“พล.ต.จำลอง” จวกรัฐบาลฉวยโอกาสลอบโจมตี หลังพันธมิตรฯ รื้อเวทีมัฆวานฯ เพื่อเปิดเส้นทางเสด็จ ฉะกองทัพไม่ยอมส่งสารวัตรทหารมาดูแล ทั้งที่ขอไปตั้งแต่เดือน ส.ค. แถมขอซ้ำอีกหลัง “บิ๊กป๊อก” ประกาศผ่านช่อง 3 จะยืนข้างประชาชน เตือนรุ่นน้องจงรักภักดีอย่าท่องแค่ปาก เผย 5 แกนนำถูกเพิ่มค่าหัว แต่ยันไม่เคยกลัว ไม่ถึงคราวตายคงไม่เป็นไร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พลตรีจำลอง ศรีเมือง ปราศรัย
เมื่อเวลา 20.50 น. วันที่ 30 ต.ค. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ตั้งแต่เช้ามาจนขณะนี้เราอยู่ในภาวะที่เสียใจกับผู้บาดเจ็บและญาติมิตรของพวกเขาจากการที่มีคนร้ายมาโจมตีเราที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และสี่แยกมิสกวัน โดยเฉพาะที่เชิงสะพานมัฆวานฯ ตรงข้ามสำนักงานสหประชาชาติ ซึ่งการที่เรารื้อเวทีเพื่อเปิดเส้นทางเสด็จฯ ในวาระที่มีงานสำคัญๆ หลายงานในช่วงนี้ เราไมได้นำกลับไปตั้งใหม่ เพื่อความสะดวกในการเปิดเส้นทาง แต่การที่เราไม่มีเวทีทำให้เราขาดความแข็งแกร่งในการป้องกัน เหมือนกับตอนที่มีเวทีซึ่งจะมีคนอยู่มาก แต่เราก็ตัดสินใจไม่เอาเวทีกลับไปตั้ง มีเพียงแนวยางรถยนต์เป็นแนวป้องกัน แม้ตำรวจ ทหาร จะเห็นว่ายังเปิดเส้นทางไม่สมบูรณ์ แต่เราก็จำเป็นเพื่อป้องกันความปลอดภัย ยกเว้นถ้าตำรวจหรือทหารส่งกำลังมาดูแลความปลอดภัยให้เรา ก็พร้อมที่จะรื้อออก ขนาดเรายังไม่เอายางรถยนต์ออก รัฐบาลก็ยังฉวยโอกาส ส่งคนมาโจมตีเรา อย่างเมื่อเช้าที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า พวกเราไม่กลัว ถึงจะมีระเบิดในตอนเช้า แต่พวกเราก็ยังไปที่สถานทูตอังกฤษประมาณการขั้นต่ำ จำนวนกว่า 2 หมื่นคน และได้ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตทหารผ่านศึกได้ช่วยตรวจตรา และเพิ่มกระสอบทรายให้แข็งแรงเพิ่มขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ เราได้มองล่วงหน้าโดยทำหนังสือขอสารวัตรทหารมาดูแลการชุมนุม ตั้งแต่เดือนสิงหา และผู้ใหญ่ในกองทัพก็ได้คุยกันว่าจะส่งมาให้ แต่เขายังไม่ส่งมา จนเกิดเหตุวันที่ 7 ตุลาฯ และวันที่ 16 ตุลา ผู้บัญชาการเหล่าทัพออกไปนั่งแถลงข่าวกันพร้อมหน้า และผู้บัญชาการทหารบกตอบอย่างผึ่งผายว่า ถ้าเป็นนายกฯ ก็ลาออกไปแล้ว และทหารจะยืนอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ เราก็มั่นใจว่าทหารคงจะทำจริงอย่างที่พูด เพราะในอดีตทหารไม่เคยที่พูดแล้วไม่ยอมทำอะไร
“เขาพูดวันที่ 16 ได้ยินกันทั้งประเทศเป็นคำมั่นสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างประชาชนวันที่ 17 ตุลาฯ พล.อ.ปรีชาจึงได้ทำหนังสือขอสารวัตรทหารไปอีก เพราะรัฐบาลทำร้ายประชาชนหน้ารัฐสภา จนล้มตายและบาดเจ็บ แต่ปรากฏว่าเขาก็ยังไม่ส่งมาให้”
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ทหารกินเงินเดือนจากประชาชน มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และรักษาความมั่นคงของชาติ ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบกับความมั่นคง แต่ไม่รู้ทำไมทหารยุคนี้มันอ่อนปวกเปียก หลังจากวันที่ 7 ตุลาคม ทหารออกมาแสดงความรับผิดชอบ ทุกสี่แยกก็มีทหารแต่งชุดพร้อมรบ ไปยืนเป็นตุ๊กตาเสียกบาล ตากแดดตากลมอยู่ที่สี่แยก
“ไม่รู้เอาไปยืนทำไม ทีเราขอสารวัตรทหารไม่กี่คนไม่ส่งมา หรือจะกลัวว่าเป็นการเข้าข้างประชาชน แต่ประชาชนพวกนี้เป็นพวกดี เป็นคนทำหน้าที่แทนพวกคุณในการปกป้องสถาบัน พวกคุณอย่าจงรักภักดีแค่ท่องอยู่ในกรม แล้วท่องเฉยๆ ไม่ต้องการ ผมยังฉะพวกคุณไม่หนัก วันต่อไปจะฉะหนักกว่านี้ ถ้ายังไม่มีจิตสำนึกของการออกมาปกป้องชาติ พวกเราหลายคนพร้อมขึ้นมาถล่มกองทัพบกเวที ขอบอกน้องๆ ไว้ล่วงหน้า นายทหารอากาศก็พร้อมขึ้นมาพูดลักษณะทิ้งบอมบ์ด้วยเหมือนกัน”
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า วันนี้เราเศร้าโศรกเสียใจต่อผู้บาดเจ็บและญาติมิตร แต่เรามาชุมนุมอยู่อย่างนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้น เราก็ไม่กลัว เพราะเราถือหลักว่าถ้าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตามวิบากกรรมที่เคยทำมาแต่ชาติปางก่อน ขนาดพระอรหันต์อย่าง พระโมคคัลลาน์ พระอัครสาวกเบื้องซ้าย ทำความดีมาตลอดชีวิต แต่เมื่อชาติปางก่อนเคยก่อกรรมทำเข็ญไว้ ถึงแม้เป็นพระอรหันต์ตัดกิเลสสิ้นเชิงแล้วยังถูกโจรทุบจนกระดูกละเอียดไปทั้งร่าง เพราะเป็นการใช้วิบากกรรม พวกเราที่ประสบเคราะห์กรรมนี้ ถือว่าได้ใช้วิบากไปด้วยทำบุญไปด้วย
“อย่างผมยืนอยู่ขณะนี้ ถ้าเขาจะเอาปืนติดกล้องยิงก็ได้ ซึ่งผมจะดีใจที่จะได้ใช้วิบากกรรมที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้แต่ชาติก่อน และตอนนี้กำลังทำบุญก็จะได้บุญด้วย”
นอกจากนี้ พล.ต.จำลองได้เล่าเรื่องเฉียดตายที่เกิดขึ้นกับตัวเองเพื่อยกตัวอย่างว่าถ้ายังไม่ถึงคราวตายก็คงไม่ตาย เช่น เมื่อครั้งที่ขึ้นเครื่องบินไปจังหวัดเชียงใหม่ ในสภาพท้องฟ้าปิด นักบินเกือบเอาเครื่องลงโหม่งพื้น แต่นักบินก็สามารถกลับลำเชิดหัวขึ้นได้ทันจนรอดมาได้ ตอนไปรบในลาวขึ้น ฮ.จากปากเซไปหลวงพระบาง เครื่องขัดข้องจนต้องลงจอดฉุกเฉินเพราะอะไหล่ที่เป็นเหล็กแหลกละเอียด หากลงช้านิดเดียวเครื่องคงตกแน่ และในระหว่างที่ป้องกันสถานีเรดาร์ในซำเหนือ ที่ภูผาที เพื่อนๆ ที่เป็นนายทหารด้วยกันต่างลากันหมด เหลือตนที่เป็นผู้บัญชาการรบคนเดียว แต่ก็พาลูกน้องรอดชีวิตมาได้หมด ขณะที่ทหารอเมริกันตาย 10 คน ทหารนายพลวังเปาตายเป็น 100 คน
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ในช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ตนถูกจับไปขังเดี่ยวที่กองพันทหารอากาศ ดอนเมือง ซึ่งได้ทราบจากนายทหารรุ่นน้องภายหลังว่า ตอนนั้น รสช.จะนำตนขึ้น ฮ.แล้วเขี่ยให้ตกลงมา เหมือนการรบนอกระบบ แต่พอนำตัวมาถึงดอนเมืองแล้วเกิดความลังเล เพราะถ้าตนหายไปจะยิ่งทำให้เกิดความวุ่นวาย และลังเลอยู่หลายวันจนในหลวงทรงเรียกเข้าเฝ้า และรอดตายมาได้
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า วันนี้ 5 แกนนำรวมทั้งผู้ประสานงาน และทนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ถูกหมายหัวจากฝ่ายตรงข้าม และค่าหัวเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่พวกเราไม่กลัว เพราะถือว่าเมื่อยังไม่ถึงคราวก็คงไม่เป็นอะไร ถ้ามัวแต่กลัว คงไม่ต้องออกไปไหน ดังนั้นพวกเราต้องกล้ายิ่งขึ้น เพราะเราต้องอยู่ด้วยกัน และช่วยกันกู้ชาติ
