อดีต ส.ว.โคราช ตั้งฉายารัฐบาลหุ่นเชิด "หน้าด่าหลังแดก" เบื้องหน้าออกมาวิจารณ์สร้างภาพ แต่เบื้องหลังหลอกลวงทั้งสิ้น เผยตั้งคณะกรรมการ "PPP" เป็นหน้าด่านงาบโครงการเมกะโปรเจกต์ แฉมอเตอร์เวย์เส้นทางโคราช ถูกกลืนแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้า ครม. ด้วยซ้ำ พร้อมระบุอีกหลายโครงการจ่อคิวเพียบ ชี้ความแตกแยกของรัฐบาลชุดนี้ กำลังซ้ำรอยประวัติศาสตร์ "จูเลียส ซีซ่าร์" ถูกคนใกล้ชิดลอบกัดในไม่ช้า
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิเชฐ พัฒนโชติ ปราศรัย
วันนี้ (8 ส.ค.) เวลาประมาณ 18.25 น. นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา และอดีต ส.ว.จังหวัดนครราชสีมา ขึ้นกล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า วันที่ 8 เดือน 8 ถือว่าเป็นวันที่มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ เช่น วันที่ 8 สิงหาคม 2531 มีการเข่นฆ่าประชาชนขาวพม่าที่ลุกขึ้นมาประท้วงรัฐบาล เสียชีวิตไปประมาณ 3,000 คน และย้อนหลังไปเมื่อ 43 ปีที่ผ่านมา วันที่ 8 เดือน 8 ปีพ.ศ. 2508 ถูกเรียกว่าเป็น "วันเสียงปืนแตก" ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นวันที่พรรคคอมมิวนิตส์ประกาศต่อสู้ด้วยอาวุธกับนโยบายเผด็จการในสมัยนั้น เป็นช่วงที่ความคิดทางการเมืองต่างกัน จนนำไปสู่ความสูญเสียทั้งประชาชนทั้งสองฝ่าย และเงินงบประมาณของประเทศในการปรับความคิดของคนที่อยากเห็นความสงบ
แต่มาถึงรัฐบาลนี้ เราไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่มาถึงวันที่ 76 แล้ว และจะอยู่ที่นี่ต่อไปจนกว่าแผ่นดินนี้จะเข้าสู่ภาวะปกติ และเข้าสู่สันติสุขเป็นธรรมกับประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้ ไม่สามารถสร้างได้เลย เพราะเป็นรัฐบาล 2 หน้ามาตลอด หน้าแรกคือ ออกมาวิจารณ์เรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ด้านหลังหลอกลวงทั้งสิ้น พูดง่ายๆว่า หลอกกิน ดังนั้น สรุปแล้วเราตั้งฉายาให้รัฐบาลนี้ว่า "รัฐบาลหน้าด่าหลังแดก"
สำหรับเหตุการณ์ที่บอกได้ชัดเจนคือ กรณีออกมาด่านักข่าวของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งสาเหตุจริงๆ แล้ว เพราะเขากลัวว่านักข่าวจะตั้งคำถามถึงการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งภายใต้ชื่อ "PPP" หรือคณะกรรมการความร่วมมือนโยบายภาครัฐและเอกชน ที่มีนายกเป็นประธาน และมีเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นเลขาธิการด้วย ซึ่ง 2 คนนี้ เป็นสมาชิก "แก๊งออฟโฟร์" โดยหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ เป็นการเอาตัวเองมาพิจารณาโครงการเมกะโปรเจกต์มูลค่าหลายแสนล้าน ก่อนเอาเข้าคณะรัฐมนตรี พิจารณาอนุมัติดำเนินการ โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนตาม พ.ร.บ.ร่วมการงานกับรัฐ
ในระบอบทักษิณนั้น จะบอกว่า ใครก็ตาม บริษัทใดก็ตามอยากได้งานในประเทศไทย จะต้องตีตั๋ว 2 ใบ ตั๋วใบแรก คือตั๋วเข้าสู่การประมูลซึ่งต้องจ่ายไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งหลังจากผ่านตั๋วใบแรกแล้ว จะได้งานหรือไม่ต้องซื้อตั๋วใบที่สอง 20-30% การเมืองแบบนี้ประเทศถึงฉิบหายอย่างเช่นในปัจจุบัน
ล่าสุด โครงการมอเตอร์เวย์ไปโคราช ได้ผ่านคณะกรรมการชุดนี้ ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้า ครม. ด้วยซ้ำ นอกจากนั้น ยังมีโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 6,000 คัน ซึ่งนายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน เตรียมจะยื่นให้ ป.ป.ช. พิจารณา ซึ่งเราสนับสนุนให้ยื่นเลย เพราะประชาชนจะร่วมมือเต็มที่ แต่เขาเผยเล่ห์เหลี่ยมออกมาว่า ถ้ายื่นเมื่อไหร่ก็จะยุบสภาทันที นอกจากนั้น ยังมีโครงการ 1.5 แสนล้านที่จะผันน้ำโขงเข้าสู่ประเทศไทย ที่ต้องจับตาด้วย รวมถึงโครงการสร้างเขื่อนที่ชัยภูมิซึ่งมีเงินลงทุนมูลค่าหมื่นล้าน ซึ่งโครงการนี้ก็ถูกนักการเมืองสั่งมาเช่นกัน
"ผมถามว่า ถ้าไม่ทำเขื่อนแต่สร้างเป็นฝายกั้นน้ำทีละ 50 กิโลเมตรได้ไหม ก็บอกว่าทำได้ แต่สาเหตุที่ไม่ทำคือ เพราะบอกว่านายไม่ได้สั่งมา ที่สำคัญมาสารภาพทีหลังว่า ถ้าไม่ทำตามคำสั่ง เจ้านายก็จะไม่ได้ 20%"
นายพิเชฐกล่าวต่อว่า หลังจากออกมาจากห้องน้ำ นายกฯ ก็ออกมาพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ซึ่งเบื้องหน้าออกมาพูดเรื่องนี้ แต่เบื้องหลังได้บรรจุวาระเสนอกฎหมายใหม่เพื่อให้สภาพิจารณาชื่อว่า พ.ร.บ.จัดระเบียบการชุมนุมในที่สาธารณะเข้าสภาไปแล้ว
"มีที่ไหนถ้าจะประท้วงต้องขออนุญาตตำรวจก่อน กฎหมายยังระบุด้วยว่า ใครเป็นผู้ปราศัย ถามว่าถ้าเป็นคุณสนธิ จะอนุญาตไหม นอกจากนั้น ยังถามก่อนว่าใครเป็นผู้นำ แล้วถ้าบอกว่า พลตรีจำลอง จะอนุญาตไหม นอกจากนี้ ยังกำหนดให้เวลาในการชุมนุม 1 สัปดาห์ หากไม่สลายสามารถใช้กำลังสลายได้ ซึ่งกฎหมายแบบนี้ไม่มีในโลก ด้านหน้าแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 63 แต่เบื้องหลัง ร่างกฎหมายจำกัดเสรีภาพประชาชน"นายพิเชฐกล่าว
สำหรับกรณีใส่เสื้อลูกจีนกู้ชาติก็เช่นกัน ออกมาพูดว่าเป็นการแบ่งแยกชนชั้นคนในบ้านเมือง แต่เบื้องหลังกลับยื่นแก้กฎหมายเอาผิดใครก็ตามที่รู้ว่าหมิ่นเบื้องสูงแต่ไม่แจ้งตำรวจ แล้วมาเปิดเผยต่อที่สาธารณะก่อน ถือว่ามีความผิด ซึ่งคนที่เอามาเปิดโปงก็คือเราเอง นอกจากนั้น ยังมีความพยายามแก้กฎหมายของศาลฎีกา ในข้อที่เกี่ยวข้องกับวิธีการพิจารณาความผิดของศาลฎีกา แผนกอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่กฎหมายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 278 ก็บอกเอาไว้ว่าสามารถอุทธรณ์ได้อยู่แล้ว ถ้าหากมีหลักฐานใหม่ ข้อมูลใหม่ แต่พวกนี้กลับให้ลูกพรรคยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญจะแก้เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณและพจมาน ชินวัตร สามารถอุทธรณ์ได้
นายพิเชฐกล่าวว่า ในขณะที่เรากำลังอภิปรายการทำงานของคนในรัฐบาลที่แต่ละคนมีมลทินอยู่ในขณะนี้ คนในกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ กำลังหาผลประโยชน์กันใหญ่ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ซึ่งหลังจากเขี่ย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ออกไปแล้วแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เข้ามา ก็มีการดึงคนของ ทักษิณ เข้ามายึดกระทรวงมหาดไทยทั้งกระทรวง ไม่ว่าจะเป็น นายสุพล ฟองงาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) รวมถึงการารแต่งตั้ง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เข้ามาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีด้วย ดังนั้น ใครที่มีญาติพี่น้องที่เป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ไปบอกเขาด้วยว่าจะนั่งให้เขาข่มเหงอยู่อย่างนี้ได้อย่างไร เคยภูมิใจว่าเป็นราชสีห์ แต่ถูกหมาขี่ แล้วถ้าไม่ต่อสู้ คงกลายเป็นลูกหมาไปก่อน
"ขณะนี้ความขัดแย้งในพรรคพลังประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหากใครได้ติดตามประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ จูเลียส ซีซ่าร์ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโรมจะทราบว่า พอกลับมากรุงโรมก็มีปลายมีดแหลมทิ่มเข้ามาข้างหลัง ก่อนจะมีมีดอีกหลายเล่มตามเข้ามา พอซีซาร์หันไปดู ก็พูดอกมาว่า บรูตุสเจ้าเองหรือ ซึ่งบรูตุส ถือเป็นคนสนิทของซีซาร์ที่สุด ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้กำลังจะเกิดขึ้นกับพรรคพลังประชาชนในอีกไม่ช้า"นายพิเชฐกล่าว