กกต.แถลงผลงาน 2 ปี ยอมรับทุจริตซื้อเสียงยังมีอยู่ ภาวนาขออย่าให้เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นกับบ้านเมืองอีก นัดชี้คดี “วิฑูรย์” สัปดาห์หน้า
วันนี้ (24 ต.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้จัดแถลงผลงานครบรอบ 2 ปี โดยมีนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม นาย สมชาย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย และนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ร่วมแถลงผลงาน ส่วน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง เพิ่งกลับจากดูงานประเทศสหรัฐอเมริกา จึงไม่ได้เข้าร่วมแถลงข่าว
โดย นายอภิชาต กล่าวว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.49 ได้ดำเนินงานอย่างเต็มที่ แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะวุ่นวาย กกต.ก็ต้องทำหน้าที่ต่อไปไม่สามารถชะลอดูทิศทางทางการเมืองได้ โดย 2 ปีที่ผ่านมา กกต.ได้จัดการเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ว.และจัดการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 6,540 แห่ง โดยในส่วนของการเลือกตั้งส.ส.มีสำนวนการร้องคัดค้านทั้งหมด 668 สำนวน พิจารณาเสร็จแล้ว 645 สำนวน เหลือสำนวนที่อยู่ระหว่างการพิจารณา 25 สำนวน ทั้งนี้ มีเรื่องร้องคัดค้านที่ส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาวินิจฉัย จำนวน 21 ราย ศาลฎีการับเรื่องไว้เป็นผลให้ส.ส.ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ 10 ราย ซึ่งศาลฎีกาวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง (ใบแดง) 1 ราย สั่งเลือกตั้งใหม่ 4 ราย (ใบเหลือง) และยกคำร้อง 3 ราย
นอกจากนี้ กกต.ยังดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำผิดในการเลือกตั้ง 52 คดี ส่วนการเลือกตั้ง ส.ว.มีสำนวนร้องคัดค้านที่อยู่ระหว่างดำเนินการของ กกต.จำนวน 125 สำนวนพิจารณาเสร็จแล้ว 111 สำนวน ซึ่งศาลฎีกาวินิจฉัยให้เลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) 2 ราย และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) 1 ราย และเหลือสำนวนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของกกต.จำนวน 14 สำนวน ซึ่งก็พอใจในระดับหนึ่ง
“พวกเราทุกคนเข้ามาทำงานด้วยความตั้งใจที่จะสนองพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน เพื่อจะรับใช้ชาติบ้านเมือง และเข้ามาทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงการทำงานของ กกต.ซึ่งมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ทุกคนก็ได้เห็นแล้วว่ามันผิดเพี้ยนไปจากเจตนารมณ์ดังเดิมที่ตั้ง กกต.ขึ้นมา เราก็พยามที่จะปรับปรุงทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะให้มันเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติมากที่สุดเท่าที่กำลังจะทำได้” นายอภิชาต กล่าว
เมื่อถามว่า กกต.มีนโยบายอย่างไรในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ บุคคลที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแล้วชอบ นำเสียงที่ได้มาจากประชาชนไปอ้างทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของตนเอง นายสุเมธ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการซื้อสิทธิขายเสียงยังมีอยู่ แต่จะบอกเลยว่า กกต.ทำงานไม่มีผลงานเลยไม่ได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาการเลือกตั้งก็ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาคนที่ซื้อสิทธิขายเสียงก็ไม่ได้เลือกตั้งเข้ามา ส่วนตัวก็ยังไม่พอใจกับการปฏิบัติหน้าที่เพราะเมื่อตราบใดแล้วที่มีการรณรงค์เลือกตั้งแล้ว แต่ประชาชนยังไม่เข้าใจ และกกต.ยังมีการแจกใบเหลืองใบแดงอีกก็ไม่เกิดผล เป็นเรื่องของปลายเหตุ แสดงว่าประชาชนยังไม่เข้าถึงประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาจากการทำหน้าที่มา 2 ปีเท่าที่จำได้ กกต.ให้ใบเหลืองแดงไปร้อยกว่าเรื่อง
“ผมดูแลเรื่องการมีส่วนร่วมการณรงค์เพื่อประชาธิปไตย แต่เราได้งบประมาณแค่ 50 ล้าน เมื่อกระจายเงินไปตามจังหวัดต่างๆ ก็ไม่เพียงพอ ดังนั้น หากเราไม่มีงบประมาณเขาจะสามารถรณรงค์ให้ประชาชนรู้เรื่องประชาธิปไตยได้แค่ไหน ดังนั้น เราจึงต้องขอความร่วมมือไปยังประชาชนให้ช่วยกันปกป้องประชาธิปไตย และที่ผ่านมาประชาชนก็ว่ามีการซื้อสิทธิขายเสียงแต่ไม่เข้าแจ้งความ กกต.ก็ทำอะไรไม่ได้ผมจึงยังไม่พอใจในตัวเองที่ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่เพียงพอ” นายสุเมธ กล่าว และว่า โดยรวมการอ้างสิทธิ์ว่าได้เสียงมาจากประชาชนส่วนมากนั้นต้องถามกลับไปว่า เสียงที่เขาได้มานั้นบริสุทธิ์หรือไม่ แต่เราต้องยอมรับว่าเขาเป็นตัวแทนประชาชนเมื่อประชาชนให้เสียงเขาไปแล้วก็ถือเป็นสิทธิของประชาชน แต่ต้องดูว่าการเลือกตั้งนั้นเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่ แต่ถ้าต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมส่วนตัวคิดว่าก็น่าจะอ้างได้ แต่เราจะยอมรับได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็ยังมีการซื้อสิทธิขายเสียง ตรงนี้จะยอมรับได้หรือไม่ว่าจะเป็นผู้แทนประชาชน
เมื่อถามว่า ในสถานการณ์บ้านเมืองที่แตกแยกอยู่ในขณะนี้กกต.จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกคนคงมีความรู้สึกเหมืนกัน ที่ไม่อยากเห็นให้คนในประเทศแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย ดังนั้น เราควรจะต้องช่วยกัน ตนก็มีความตั้งใจหากมีช่องทางใดที่จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายไปได้ ราก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วย อย่างการเลือกตั้งก็ถือเป็นส่วนหนึ่ง ถ้าเรายังไม่พร้อมยังเห็นปัญหาอยู่เราก็อย่าไปเพิ่มปัญหาเขาไปอีก ดัง นั้นกกต.มีหน้าที่ในการจัดกาเลือกตั้งก็ต้องทำให้ดีที่สุด ทุกคนมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
“ทหาร ตำรวจ ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป เรามีหน้าที่จัดการเลือกตั้งเราก็ทำ ประชาชนทั่วไปก็ต้องทำใจให้เป็นกลางไม่พยายามทำให้จิตใจแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าจนทำให้เกิดความขัดแย้งรุ่นแรง ส่วนการใช้กำลังก็คงเป็นหน้าที่ของบ้านเมืองผมก็เข้าใจ และภาวนาขอไม่ให้เกิดขึ้นอีก” นายอภิชาต กล่าว
นายอภิชาต กล่าวถึงกรณีการพิจารณากรณีสำนวนของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขณะนี้ได้บรรจุอยู่ในวาระเรียบร้อยแล้วซึ่งก็เป็นวาระที่ 2 ของวันนี้ พร้อมที่จะพิจารณา เมื่อ กกต.อยู่ครบทั้ง 5 คน แต่ปรากฏว่าช่วงเช้านางสดศรีได้แจ้งที่ประชุมว่ายังไม่ได้สามารถมาประชุมได้ทันเพราะเพิ่งกลับจากการไปปฏิบัติภารกิจ ดังนั้น ตนจึงเห็นว่าต้องเลื่อนออกไปก่อนเพื่อรอให้นางสดศรีได้เข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ก็ได้เข้าประชุมด้วยกันมาตลอดและเป็นผู้มีความเห็นให้มีการสอบพยานเพิ่มเติมอีก 7 ปาก ซึ่งคณะอนุกรรมการเพิ่งสอบไปได้เพียง 4 ปากเท่านั้น จึงต้องรอพร้อมๆ วินิจฉัยกันทั้งชุดเต็ม 5 คน คิดว่าในวันอังคารที่ 28 ต.ค.นี้ น่าจะมีการวินิจฉัยกรณีดังกล่าว