xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่ายค้านโชว์ซีดี ตร.ฆ่า ปชช.กลางสภา-พปช.โวยลั่น คกก.สิทธิฯเข้าข้าง ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตร.ยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
สภาพิจารณาผลงาน คกก.สิทธิมนุษยชนฯ ไร้เงา “สมชาย” และ รมต.“อภิวันท์” อ้างประสานผิดพลาด ส.ส.ปชป.รุมยำรัฐบาล-ตร.ในเหตุการณ์ 7 ต.ค.พร้อมแจก ซีดี “ตร.ฆ่าประชาชน” ตอกย้ำพฤติกรรมโฉด วอนอย่าใช้ ตร.ชุดฆ่า ปชช.เหมือนที่ผ่านมา ต้องใช้ ตร.มีความรู้ ความคิด ขณะที่ ส.ส.พปช.โวย กก.สิทธิฯ วางตัวไม่เป็นกลางเข้าข้าง ปชช.ด้าน กก.สิทธิฯเตรียมทำรายสรุปเหตุการณ์7 ตุลาฯ รับสลดใจ น้องโบว์-ตี๋ ถูกกล่าวหาพกระเบิด จวกตร.ใช้แก๊สน้ำตามากเกินไป

วันนี้ (22 ต.ค) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม ทำหนังสือตอบกลับข้อหารือของ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่องการรักษาความไม่สงบเรียบร้อยในวันประชุมสภา ว่า ตามที่ประธานสภาได้ขอหารือหากสภาผู้แทนราษฎรจะมีการนัดประชุมสภาตามปกติจะมีเหตุให้เกิดความวุ่นวาย หรือความไม่สงบเรียบร้อยหรือไม่ และกองทัพบกจะมีแผนการรักษาความปลอดภัยอย่างไร นั้น

ขอชี้แจงว่า คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วมจะมีอำนาจหน้าที่ในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยต่อประชาชน และเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ พร้อมกับเสนอมาตรการและแนวทางปฏิบัติเพิ่มต่อนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ สถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังอยู่ในความรับผิดชอบหลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในการแก้ปัญหา และกองทัพบกจะสนับสนุนภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อย ในฐานะผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามแผนและขั้นตอนที่สตช.กำหนดไว้ ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยต่อรัฐสภา ต้องถือว่าเป็นภาระหน้าที่ที่สตช.จะให้การรักษาความปลอดภัย

นายสามารถ กล่าวว่า ผบ.ทบ.ยังระบุว่า กองทัพบก ในฐานะผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานจะสนับสนุนกำลังเพิ่มเติมเมื่อได้รับการร้องขออย่างเต็มขีดความสามารถ เนื่องจากการใช้กำลังทหารเข้าปฏิบัติภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังไม่มีกฎหมายรองรับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร อย่างไรก็ดี รัฐสภาสามารถพิจารณาความเหมาะสมในประเด็นห้วงเวลา และสถานที่ในการประชุมให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ หากกรณีมีสิ่งบอกเหตุที่จะมีการเผชิญหน้ากันระหว่างมวลชนฝ่ายต่างๆ เพื่อลดความตึงเครียดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดการประชุมสภาได้เช่นเดียวกัน

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายว่า หากมีการชุมนุมหน้ารัฐสภาขึ้นอีก รัฐสภามีแผนรองรับเหตุการณ์หรือไม่ เพราะวันที่ 7 ตุลาคม รัฐบาลอ้างความจำเป็นว่าต้องแถลงนโยบายของรัฐบาลให้ได้ทันตามกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ภายใน 15 วัน หลังได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 9 ตุลาคม และในวันนั้นประธานรัฐสภาเตรียมแผนการเลื่อนประชุม หรือเปลี่ยนสถานที่ประชุมได้หรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าจำเป็นต้องแถลงนโยบายที่รัฐสภาหรือไม่ แต่ประธานรัฐสภายืนยันว่าต้องแถลงที่รัฐสภา จะไปที่อื่นได้อย่างไร ในที่สุดก็มีเหตุการณ์สลายการชุมนุมเกิดขึ้น

นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายโดยนำวีซีดี “ตำรวจฆ่าประชาชน” ที่บันทึกเหตุการณ์สลายชุมชุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม มาแสดงในที่ประชุม พร้อมระบุว่า หากมีการชุมนุมเกิดขึ้นที่รัฐสภาอีก อย่าใช้ตำรวจชุดฆ่าประชาชนเหมือนที่ผ่านมา ต้องใช้ตำรวจที่มีความรู้ มีความคิด สามารถควบคุมประชาชนได้อย่างแท้จริง

ขณะที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน อภิปรายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีวีซีดีอยู่ 2 ชุด สำหรับตนมีชุด “พันธมิตรฯ ฆ่าประชาชน” ซึ่งตนไม่อยากให้ด่วนสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ควรรอผลการสอบสวนโดยคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น ซึ่งไม่ว่ากรณีคาร์บอมบ์หน้าพรรคชาติไทย หรือ น้องโบว์ (น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ) ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นไม่เกี่ยวข้องกับรัฐสภา

ทั้งนี้ ตนสนับสนุนการตัดสินใจเปิดประชุมของประธานรัฐสภา ส่วนการบอยคอตของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่มีคนของกลุ่มพันธมิตรฯ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และจะมีการเตรียมการทำอะไรในสภาหรือไม่ คงต้องติดตามการตรวจสอบต่อไป แต่มีข้อสังเกตว่า วันนั้นกล้องวงจรปิดรัฐสภามีผ้าสีดำปิดไว้หมด และมีความพยายามพังประตูรัฐสภาเข้าไป

“คนเป็นสมาชิกรัฐสภาต้องร่วมกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ไปพาพวกมาปิดล้อม ผมเชื่อว่า ถ้าผลสอบสวนออกมาระบุว่า รัฐบาลผิด ไม่มีใครหน้าด้านอยู่ต่อไป อย่างไรก็ดี ขอถามพรรคประชาธิปัตย์ ว่า วันนั้น นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน ได้เข้าประชุมด้วยหรือไม่ คนเป็นสมาชิก แต่ไม่เข้าทำหน้าที่แล้วไปร่วมชุมนุมหรือรู้เห็นเป็นใจให้เกิดเหตุการณ์ มีแผนการอะไรหรือไม่” นายจตุพร กล่าว

นพ.อสิ มะหะมัดยังกี ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ตนเป็นผู้หนึ่งที่ถูกสะเก็ดระเบิดเนื่องจากได้เข้าไปสังเกตการณ์ชุมนุมด้วย แต่ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปิดล้อมรัฐสภาเพื่อล้มรัฐสภา หรือทำให้เกิดความรุนแรง มีวิกฤตในบ้านเมือง และตนไม่ได้หนีไปรักษาตัวที่บ้าน แต่การรักษาตนอาศัยหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่หลักไสยศาสตร์ อย่างไรก็ตามทราบว่า มีการปลุกระดมประชาชนทางเอ็นบีที โดยคนเรียกว่า “สามเกลอหัวขาด” แต่ตนขอเรียกว่า “สามเกลอหัวเสีย” เพราะหัวมันเสียไปแล้ว ทำให้ นายจตุพร ลุกขึ้นประท้วงให้ถอนคำพูดดังกล่าว ในที่สุด นพ.อสิ ยอมถอนคำพูด แต่ยังยืนยันว่า ไม่เป็นไร ตนถอนคำพูดได้ แต่ใจยังคิดอยู่

ด้าน นายสามารถ ชี้แจงว่า ขณะนี้ประธานรัฐสภามีภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศ ตนจะนำข้อคิดเห็นของสมาชิกนำเสนอ และคงต้องประชุมผู้เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนวีซีดีในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม ในฐานะประธานตนวางตัวเป็นกลาง และมีวีซีดีทั้งสองชุดแล้ว และตัดบทนำเข้าสู่วาระการประชุมต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาวาระรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2549 ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อย่างไรก็ดี ส.ส.ทั้งสองฝ่ายยังหยิบยกเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม มาอภิปราย และตอบโต้กันอย่างเคร่งเครียด โดย ส.ส.พรรคพลังประชาชน ได้ตำหนิการทำหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิฯว่า วางตัวไม่เห็นกลาง

โดย นายบุญจง วงค์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า สงสัยความเที่ยงธรรมในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิฯ เหตุการณ์ 7 ตุลาคม ชัดเจนว่า ผู้ชุมนุมวางแผนไม่ต้องการให้รัฐบาลแถลงนโยบาย ทั้งที่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและสภา การชุมนุมวันนั้นพร้อมก่อจลาจล แกนนำยั่วยุให้ผู้ชุมนุมใช้อาวุธ ส.ส.ข้าราชการ สื่อ ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวอิสรภาพหลายชั่วโมง หากวันนั้นผู้ชุมนุมบุกเข้ามาได้คงไม่เหลือ ที่สำคัญ นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิฯ ออกมาแถลงสรุปว่า เหตุการณ์สูญเสียวันดังกล่าว เกิดจากการที่รัฐบาลต้องการแถลงนโยบายให้ได้ ไม่ได้ทำตามกระบวนการยุติธรรมและเป็นฝ่ายผิด ตนขอถามว่า ทำไมจึงสรุปด้านเดียว และดูแต่ปลายเหตุ แต่ต้องดูต้นเหตุ คือ การปิดล้อมไม่ให้สมาชิกมาทำหน้าที่ และขอถามว่า การที่ผู้ชุมนุมปิดถนนราชดำเนิน ยึดทำเนียบ ยึดสถานีเอ็นบีที คณะกรรมการสิทธิฯทำไมไม่นำเรื่องมาพิจารณาว่า เป็นไปตามมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่

ด้าน นายสาทิตย์ ขอให้กำลังใจคณะกรรมการสิทธิฯในการกระตุกสำนึกของคนที่ใช้อำนาจรัฐ ทั้งนี้ รายงานเมื่อปี 2549 พบว่า เกิดการละเมิดสิทธิในกระบวนการยุติธรรมมากสุด และผู้ถูกกล่าวหามากสุดคือตำรวจ ก็สะท้อนถึงเหตุการณ์ 7 ตุลา ด้วย ส่วนที่มี ส.ส.หนุนการเปิดทางให้สมาชิกเข้าสภาในวันดังกล่าว ขอถามว่า มีสมาชิกบาดเจ็บ ขาขาดกี่คน ส.ส.ออกมาพูดได้อย่างไรว่า คนที่มาชุมนุมจะเข้ามาฆ่า แล้วเลยต้องฆ่าก่อนหรือ เช้าวันดังกล่าว มีคนขาขาดที่ประตูทางเข้า เมื่อถึงขั้นนี้จะให้ผู้แทนข้ามเข้ามาประชุมหรือ สภาสามารถเลื่อนประชุมได้อีก 2 วัน แต่มีการอ้างความจำเป็นถึงกับต้องสังเวยชีวิต และรัฐบาลก็ไม่ออกมารับผิดชอบ วันนี้นายกฯก็ไม่มาฟัง คนฝ่ายรัฐบาลก็ประกาศว่า จะทำสงครามประชาชน เจตนายั่วยุให้เกิดการปะทะ ตนจึงสงสัยในท่าทีรัฐบาล เพราะที่มีการระดมคน เป็นกลุ่มของรัฐบาล วันนี้ตนห่วงมากว่า จะเกิดการนองเลือดครั้งใหญ่

พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ชี้แจงว่า ที่นายกฯและรัฐมนตรี ไม่มา เพราะตอนแรก คณะกรรมการสิทธิฯประสานมาว่า ไม่พร้อมมาชี้แจง ตนเลยจำต้องนำกฎหมายมาพิจารณาก่อน แต่ตอนบ่าย คณะกรรมการสิทธิฯ แจ้งว่า พร้อม จึงถือเป็นความบกพร่องของตนในการประสานกับ ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ส.ส.ฝ่ายค้าน และ รัฐบาล สลับกันขึ้นอภิปราย โดย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชาชน อภิปรายโจมตีการทำหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิฯ โดยเฉพาะ นายเสน่ห์ ที่เคยออกมาหนุนรัฐประหาร 49 และรีบออกมาแถลงว่า เหตุการณ์ 7 ตุลาคม รัฐบาลผิด จึงห่วงในวุฒิภาวะในการทำหน้าที่ ส่วน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตถึงการละเมิดสิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรม

จากนั้น นางสุนี ไชยรส กรรมการสิทธิมนุษยชน ชี้แจงว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ 7 ตุลาคม มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายกรณี สำหรับเหตุการณ์ 7 ตุลาคม คณะกรรมการสิทธิฯ อยู่ระหว่างการทำรายงานตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยได้มีโอกาสไปเยี่ยมประชาชนผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์สลายการชุมนุม ส่วนตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ไปเยี่ยมเช่นกัน แต่ไม่สามารถเข้าไปพบได้เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการพักรักษาตัวในห้องไอซียู แต่เสียใจที่มีการใช้แก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมซึ่งทำให้เกิดบรรยากาศที่น่ากลัว ทำให้ประชาชนแขนขาด ขาขาด

ซึ่งคณะกรรมการสิทธิฯ มีมติให้ตรวจสอบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีข้อเท็จจริงอย่างไร นอกจากนี้ ยังได้รับการร้องเรียนจาก นายตี๋ (ชิงชัย เจริญอุดมกิจ ศิลปินนักวาดรูป) ที่ถูกกล่าวหาว่ากำระเบิดในมือ และน้องโบว์ (น.ส. อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ) มีระเบิดติดตัวอยู่ ซึ่งเป็นที่น่าสลดใจในความสูญเสียที่เกิดขึ้นและเสื่อมเสียเกียรติของครอบครัวทั้งสองคนที่ถูกกล่าวหา ซึ่งต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป คณะกรรมการสิทธิฯ ไม่ได้ต้องการประณามฝ่ายใดทั้งสิ้น แต่มีหน้าที่พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นโดยยึดหลักความเป็นธรรม

นางสุนี กล่าวว่า จาการตรวจสอบที่เกิดขึ้น ฝ่ายตำรวจได้ออกมายอมรับว่ามีการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมมมากเกินไป ดังนั้น คณะกรรมการสิทธิฯ ต้องการออกมาป้องปรามไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก แต่รายงานนี้ยังไม่สมบูรณ์ หากตรวจสอบข้อเท็จจริงเรียบร้อยเมื่อไหร่จะส่งให้สภารับทราบต่อไป วันนี้ต้องเร่งหาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิฯ เน้นการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐเป็นประเด็นหลัก และต้องการให้ผลการตรวจสอบครั้งนี้เป็นบรรทัดฐานในการควบคุมการชุมนุมด้วยความสงบและไม่ใช้ความรุนแรงต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น