ผู้จัดการออนไลน์ – “สมเกียรติ” จี้ “บิ๊กจิ๋ว-พัชรวาท-สุชาติ” รีบออกมาเปิดเผย ใครเป็นเจ้าของประโยค “การรบต้องมีสูญเสียบ้าง” ในคืนวันที่ 6 ต.ค. ก่อนปฏิบัติการสั่งฆ่าประชาชน ชี้ถ้าไม่พูดก็ตายยกเล้าแน่ สดุดีพันธมิตรฯ สันติจริง เพราะไม่มีการเผาสถานที่ราชการเช่นเหตุการณ์เรียกร้อง ปชต.ในอดีต แนะจับตา 16 ต.ค. ป.ป.ช.ฟันสมชายในคดีที่ค้างมาตั้งแต่ปี 43
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วานนี้ (14 ต.ค.) ณ เวลาประมาณ 22.20 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขึ้นเวทีปราศรัย ณ ทำเนียบรัฐบาล กล่าวเนื่องในโอกาสครบรอบ 35 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 โดยกล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการลุกฮือเพื่อต่อต้านทรราชโดยประชาชน ในปัจจุบันกับเหตุการณ์ในอดีต จะเห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ พ.ศ.2551 นี้เป็นการเคลื่อนไหวที่ สงบ สันติ อหิงสาอย่างแท้จริง โดยสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ชัดก็คือ ไม่ว่าจะ 14 ตุลา, 6 ตุลา หรือพฤษภาทมิฬ ต่างเกิดเหตุการณ์เผาสถานที่ราชการทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นกองสลาก กรมประชาสัมพันธ์ สถานีตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ฯลฯ ทว่า พันธมิตรฯ ชุมนุมมาร้อยกว่าวันไม่เคยมีเหตุการณ์เผาสถานที่ราชการสักแห่งเดียว แม้จะมีวีรชนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากก็ตามที
ต่อมานายสมเกียรติได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ออกมายื่นคำขาดให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากบริเวณเขาพระวิหารแต่รัฐบาลไทยกลับไม่แสดงทีท่าโต้ตอบกลับบ้างเลยว่า แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลและตำรวจไทยนั้นเก่งแต่เข่นฆ่าประชาชนเท่านั้น
“พัชรวาท สุชาติ อำนวย นิ่มมะโน จงรัก และมือที่โยนระเบิดวันนั้นรวมถึง บิ๊กจิ๋ว ถ้าแน่จริงเอาแก๊สน้ำตาไปยิงเขมรให้ดูสิ แน่จริงไปสิ พวกตำรวจอย่างพวกคุณ พวกท่าน กล้าต่อเฉพาะสตรี คนชรา และเด็กของพันธมิตรฯ เท่านั้น” นายสมเกียรติกล่าวแสดงความผิดหวังในเหล่าตำรวจและนักการเมืองผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์การเข่นฆ่าประชาชนวันที่ 7 ตุลา
นายสมเกียรติได้ กล่าวต่อถึงเกร็ดเกี่ยวกับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ว่าตนในฐานะที่เป็นหนึ่งในแกนนำนิสิตนักศึกษมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ขอเล่าคร่าวๆ ว่า ขณะนั้นฝ่ายนิสิตนักศึกษาได้กำลังจาก พล.อ.กฤษณ์ ศรีวรา ผู้บัญชาการทหารบก นายทหารระดับสูงมายืนเคียงข้างที่ออกมาพูดชัดถ้อยชัดคำว่าให้ผู้มีอำนาจออกไป ทว่า พล.อ.กฤษณ์กลับถูกวางยาพิษเสียชีวิตไปเสียก่อนจึงทำให้นิสิตนักศึกษาถูกเข่นฆ่าเป็นจำนวนมาก ส่วนปัจจุบันนั้นไม่มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนไทยเลยที่ประกาศตัวออกมายืนเคียงข้างประชาชน ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ก็ได้แต่ออกมายืนอยู่หลังนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในวันที่สั่งฆ่าประชาชน 7 ต.ค.เท่านั้น
“เหตุการณ์ 14 ตุลา ทหารไม่เอารัฐบาลทรราช แล้วหนุนหลังนักศึกษา พอรัฐบาลทรราชจะปราบ หลังจากปราบตายไปมากแล้ว ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.กฤษณ์ ศรีวรา ยื่นคำขาด ‘มึงต้งออกไปไม่อย่างนั้นกูจัดการ’ แต่ ผบ.ทบ.ไทยปัจจุบันนี้บอก ‘ฆ่าไปก่อนแล้วเราร่วมแถลงข่าวกันภายหลัง ฆ่าไปก่อนไม่ต้องบอกผม’ ” นายสมเกียรติกล่าวเตือนจิตสำนึกของ พล.อ.อนุพงษ์
จี้สารภาพคืน 6 ต.ค.ใครพูด “การรบต้องสูญเสียบ้าง”
ต่อมานายสมเกียรติ ได้กล่าวเปิดเผยว่า ผู้ใดต้องรับผิดชอบต่อการสังหารโหดประชาชนในเหตุการณ์ 7 ต.ค. โดยระบุว่า
“ต่อไปนี้เป็นข่าวลับสุดยอด การประชุมคณะรัฐมนตรีกลางดึก 6 ตุลาคม สมชาย วงศ์สวัสดิ์ สั่ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ให้ไปปราบ เคลียร์พื้นที่ เพื่อสภาโจรจะเข้าประชุมแถลงนโยบาย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ (กุลดิลก อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) บอกว่าเปรียบเหมือน ทำคนท้องแล้วไม่รับ … พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก กล่าวหาบิ๊กจิ๋วว่าปฏิเสธสั่งการลุย 6 ต.ค.กลางดึก ทำนองว่าได้ตัดสินใจลาออกไป เปรียบเสมือนทำคนท้องแล้วไม่รับ
“ในวันนั้นผมขอถามว่า จงรัก สุชาติ เหมือนแก้ว และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตอนตี 2 ท่านประชุมกันอยู่ที่ บช.น.ใช่ไหม ใน 6-7 คนที่ประชุมกัน มีอยู่คนหนึ่งที่เป็นผู้บัญชาการของตำรวจ บอกว่า ผมไม่ทำ ผมไม่ทำ ควบคุมยากจะตายมาก ผมไม่ทำ แต่ใครเป็นคนพูดว่า การรบต้องมีการสูญเสียบ้างแล้วสั่งให้เขาไปลุย บิ๊กจิ๋วตอบสิว่าท่านไม่ได้พูด หรือท่านพูด ตอบสิจิ๋ว มันใกล้เข้าตัวเองแล้ว” ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ พล.อ.ชวลิต ออกมาเปิดเผย
“โปรดตอบว่า ใครเป็นคนพูดว่า ‘การรบต้องมีการสูญเสียบ้าง ลุยเลย จัดการให้เรียบร้อย’ พอตำรวจมันถูกไล่ให้รับผิดชอบ เขาก็ตกลงกันบอกว่าจะบอกเหมือนกันว่ารัฐบาลเป็นคนสั่ง เขาไม่ยอมตายฝ่ายเดียวครับ” นายสมเกียรติกล่าวเสริม
จี้ ผบ.ตร.เผยใครสั่ง ตร.ปฏิบัติการ
นอกจากนี้ นายสมเกียรติได้ถามไปถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ด้วยว่า ใครเป็นผู้สั่งการ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รวมไปถึงสั่งหน่วยงานตำรวจตระเวนชายแดน หน่วยปฏิบัติการพิเศษ 191 ให้มาเข่นฆ่าประชาชนในวันที่ 7 ต.ค.
“ถามนายตำรวจที่ติดตามบิ๊กจิ๋ว ชื่อ พล.ต.ต.สุรพงศ์ ศิริภักดี ผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอนที่ปราบท่านแต่งนอกเครื่องแบบไปให้คนตะเบ๊ะตอนปราบด้วยใช่ไหม” นายสมเกียรติกล่าวพร้อมระบุว่าตนมีหลักฐานอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ทั้งนั้น นายสมเกียรติได้กล่าวว่า ในกรณีที่ พล.ต.ท.สุชาติ ออกมายืดอกรับว่าตนเองเป็นผู้สั่งการลุยม็อบทั้งหมดนั้น นายสมชายในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ต้องดำเนินการปลด พล.ต.ท.สุชาติ ออกจากราชการโดยทันที เพราะกระทำผิดกฎหมายอาญา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พล.ต.ท.สุชาติก็ต้องบอกด้วยว่าใครเป็นผู้บงการเพราะคงไม่มีใครเชื่อว่า พล.ต.ท.สุชาติคิดและสั่งการได้เองทั้งหมด
นอกจากนี้ แกนนำพันธมิตรฯ ยังฝากถาม พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด รองผู้บังคับการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 191 ด้วยว่า ช่วยดูวีซีดีที่พันธมิตรฯ ส่งไปให้ด้วย และช่วยดูด้วยว่าใครเป็นผู้กำระเบิดน้อยหน่าแล้วโยนไปยังกลุ่มประชาชน
“พี่น้องครับ มันตายหมู่ครับ เดี๋ยว 5 แกนนำจะประชุมและไปทวงถามความเป็นธรรมให้น้องโบว์และสารวัตร ยื่นคำขาดว่าใครเป็นผู้สั่งการให้ สุชาติ เหมือนแก้ว มาทารุณกรรมคน 400 กว่าคนในวันนี้” นายสมเกียรติกล่าว
16 ต.ค. ป.ป.ช.ชี้ความผิดสมชาย
ต่อมานายสมเกียรติได้เปิดเผยว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 16 ต.ค. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะชี้มูลความผิดคดี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในสมัยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม กรณีการสั่งระงับเรื่องไม่ให้ดำเนินคดีกับนายประมาณ ตียะไพบูลย์สิน อดีตอธิบดีกรมบังคับคดี และนายมานิต สุธาพร อดีตรองอธิบดีกรมบังคับคดี ที่ไม่เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม จำนวน 70 ล้านบาทที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินศาล จ.ธัญบุรี เป็นเหตุให้รัฐเสียหาย
“การขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล จ.ธัญบุรี ขายที่ดินได้ 897 ล้าน เมื่อขายที่ดินได้ 897 ล้าน ต้องขายค่าธรรมเนียมให้ราชการ 70 ล้าน ปรากฏว่ามีรองอธิบดีกรมบังคับคดีคืนเงิน 70 ล้านให้ไม่ต้องเสีย ป.ป.ช.จึงลงมติไล่ออก แล้วดำเนินคดีอาญาแก่รองอธิบดีกรมบังคับคดี เหลือคนเดียวที่ถ่วงเวลามานานกว่านั้นคือ นายสมชาย ลูกน้องเนี่ยโดยคดีอาญาแล้วถูกไล่ออกจากราชการ ตอนหลังลดลงมาเหลืออกจากราชการ” นายสมเกียรติเปิดเผยข้อมูล พร้อมระบุว่าคนร้องเรียนเรื่องนี้คือ รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค 7 ซึ่งร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 2543 แล้ว แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าจนกระทั่งล่าสุดผู้ร้องเรียนต้องมาทวงถาม ป.ป.ช. ด้วยตัวเองเมื่อสามสัปดาห์ก่อน
สำหรับคดีนี้ถ้า ป.ป.ช.ชี้ว่ามีมูลความผิดจริงก็จะต้องส่งคดีให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่นเดียวกับคดีนักการเมืองและคดีที่ดินรัชดาของทักษิณที่จะอ่านคำพิพากษาในวันที่ 21 ต.ค. นี้
นายสมเกีรยติ กล่าวด้วยว่า ทิศทางประเทศไทยหลังพิธีพระราชทางเพลิงศพของ “น้องโบว์” น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ และ “สารวัตรจ๊าบ” พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี นั้นเป็นที่แน่ชัดว่า ธรรมะและความถูกต้องอยู่ข้างพันธมิตรฯ แน่นอนแล้ว
“14 ตุลา ประชาชนจงเจริญ 6 ตุลา ประชาชนจงเจริญ 7 ตุลา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและประเทศไทยจงเจริญ” นายสมเกียรติกล่าวทิ้งท้าย