ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – “ทักษิณ” โฟนอินเวทีเสื้อแดงที่เชียงใหม่ ใส่ไฟ “พลเอกสุรยุทธ์” เป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนทำลายตัวเอง อ้างเป็นคนมาบอก “ในวัง” ไม่เอา โวยถูกยัดเยียดข้อหาไม่จงรักภักดี กล่าวหา “ปราโมทย์ นาครทรรพ” พร้อมประธานศาลปกครอง-ปธ.ศาลฎีกา-“จรัญ ภักดีธนากุล” วางแผนโค่นล้ม
บรรยากาศการจัดเวทีความจริงวันนี้สัญจร “รวมพลังคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดิน” ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงค่ำวันนี้ (22 มี.ค.) มีกลุ่มคนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และจังหวัดอื่นๆ เข้าร่วมประมาณ 10,000 คน โดยมีกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงและกลุ่มผู้จัดรายการความจริงวันนี้ รวมทั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง เช่น นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายแพทย์ เหวง โตจิราการ และ นายการุณ โหสกุล ส.ส.ในจังหวัดภาคเหนือ รวมถึง น.ส.วิสาระดี เตชะธีรวัฒน์ เป็นต้น
เวลาประมาณ 20.00 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ได้ติดต่อเข้ามาพูดคุยกับทางเวที และผู้ร่วมงานผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่เห็นทั้งภาพและเสียง รวมทั้งสามารถโต้ตอบกันได้ด้วย โดยนักโทษหนีคดีได้เริ่มต้นการพูดคุยด้วยการทักทายผู้ร่วมงานเป็นภาษาคำเมือง ว่า คิดถึงพี่น้องที่ให้การสนับสนุน และบอกว่ารู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถกลับไปร่วมงานศพพี่สาวตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตได้
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า ก่อนที่จะถูกกระบวนการทำลายล้างตัวเอง ได้เคยคุยกับลูกชายเจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ว่า ทำไมถึงเขียนโจมตีตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งได้รับคำตอบว่า พ่อได้กินข้าวและพูดคุยกับองคมนตรี แล้วบอกว่า “ในวัง” ไม่เอาตัวเขาแล้ว เพราะไม่จงรักภักดี
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เพิ่งได้พูดคุยกับ พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ที่เดินทางไปพบตัวเองที่ประเทศจีน เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่ง พลเอกพัลลภ ได้เล่าให้ฟังถึงกรณีการลอบสังหารตัวเอง ว่า พลเอกเอกพัลลภ เคยถูกเรียกให้เข้าพบ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เมื่อ เม.ย.ปี 2549 เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยอ้างเหตุว่าตัวเขาเองไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน และเคยที่จะลงมือลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วถึง 2 ครั้ง แต่คลาดแคล้ว จนกระทั่งมาเกิดกรณีคาร์บอมบ์ ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ก็คือ กลุ่มผู้ที่ทำการรัฐประหาร 19 กันยานั่นเอง
พร้อมกันนี้ บอกด้วยว่า “จ่ายักษ์” ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีคาร์บอมบ์ ได้เคยบอกกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อครั้งที่ยังเป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ว่า หากการลอบสังหารด้วยคาร์บอมบ์ไม่สำเร็จก็จะมีการรัฐประหาร และ พลเอกสุรยุทธ์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยมีความบาดหมาง กับ พลเอกสุรยุทธ์ และบอกว่า นอกจากพลเอกสุรยุทธ์ ที่อยู่ในกระบวนการทำลายตัวเองด้วยการยัดเยียดกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบันแล้ว ยังมีผู้เกี่ยวข้องอีก 4 คน คือ นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ อดีตประธานศาลฎีกา ที่ร่วมในกระบวนการกลั่นแกล้งและล้มล้างตัวเอง
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงการยุบพรรคไทยรักไทย รวมทั้งพรรคพลังประชาชน ว่า เป็นความตั้งใจอยู่แล้วของผู้ที่อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร 19 กันยา โดยใช้พยานหลักฐานเท็จ ซึ่งต่อมาพยานเท็จได้มาขอโทษตัวเองแล้ว และยังได้กล่าวถึงการตั้ง คตส.ว่า เป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะโค่นล้มตัวเองหลังการรัฐประหาร ด้วยการเอาศัตรูทางการเมืองของตัวเองมาสืบสวนสอบสวนข้อกล่าวต่างๆ เกี่ยวกับตัวเองที่ถูกยัดเหยียด ซึ่งไม่มีทางที่ตัวเองจะได้รับความยุติธรรม
นอกจากนี้ บอกว่า ยังมีความลับอีกมากมายที่ตัวเองเก็บไว้ แต่ยังขอเก็บเอาไว้เปิดเผยต่อไปในการชุมนุมใหญ่ครั้งต่อไปของคนเสื้อแดง รวมทั้งยังได้กล่าวโจมตีการบริหารงานของรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำด้วย และบอกว่า ตัวเองมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ดีกว่ารัฐบาลชุดนี้ หากมีโอกาสได้กลับมาพร้อมจะทำงานให้ดู
รายงานข่าวก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะติดต่อเข้ามาพูดคุยกับทางเวทีนั้น เวลาประมาณ 19.00 น.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และน้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขึ้นเวทีเพื่อทักทายผู้เข้าร่วมงานด้วย