xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ เตรียมโชว์ภาพบาดแผลประจาน ตร.โหด-ค้านเจียด 50 ล้านช่วย นปก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิภพ ธงไชย
“พิภพ”เผยบาดแผลเหยื่อ 7 ตุลาทมิฬรุนแรงกว่าที่คิด เตรียมจัดนิทรรศการพร้อมแจกหนังสือประจาน “สมชาย”โหดสั่ง ตร.ใช้อาวุธสงครามทำร้ายประชาน ค้านรัฐบาลใช้งบ 50 ล้านช่วย นปก.บาดเจ็บจากเหตุไล่ตีพันธมิตรฯ หวั่นส่งเสริมอันธพาลการเมืองทางอ้อม แนะทหารมองให้ไกลกว่าแค่ป้องกันไม่ให้ 2 ฝ่ายปะทะ ต้องช่วยขจัดโครงสร้างทางการเมืองที่เป็นต้นเหตุความรุนแรงด้วย

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

เมื่อเวลา 22.25 น. วันที่ 20 ต.ค. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวว่า วันนี้ได้พบกับผู้บาดเจ็บจากการสลายชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาซึ่งได้มารักษาแผลที่เต็นท์พยาบาลกับหมอที่อาสามาจากหลายโรงพยาบาล และพบเรื่องที่น่าตกใจ เพราะแผลซึ่งเดิมเป็นผื่นแดงๆ กลายเป็นแผลลึก เพราะมีสะเก็ดฝังอยู่ ต้องคว้านเนื้อออก แสดงว่าแก๊สน้ำตาหรืออาวุธที่ตำรวจใช้ร้ายแรงกว่าที่คิด ทางพันธมิตรจะต้องมีการประจานเรื่องนี้ โดยจะเอาภาพของบาดแผลมาแสดงพร้อมกับคำบรรยายของหมอ เพื่อชี้ให้เห็นว่าบาดแผลนั้นไม่ธรรมดา เป็นบาดแผลจากอาวุธสงครามจริงๆ ซึ่งรัฐบาลต่อไปต้องไม่นำมาใช้กับประชาชนที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพอีก นอกจากทำนิทรรศการแล้วเราจะทำเป็นหนังสือแจกจ่ายทั่วไปด้วย เพื่อจะบอกว่าผลจากการยิงของตำรวจนั้นต้องใช้เวลาในการดูแลบาดแผลอีกนานหลายเดือน และแสดงถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

นายพิภพกล่าวถึงยอดเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตว่า ขณะนี้ได้ปิดการรับบริจาคแล้ว โดยยอดที่ปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 17 ต.ค.51 มีทั้งสิ้น 32,095,344 บาท แต่ก็มีการบริจาคประปรายวันนี้อีก 84,010 บาท ส่วนรายจ่ายได้มีการโอนให้กองทัพธรรมไปอีก 500,000 บาท เพื่อจ่ายให้ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย และเมื่อพบว่าคนที่บาดเจ็บเล็กน้อยนั้นบาดเจ็บมากกว่าเดิมก็จะจ่ายเพิ่มให้อีกเป็นหมื่น ส่วนยอดการจ่ายผ่านกองทัพธรรม ได้จ่ายไปแล้ว 1,259,181 บาท วันที่ 20 ต.ค.จ่ายไปอีก 100,000 บาท หลังจากนี้จะทยอยจ่ายและเร่งจ่ายไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีรายรับจาก พล.ร.ต.ชะโน กับภรรยาคือคุณมาลี เพ็ญชาติ จำนวน 100,000 บาท ครอบครัวทหารเรือพันธมิตรสุขุมวิท 21,000 บาท และเจ๊พรพิมล 3,000 บาท ส่วนพันธมิตรฯ จากชิคาโก (คุณพจนี คุณวัลยา คุณภักดีไทย คุณบรรลือ คุณอวยพร ชุมไชโย) ซึ่งเดิมจะบริจาคช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แต่เมื่อปิดรับบริจาคแล้วจึงบริจาคให้เอเอสทีวีแทนจำนวน 800 เหรียญสหรัฐ

นายพิภพเปิดเผยอีกว่า มีพันธมิตรฯ ผู้หญิงที่เป็นคนขับแท็กซี่ซึ่งเดิมเป็นผื่นแดงๆ ตอนนี้แผลได้ขยายใหญ่ขึ้นๆ จนขับแท็กซี่ไม่ได้ เราจึงจะช่วยเหลือนอกจากค่ารักษาแล้ว จะจ่ายค่าเช่าแท็กซี่ให้ทั้งหมด รวมทั้งรายได้ที่ขาดหายไปเราก็จะจ่ายให้จนกว่าจะหายและสามารถไปขับแท็กซี่ได้

นายพิภพ ได้ขยายความบทสัมภาษณ์ที่ลงหนังสือพิมพ์คมชัดลึกว่า ในประเด็นที่นักข่าวถามว่า เราไม่รู้มาก่อนหรือว่าจะมีการปราบอย่างรุนแรง ทำไมจึงพาคนไปเผชิญหน้ากับตำรวจ ซึ่งประเด็นนี้ตนตอบว่า เราเคยเผชิญหน้ากับตำรวจ แต่ไม่คิดว่าตำรวจจะใช้ความรุนแรง เราเคยเห็นแต่โล่มากั้นเราและดันกันไปมากเท่านั้น เราคิดว่าคงจะเหมือนเดิมคืออย่างมากก็ใช่โล่ดันเพื่อเปิดทางเข้าประชุมสภา เราเพียงใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการขัดขวางไม่ให้รัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรมเข้าไปแถลงนโยบายเพื่อทำพิธีกรรมให้ครบตามรัฐธรรมนูญเพื่อใช้งบประมาณต่อ ซึ่งเราใช้สิทธิในการปิดสภาโดยไม่เข้าไปในสภา

เราไม่คาดการณ์ผิด แต่เราไม่ทราบมาก่อนว่านายสมชายจะสั่งให้มีการยิงเราอย่างขนานใหญ่ ไม่คิดว่าจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ วันนั้นเราเห็นตำรวจที่อยู่แถวหน้าถือโล่เดินมา เราก็คิดว่าจะมีแค่นั้น แต่หลังจากนั้นตำรวจที่อยู่แถวสองก็ยิงเข้ามาอย่างขนานใหญ่ แล้วนี่ควรจะเป็นความผิดของใคร เป็นความผิดของพันธมิตรฯ หรือเป็นความผิดของำตรวจที่เห็นชีวิตประชาชนเป็นผักปลา

นายพิภพกล่าวต่อว่า สังคมไทยยังมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงอยู่ ความรุนแรงที่เราเห็นนั้นเป็นความรุนแรงที่เชิงโครงสร้าง เป็นความรุนแรงที่เกิดจากโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม และเอารัดเอาเปรียบ คนที่ถูกเอาเปรียบจะทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นสู้ ซึ่งเกิดขึ้นในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย วันนี้เราลุกขึ้นมาต่อสู้เพราะเรารู้สึกว่าโครงสร้างทางการเมืองไม่เป็นธรรม มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งเอารัดเอาเปรียบกอบโกยผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทำให้คนอีกกลุ่มหนึ่งยากจนลงๆ ดังนั้นหากประเทศไทยไม่จัดการเรื่องของโครงสร้างนี้ ความรุนแรงจะเกิดเป็นระยะๆ จะส่งผลเช่นนี้ไปถึงรุ่นลูกหลาน ดังนั้นการเมืองใหม่ จึงต้องจัดโครงสร้างการเมืองใหม่มีความเป็นธรรมยิ่งขึ้น

เรื่องนี้ ขอฝากไปถึง ผู้บัญชาการกองทัพบกด้วยว่า ตอนนี้ทั้งกองทัพและตำรวจมีวิธีคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้คน 2 กลุ่มปะทะกัน คือกลุ่ม นปช.ที่รัฐบาลหนุนหลัง กับพันธมิตรฯ ขอบอกว่า พันธมิตรฯ จะไม่เคลื่อนตัวไปปะทะกับ นปช.ที่เป็นเพียงคนรับใช้ของนักการเมืองเท่านั้น

เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามกับรัฐบาลนายสมชาย ที่ตั้งงบประมาณมา 50 ล้านบาท ในการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์วันที่ 7 และโยงไปถึงเหตุการณ์ที่ นปก.บุกเข้ามาตีพันธมิตรฯด้วย เรื่องนี้มีความเป็นธรรมหรือไม่ เพราะ นปก.เข้ามาสร้างเรื่องเอง น่าจะเป็นเรื่องที่กลุ่ม นปก.จะต้องช่วยเหลือกันเอง แต่กรณีวันที่ 7 เกิดจาการกระทำของตำรวจและหน่วยงานของรัฐ ถ้า นปก.บาดเจ็บจากการกระทำของรัฐจึงจะมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย

นายพิภพกล่าวต่อว่า ตนเห็นคนใจคนใน นปก.ที่มาเพราะการรับจ้างโดยไม่มีสำนึกทางการเมือง แต่เมื่อเกิดการบาดเจ็บเพราะการรับจ้างนั้น ก็เป็นความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้าง มิฉะนั้นแล้วถ้ารัฐบาลเอาเงิน 50 ล้านไปช่วยอันธพาลทางการเมืองที่มารังแกพันธมิตรฯ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือ จะเกิดกลุ่มอันธพาลที่ฮึกเหิมรับจ้างมาทุบตีและใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ชุมนุมอย่างสันติ รัฐบาลน่าจะรู้ดีว่า นปก.เป็นการเคลื่อนไหวด้วยสำนึกทางการเมืองหรือเป็นแค่กลุ่มอันธพาลรับจ้างเท่านั้น

จึงขอฝากไปยังผู้บัญชาการเหล่าทัพดูแลประเด็นนี้ด้วย หากไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง นอกจากนี้ตำรวจจะต้องไม่ไปสนับสนุน นปก.ที่นักการเมืองจ้างมาและพยายามจะใช้ความรุนแรงก่อกวนทางการเมือง และเชื่อว่าตำรวจจำนวนมากไม่เต็มใจที่จะใช้ความรุนแรงกับพันธมิตรฯ บางคนที่บาดเจ็บบอกว่าเข้าใจและไม่เอาเรื่องกับพันธมิตรที่ทำให้บาดเจ็บ มีเพียงตำรวจบางคนเท่านั้นที่เต็มใจทำเกินกว่าเหตุโดยการยิงอย่างอำมหิตด้วยจิตใจของตัวเอง ดูได้จากภาพที่ปรากฏ บางคนทำเกินคำสั่ง ใช้จิตใจที่โหดร้ายกำกับตัวเอง ตำรวจพวกนี้ต้องถูกสอบสวน

นายพิภพ กล่าวต่อว่า วันนี้ที่พันธมิตรฯ ไปแจกซีดีย่านเซ็นทรัลเวิลด์ ปรากฏว่ากองทัพก็เจตนาดีส่งสารวัตรทหารไปดูแลพันธมิตรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุแบบวันที่ 7 ตุลาฯ ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ในวันนี้ทหารต้องคิดมากกว่าการป้องกันไม่ให้ 2 ฝ่ายปะทะกัน ต้องคิดด้วยว่าจะขจัดโครงสร้างที่นำไปสู่ความรุนแรงได้อย่างไร โครงสร้างที่ทำให้เกิดความรุนแรงคือการเมืองแบบเก่าที่เอารัดเอาเปรียบประชาชนและมีการทุจริต จึงอยากจะเชิญชวนผู้นำเหล่าทัพให้ทำมากกว่าการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบวันที่ 7 ต.ค.ต้องมาร่วมกับประชาชนในการปฏิวัติสังคมทุกภาคส่วน เพื่อขจัดโครงสร้างที่สร้างความรุนแรงให้หมดไปจากประเทศไทย โดยประการแรกต้องพุ่งเป้าไปที่การทำโครงสร้างทางการเมือง อันที่สองโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำต่ำสูง อันที่สามต้องแก้โครงสร้างทางการศึกษาที่ส่งเสริมการใช้อำนาจและก่อให้เกิดความรุนแรง
กำลังโหลดความคิดเห็น