เพียงแต่มันอยู่ที่รถคันนั้น อาจจะมีระเบิดอยู่ในรถหรือมาซุกอยู่ทีหลังก็ได้ อันนี้ไม่ทราบต้องให้เขาสอบสวนก่อน
เมื่อถามว่า จะต้องมีการปรับมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้นหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ปรับอย่างเดียวคือต้องตรวจเข้มทุกครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่มีการประชุม แต่เราคงไม่ไปโทษเจ้าหน้าที่เพราะบางครั้งการประชุมรถเยอะ วิ่งเข้าวิ่งออกอาจจะคุมยากอยู่เหมือนกัน คงโทษกันไม่ได้ แต่เราไม่อยากให้เกิดเหตุอย่างนี้ขึ้น เพราะทำลายขวัญพี่น้องประชาชน เมื่อถามว่า ทางการข่าวมีรายงานหรือไม่ว่าสาเหตุมาจากอะไร นายสมชายกล่าวว่า ไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากอะไร ตอนนี้สันนิษฐานว่าเป็นการก่อกวน สร้างสถานการณ์ เพราะเหตุอย่างนี้เคยเกิดขึ้นบ่อย แต่ระยะหลังลดลงไป เพราะมีการควบคุม แต่ครั้งนี้บังเอิญมีผู้เข้าร่วมประชุมเยอะ คิดว่าเจ้าหน้าที่ทำดีแล้ว ทั้งนี้ก็ได้กำชับไปตรวจตรามากขึ้น หลีกเลี่ยงการประชุมใหญ่ๆ ที่คนเยอะๆ
เมื่อถามว่า ใกล้เทศกาลลอยกระทงจะระมัดระวังอย่างไร นายสมชายกล่าวว่า คงต้องระมัดระวัง ซึ่งเทศกาลลอยกระทงผู้ไปเที่ยวเองก็ต้องระมัดระวัง ดูว่าสถานที่ล่อแหลมหรือเปล่า คือ เราเป็นห่วงทุกคน อย่าไปในจุดที่เสี่ยง ทางเจ้าหน้าที่คงต้องทำงานหนัก ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย ต้องระมัดระวังมือที่ 3 -4 อะไรก็แล้วแต่ที่จะมาก่อสถานการณ์
“จากเหตุระเบิดที่เกิดคงพูดอะไรลำบาก ต้องรอการพิสูจน์เบื้องต้น มันก็รู้ว่าเป็นคนร้ายแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเขาประสงค์อะไร ทำอย่างไร มันเพิ่งเกิด เจ้าหน้าที่ต้องหาข้อมูลนิดหน่อย” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า สถานการณ์ที่เริ่มกลับมารุนแรงเป็นเพราะผู้ก่อเหตุฉวยโอกาสในช่วงสถานการณ์ทางการเมืองไม่ปกติใช่หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า เหตุอย่างนี้เกิดตั้งแต่ปี 47 แล้ว เมื่อถามว่า เป็นเพราะนายกฯเดินทางลงพื้นที่เลยเป็นการจุดประเด็นขึ้นมา นายสมชายกล่าวว่า ตีความไกลไปหรือเปล่า คนร้ายก็คือคนร้าย เมื่อถามว่า เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ใหญ่ในรอบปี นายกฯยอมรับว่า ก็รู้ว่าเป็นเหตุใหญ่ในรอบปี แต่จะโยงไปถึงขนาดที่ว่า พอนายกฯไปแล้วเกิดเหตุ ทีนี้คนก็คงไม่ยอมให้ตนไปไหนแล้ว เมื่อถามว่า มีเหตุเกิดขึ้นอย่างนี้นายกฯยังกล้าลงพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องกล้าสิ เราต้องลงไปดูแลคนของเรา เมื่อถามว่า เรื่องการเจรจากับแกนนำเงียบไป มีการติดต่อมาหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ยังไม่มีการติดต่อมา
เมื่อถามว่า เบื้องต้นผบ.ทบ.มีการรายงานว่าจะต้องมีการปรับแผนหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ท่านมีแผนอยู่แล้วและปรับอยู่เรื่อยๆ และตนก็มั่นใจ เพราะจากการที่ไปฟังแผนการทำงานของพล.อ.อนุพงษ์ ก็รอบคอบดี แต่การพลาดพลั้งหรือมีอุบัติเหตุคงต้องมีขึ้นบ้าง เพราะฝ่ายหนึ่งจ้องจะทำ ฝ่ายระวังก็ยากหน่อย อันนี้ตนเข้าใจ ซึ่งเราก็เสียใจที่เกิดเหตุอย่างนี้ ไม่อยากให้มีการสูญเสีย เมื่อถามว่า จะต้องมีการเรียกประชุมใหญ่หรือไม่ เพราะพักหลังการประชุมระดับนโยบาย จะห่างหายไป นายสมชายกล่าวว่า ไม่ห่างหาย วันนี้ก็มีการประชุมเรื่องภาคใต้ เรื่องการช่วยเหลือดูแล กำลังพล ในเรื่องเบี้ยเสี่ยงภัยที่เคยได้ 2,500 ลดเหลือ 1,000 บาท ตนพยายามจะปรับให้ขึ้นมาเท่าเดิม รวมถึงเครื่องมือที่ทางฝ่ายกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ต้องใช้ ซึ่งเราต้องดูแล ให้มีพร้อม ต่อไปจะต้องมีเครื่องตรวจเอ็กเรย์พื้นที่ ให้เพิ่มมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ต้องทำ ยืนยันว่าไม่ได้ห่างหายไปไหน ประชุมตลอด