xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” จี้ต่อมจริยธรรม “สมชาย” โชว์สปิริตไขก๊อก หาก “ควงกิ๊ก” มีมูล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
“พิภพ” จี้ต่อมจริยธรรม “สมชาย” ยืดอกไขก๊อกยอมรับผิด หากข่าว “ควงกิ๊ก” มีมูล พร้อมชี้ช่อง “การเมืองใหม่” ต้องขจัดการเมืองแบบ “ทักษิโณมิกส์” ออกไป ย้ำชัดไม่รับ “สานเสวนา” เพราะ “นักวิชาการ” ตั้งโจทย์ผิด ยัน “พันธมิตรฯ” ไม่ได้ขัดแย้งกับฝ่ายใด

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

วานนี้ (29 ต.ค.) เวลา 22.14 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงที่มีการเผยแพร่ภาพหนุ่มใหญ่ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีใบหน้าคล้ายนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าว่า สำหรับคนที่เป็นนักการเมืองนั้น มาตรฐานทางด้านจริยธรรมจะต้องสูงกว่าบุคคลธรรมดา เพราะถ้าเรื่องดังกล่าวเกิดในประเทศอังกฤษ วันรุ่งขึ้นเราก็จะได้ยินข่าวการลาออกจากตำแหน่งทันที เหมือนกับกรณีนายบลู ฟูโม อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอังกฤษ ต่อมาถูกจับได้ว่าไปนอนกับผู้หญิงซึ่งเป็นโสเภณี และเป็นสายลับของประเทศรัสเซีย

“เมื่อข่าวมาถึงคณะรัฐมนตรี นายบลู ฟูโม ปฏิเสธ จากนั้นนายบลู ฟูโม ต้องยอมจำนนด้วยหลักฐาน จึงประกาศลาออกทันที ที่สำคัญคือ นายบลู ฟูโม ถูกถามในสภาฯ กลับปฏิเสธว่าไม่จริง ซึ่งถือว่าโกหก แต่ที่ประเทศอังกฤษนั้น การโกหกถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ผิดกับการเมืองไทยหากทำผิดด้านจริยธรรมไม่ว่าเรื่องอะไร ก็จะไม่มีการลาออก ทำให้ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมซึ่งช้า และต้องเสียเวลามาก ขณะที่บุคคลดังกล่าวต้องบริหารบ้านเมือง ก็จะสามารถกระทำผิดต่อไปได้เรื่อยๆ เพราะปัญหาด้านจริยธรรมมันต่ำ ทั้งๆ ที่ปัญหาจริยธรรมเป็นเรื่องสำคัญของประเทศที่มีประชาธิปไตย” นายพิภพ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า เรื่องการลาออกของรัฐมนตรีที่กระทำผิด อยู่ในฝันของสังคมไทย เพราะแม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่เข้าใจเรื่องมาตรฐานจริยธรรม โดยระบุว่า ราชการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาฯ แล้วทำไมคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งเป็นภรรยาของเขา ถึงไม่มีสิทธิ์ซื้อที่ดินผืนดังกล่าว นั่นแสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เข้าใจมาตรฐานจริยธรรมทางการเมือง เพราะถ้าเป็นมาตรฐานของประเทศอังกฤษ ถ้าภรรยาของนายกฯ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดิน เพราะเขาจะถือว่า เป็นการสร้างผลประโยชน์ทับซ้อน และเป็นปัญหาจริยธรรมทางการเมือง

“ฉะนั้น หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นเรื่องดังกล่าวเพื่อข้อลี้ภัยทางการเมือง รัฐบาลอังกฤษก็จะเข้าใจทันทีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำผิดในเรื่องจริยธรรม และมีผลประโยชน์ทับซ้อน ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่มีทางที่จะยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองได้อย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลอังกฤษเขาจะซักถามเรื่องราวในอดีต ซึ่งล่าสุดมีข่าวในคอลัมน์ของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มาเลียบๆ เคียงๆ อยู่ในประเทศกัมพูชา เพื่อทำธุรกิจการเมือง เพราะเป็นแหล่งที่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถสั่งการนักการเมืองในประเทศไทยได้ ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมากล่าวหาว่า มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทั้งๆ ที่ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เอาเงินค่าขนมจำนวน 2 ล้านบาท ไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเสียเอง” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

นายพิภพ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของการเมืองใหม่ว่า ขณะที่เราต่อสู้ทางการเมืองอยู่นั้น เราไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยวันนี้มีการประชุมร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสรุป และทบทวนเรื่องทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาการเมืองเก่า โดยเราจะขจัดการเมืองแบบทักษิโณมิกส์ออกไปได้อย่างไร ระหว่างนี้มีการพูดถึงเรื่องเสวนา ซึ่งพันธมิตรฯ ได้ปฏิเสธเรื่องสานเสวนาผู้ขัดแย้งที่สถาบันพระปกเกล้าฯ ได้ตั้งไว้ 4 กลุ่ม คือ พันธมิตรฯ นปก. รัฐบาล และฝ่ายค้าน เพราะเราไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้ง นปก.คือเครื่องมือของรัฐบาล และรัฐบาลก็คือ เครื่องมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ข้อขัดแย้งของพันธมิตรฯ คือ การบริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่อไปในทางทุจริต และมีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยการสร้างนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนพรรคไทยรักไทย จนท้ายที่สุดประเทศไทยจะถูกกลืนกิน จนไม่สามารถเอาคืนได้

“ฉะนั้น กระบวนการสานเสวนา จะต้องทำกับคนที่มีความคิดแตกต่างกันในระดับที่ยังไม่มีประเด็นความขัดแย้ง หรือมีความผิดตามกฎหมาย แต่ขณะนี้ ความผิดได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ดังนั้นขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปสารเสวนากับศาลจะดีกว่า นี่คือประเด็นที่นักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสันติวิธี ยังไม่เข้าใจ เพราะเราบอกแล้วว่า หากอยากให้สังคมเกิดความสมานฉันท์ จะต้องเริ่มต้นด้วยการพูดความจริงเสียก่อน”นายพิภพ ระบุ

นายพิภพ กล่าวอีกว่า ตนได้ไปปาฐกถาที่ จ.เชียงใหม่ ในหัวข้อการบริหารบ้านเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีนางซูสีไทเฮา อยู่หลังม่านเหมือนกับประเทศจีน และตนยังทำนายอีกว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่หยุดโลภ และยังใช้อำนาจอย่างเกินขอบเขต ก็จะไม่มีแผ่นดินอยู่ จากนั้น 5 ปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์คำพูดของตนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีแผ่นดินอยู่จริงๆ โดยขณะนั้น นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการในขณะนั้น ได้จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 โดยออกมาตีแผ่ความประพฤติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ปรากฏต่อสังคม

“จากนั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้เคลื่อนกองทัพธรรม โดยมีจดหมายไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีการขายหุ้นให้กับบริษัท เทมาเสก โดยขอให้เสียภาษี 2 หมื่นล้านบาท แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่นำพาต่อการเตือนของบุคคลต่างๆ แต่กลับดื้อรั้น และพยายามที่จะดิ้นรน จนสุดท้ายบอกว่า จะให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไป แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ล้มกระดานเสียก่อน จนนำไปสู่การยุบสภาในเวลาต่อมา เป็นเหตุฝ่ายค้านบอยคอต ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จ้างพรรคเล็กลงรับสมัครเลือกตั้ง จนนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทยในที่สุด” นายพิภพ ระบุ

แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ อีกว่า ในตอนนั้นถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับความจริงที่พูดกันในเวทีพันธมิตรฯ และเปลี่ยนวิธีการทำงานเสียใหม่ เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังคงเป็นนายกฯ อยู่จนทุกวันนี้ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่นำพา เพราะยังเชื่อมั่นคะแนนที่ได้จากชนบทว่า ถ้าลงเลือกตั้งใหม่ก็จะได้รับเลือกอีกครั้ง โดยเฉพาะคะแนน 19 ล้านเสียงนั้น จะไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ บริหารประเทศได้เพียง 1 ปี ก็เป๋ไป เป๋มา และเมื่อเกิดรัฐประการ จึงมีการทำความจริงให้ปรากฏ โดย คตส. และอัยการ ซึ่งนำไปสู่การฟ้องศาลในกระบวนการยุติธรรม จนท้ายที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง ฉะนั้นสารเสวนาจึงมาผิดจังหวะ และผิดเวลา รวมทั้งตั้งโจทก์ผิดว่ามีผู้ขัดแย้งอยู่ 4 ฝ่าย เพราะพันธมิตรฯ ไม่ได้ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น แต่ขัดแย้งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น