xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ” โฟนอิน ป้ายสี “สุรยุทธ์” เบื้องหลังโค่นล้มตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – “ทักษิณ” โฟนอินเวทีเสื้อแดงที่เชียงใหม่ระบุ “พลเอกสุรยุทธ์” เป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนทำลายตัวเอง อ้าง “ในวัง” ไม่เอา ยัดเยียดข้อหาไม่จงรักภักดี รายละเอียด...
อาการดิ้นรนเฮือกท้ายๆแล้ว !?
อาการดิ้นรนเฮือกท้ายๆแล้ว !?
(ใช้รูปแม้วโฟนอินเชียงใหม่) หากมองว่าการโฟนอินเข้ามาอย่างถี่ยิบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในระยะหลังจะไม่ค่อยได้ผลนัก ก็อาจ “ดูเบา” เกินไป เพราะคนเหล่านั้นขาดการเข้าถึงข้อมูล เป็นการ “เป่าหู” ข้างเดียว อาจทำให้คล้อยตามได้ไม่ยาก อาการดิ้นรนเฮือกท้ายๆแล้ว !? การส่งเสียง-ภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปรากฏออกมาให้เห็นครั้งล่าสุดระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม “คนเสื้อแดง” ที่เชียงใหม่เมื่อค่ำวันอาทิตย์ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนจะถึงชุมนุมใหญ่ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ ถือว่าเป็นการประกาศชนและปลุกระดมแบบเปิดเผย และแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน อย่างไรก็ดีหากทำความเข้าใจกันมาตั้งแต่ต้นก็ย่อมมองออกได้ไม่ยากว่านี่เป็นการต่อสู้ดิ้นรนครั้งสำคัญของเขา หากสังเกตให้ดีก็พบว่าในครั้งนี้เป็นการพุ่งเป้าไปยังสถาบันองคมนตรีตรงๆมีการเอ่ยชื่อบุคคลสำคัญเพิ่มเติมเข้ามา เช่น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ชาญชัย ลิขิตจิตถะ ส่วนสถาบันศาลมีทั้ง จรัญ ภักดีธนากุล ตุลการศาลรัฐธรรมนูญ และ อักขราทร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งบุคคลที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนมีบทบาทสำคัญทั้งในสมัยที่เคยดำรงตำแหน่งก่อนหน้านี้และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่เคยถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ายไปแขวนในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด จากนั้นได้รับโปรดเกล้าฯเป็นองคมนตรี และลาออกมาเป็นนายกรัฐมนตรีในยุคคมช.แล้วกลับไปเป็นองคมนตรีอีกครั้ง ส่วน ชาญชัย จรัญ และอักขราทร ก่อนหน้านี้ก็มีบทบาทสำคัญในยุค “ตุลาการภิวัฒน์” แล้วยังมีผลต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้แม้ว่าบางคนได้เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เช่น ชาญชัย ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นองคมนตรี ส่วน จรัญ ก็ไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทุกคนได้ทำหน้าที่ขัดขวาง “ระบอบทักษิณ” ทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนี้ยังมีบุคคลอื่นๆที่เป็นบุคคลภายนอก มีทั้งนักวิชาการอิสระ สื่อมวลชนบางคน แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อโดยตรง แต่ก็น่าจะหมายถึง สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ หากดูแบ็กกราวด์แต่ละคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะรู้ทัน และขัดขวางระบอบทักษิณมาอย่างเข้มข้น บางคนที่อยู่ในวงการศาลก็ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ตามหลักฐานความผิด การเปิดโปงและต่อต้านพฤติกรรมอันมิชอบในช่วงที่ผ่านมา มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะสร้างผลกระทบต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายอย่างกว้างขวาง ที่ผ่านมาหลังจากต้องหลบหนีออกนอกประเทศเมื่อถูกศาลจำคุกในคดีทุจริตซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ก็ได้โจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี กับสถาบันศาลว่าไม่มีความยุติธรรม และถูกแทรกแซง นอกเหนือจากนี้ก็ยังกล่าวถึงรัฐบาลที่นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่ามีที่มาไม่เป็นประชาธิปไตย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โจมตีอย่างต่อเนื่องทั้งการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ รวมทั้งการโฟนอินเข้ามาเป็นระยะในระหว่างการชุมนุมของ “คนเสื้อแดง” ที่สนับสนุน พิจารณาในภาพรวมทั้งหมดแล้ว หลังจากตัวเองและรัฐบาลหุ่นเชิดหมดอำนาจ ไม่ได้ควบคุม กลไกรัฐ อีกทั้งความจริงถูกเปิดเผยทำนอง “น้ำลดตอผุด” สังคมทั่วไปเริ่มรู้เท่าทันมากขึ้น ทำให้ภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ติดลบ ความนิยมลดลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเกมในสภาที่หวังใช้ญัตติเปิดอภิปรายซักฟอกรัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีก 5 คน ก็ไม่ได้ผล ในทางตรงข้ามยังทำให้เกิดภาพลบในพรรคเพื่อไทย นอกเหนือจากประเด็นข้อกล่าวหาไม่มีน้ำหนักแล้ว ยังมี ส.ส.ทั้งในพรรคและจากพรรคร่วมฝ่ายค้านยกมือโหวตให้ฝ่ายรัฐบาลเสียอีก อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในอีกมุมหนึ่งถือว่า การออกโรงล่าสุดถือว่าเป็นการเปิดศึกโดยตรง และยังดูเหมือนจงใจ “ปลุกระดม” บรรดาคนเสื้อแดงที่ส่วนใหญ่เป็น “รากหญ้า” ในชนบทที่ขาดการเข้าถึงข้อมูลอย่างรอบด้านให้เกิดความเกลียดชังและพร้อมก่อเหตุรุนแรงได้ทุกเมื่อ เพื่อสร้างแรงกดดัน หรือล้มรัฐบาล และหวังว่าตัวเองจะได้กลับมาครองอำนาจอีกครั้ง หากมองว่าการโฟนอินเข้ามาอย่างถี่ยิบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในระยะหลังจะไม่ค่อยได้ผลนัก ก็อาจ “ดูเบา” เกินไป เพราะคนเหล่านั้นขาดการเข้าถึงข้อมูล เป็นการ “เป่าหู” ข้างเดียว ทำให้คล้อยตามได้ไม่ยาก อีกทั้งยังมีสื่อและนักวิชาการบางกลุ่มคอยสนับสนุนบิดเบือนขยายผลอย่างต่อเนื่อง ก็ถือว่าอันตราย ที่สำคัญบุคคลที่ถูกกล่าวหา หรือถูกให้ร้ายป้ายสี เช่นองคมนตรี หรือศาลก็ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้มากนัก การที่ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ ทำทีไม่ให้ความสำคัญ โดยเชื่อมั่นว่าประชาชนมีวิจารณญาณด้วยตัวเอง ถึงเวลานั้นอาจจะ “คิดผิด” และสายเกินไปก็เป็นได้ ดังนั้นแม้จะมองว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นอาการดิ้นรนของคนใกล้ตาย ในเฮือกท้ายๆแล้วก็ตาม แต่ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่ามันน่ากลัวเพราะอาจดึงคนอื่นลงหลุม ตายไปพร้อมกันก็เป็นได้ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น