ปธ.วุฒิฯ ตัดปัญหาสภาสูงแตกขั้ว ยอมรับได้มอบหมายให้รอง ปธ.เข้าประชุม 4 ฝ่ายตั้ง ส.ส.ร.จริง พร้อมเจรจาจับเข่าคุย ยันแค่ความเห็นต่างไม่ถึงขนาดแตกแยก มั่นใจไม่มีขบวนการเลื่อยขาเก้าอี้
วันนี้ (27 ต.ค.) ที่รัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ออกมาวิพากษ์วิจารณ์บทบาทการทำหน้าที่ของประธานเกี่ยวกับการถอนตัวจากการหารือ 4 ฝ่ายว่า ตนได้ชี้แจงจนเป็นที่เข้าใจไปแล้วว่า ในการประชุมร่วม 4 ฝ่ายกับหัวหน้าพรรคการเมืองวันที่ 6 ตุลาคม ตนให้นายนิคม ไปศึกษาโมเดล ส.ส.ร.3 ร่วมกับตัวแทนพรรคการเมือง ส่วนการประชุมในวันที่ 20 ตุลาคม ตนได้ลาประชุม ขณะที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้เชิญนายนิคมไปประชุม ซึ่งกรณีดังกล่าวนายนิคมได้เข้าใจตรงกับที่ตนพูดอยู่แล้ว ฉะนั้น ที่ถกเถียงกันคงเป็นการเถียงกันว่าไม่ได้มอบหมายในวันที่ 20 ตุลาคมมากกว่า ซึ่งเป็นการนำมาปนกัน แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามถึงความขัดแย้งของสองกลุ่มใหญ่ในวุฒิสภาจะทำให้บานปลายจน ส.ว.แตกหรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า เรื่องนี้สามารถเจรจากันได้ ส.ว.แตกแยกในทางความคิดแต่ไม่แตกแยกทั้งหมด ตนไม่คิดว่าเป็นความแตกแยกแต่เป็นความแตกต่างในทางความคิด ข่าวที่ออกมา ตนบอกแล้วว่าไม่จริง นายนิคมก็บอกว่าไม่จริง และคิดว่าเป็นเรื่องภายในซึ่ง ส.ว.จะพิจารณากันได้
เมื่อถามว่า ส.ว.ส่วนหนึ่งตั้งกลุ่ม ส.ว.24 ต.ค. ยิ่งตอกย้ำภาพความขัดแย้งและสั่นคลอนตำแหน่งประธานวุฒิสภาหรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า ยังอีกนานกว่าจะครบเวลา 1 ปีในตำแหน่งประธานวุฒิสภา คิดว่ากระแสข่าวเลื่อยขาเก้าอี้คงไม่ใช่เรื่องจริง ตนยังคงเชื่อมั่นใน ส.ว.ทั้งหมดว่าจะยังสนับสนุนตนอยู่ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนอึดอัดใจบ้างในการทำหน้าที่ แต่ไม่หนักใจเพราะคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องภายในซึ่งจะสามารถตกลงกันได้
ด้าน นายนิคม กล่าวว่า ขอทำความเข้าใจอีกครั้งว่า การหารือ 4 ฝ่าย วันที่ 20 ตุลาคม ที่ประธานวุฒิสภาลาประชุม ตนได้เข้าไปร่วมประชุมเพื่อรายงานผลสรุปโมเดล ส.ส.ร.3 ที่คณะกรรมการดำเนินการยกร่างแก้ไขมาตรา 291 ที่ตนร่วมประชุมกับตัวแทนจากพรรคการเมืองได้ข้อยุติ และตนทำความเข้าใจกับนายประสพสุขจนเป็นที่เข้าใจกันแล้ว ส่วนการทำงานในวุฒิสภาที่อาจเดินต่อไปลำบากเพราะ 2 กลุ่มใหญ่มีความเห็นแตกต่างกันนั้น ตนคิดว่า ไม่เป็นปัญหา เพราะเป็นเรื่องที่แต่ละกลุ่มออกมาบอกถึงจุดยืนแนวคิดของตัวเองมากว่า ส่วนในการทำหน้าที่รองประธานก็ยังทำได้ เพราะตนเคารพความเห็นที่แตกต่าง สมัยที่เป็นข้าราชการ กทม.หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว เชื่อว่าสังคมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
เมื่อถามว่า การประกาศจะล่าชื่อสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 291 ทำให้โดนโจมตีว่า รองประธานไม่ควรมาขับเคลื่อนเอง นายนิคม กล่าวว่า “ผมไม่ได้ทำ มีใครเห็นผมถือใบล่ารายชื่อที่ไหนเหรอ นั่นคนอื่นเป็นคนทำ ส่วนที่มีการโจมตีผม ผมคิดว่า เขาคอยค้านผมตลอดมากกว่า”
เมื่อถามถึงกรณี ส.ว.กลุ่ม 24 ต.ค.ในจำนวนนั้นมีบางส่วนที่ไปลงชื่อสนับสนุนแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 291 แล้ว นายนิคม กล่าวว่า กลุ่ม 24 ต.ค.ได้ประกาศจุดยืนว่าขอสงวนสิทธิ์ในเรื่องการเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยในการแก้มาตรา 291 แต่ในกลุ่ม 24 ต.ค.ก็มีครึ่งหนึ่ง ที่เห็นด้วยกับการแก้มาตรา 291 ซึ่งก็เป็นเรื่องของ ส.ว.ที่เห็นด้วยจะแยกไปดำเนินการใดๆ
