“สมเกียรติ” เผย เมีย ตร.ประณามสมชาย “สัตว์นรก” - ยกย่องวีรชนเสียสละเพื่อรักษาธรรมะ

ผู้จัดการออนไลน์ – สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เผย จม.ภรรยาตร.ระดับรองผู้กำกับฝากจดหมายอัด “สมชาย” สันดานเยี่ยง “สัตว์นรก” ขำตำรวจโร่ขอความช่วยเหลือจาก นปก. แฉซากเน่า ทรท. นำโดย “ทศพร เสรีรักษ์” แสร้งไปเยี่ยม แต่กลับข่มขู่ผู้ป่วยหวังทำลายหลักฐาน สดุดี สารวัตรจ๊าบ-น้องโบว์ และวีรชนทุกคนที่เสียสละเพื่อรักษาความเป็นธรรมในสังคม

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย 

วานนี้ (10 ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 23.35 น. ณ เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำเนียบรัฐบาล นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ขึ้นกล่าวปราศรัย โดยระบุว่าจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเมื่อวันอังคารที่ 7 ต.ค. ที่ทำให้มีประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 400 คน และเสียชีวิตแล้ว 2 คน ตนพยายามเร่งตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

จากนั้น นายสมเกียรติได้กล่าวชื่นชมการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ศรีราชา ที่เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ผ่านมาเดินทางไปวางหรีดไว้อาลัยที่สถานีตำรวจภูธร ณ ท้องที่ นอกจากนี้แล้วยังกล่าวถึงกรณีที่คณาจารย์จากมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะคณาจารย์จากคณะแพทย์ได้เดินทางมาให้กำลังใจแก่ กัปตันจักรี พงษ์ศิริ และสหภาพการบินไทย กรณีเมื่อวันที่ 8 ต.ค. ปฏิเสธไม่ให้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนขึ้นเครื่องบิน (อ่านข่าว : หมอขอนแก่นชี้ “ปลื้ม” จิตใจหยาบกระด้าง-ส่งกำลังใจให้ “กัปตันจักรี” หนุนอารยะขัดขืนทุกรูปแบบ)

จากนั้นได้กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมาระหว่างเดินทางไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้งว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยวิ่งเข้ามาแสดงตัวว่าเป็นพันธมิตรฯ ขณะที่มีภรรยานายตำรวจระดับรองผู้กำกับได้ฝากจดหมายมาให้ตนฉบับหนึ่ง โดยเนื้อหาตอนหนึ่งกล่าวประณามนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีอย่างรุนแรง โดยข้อความในตอนท้ายจดหมายระบุว่า

“ ... ดิฉันในฐานะภรรยานายตำรวจระดับรองผู้กำกับ ขอประณามนายกรัฐมนตรีว่าเป็น ‘สัตว์นรก’ ไม่สมควรเป็น ‘สัตว์ประเสริฐ’ ด้วยซ้ำ จิตใจเลวทรามต่ำช้ากว่าสัตว์ที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐสภา” ส.ส.ปชป.กล่าว พร้อมว่า มีนายตำรวจหลายนายที่อยู่ร่วมปฏิบัติการวันที่ 7 ต.ค. ได้โทรศัพท์มาคร่ำครวญกับตน อย่างเช่น นายตำรวจจากอรัญประเทศรายหนึ่ง ที่มีชาวบ้านออกมาขับไล่ให้ไปอยู่ประเทศกัมพูชา

วันนี้ตำรวจถูกกล่าวหาว่าเลวทรามต่ำช้ามาก เพื่อเราไม่ได้ทำลายแนวร่วมมากเกินไป จึงขอเสียงปรบมือขนาดกลางให้ตำรวจดีๆ สักนิดหนึ่ง แม้จะหาได้ไม่มากนักก็ตามในสังคมไทย”

พร้อมกันนั้น นายสมเกียรติ ได้เปิดเผยถึงเนื้อหาของรายละเอียดในบันทึกชี้แจงข้อกล่าวหากรณีกบฎของตำรวจที่มีต่อ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ด้วยว่า ตำรวจพยายามเปรียบเทียบ “สงครามเก้าทัพ” “การทุบหม้อข้าว” และคำพูดอีกหลายคำของแกนนำพันธมิตรฯ ว่าเป็นคำพูดในประวัติศาสตร์ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า ผู้พูดมีพฤติกรรมเป็นกบฎ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นข้อกล่าวหาเหล่านี้ของตำรวจเป็นข้อกล่าวหาที่น่าขบขันมาก

จากนั้นแกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวถึง เหตุการณ์ในวันจันทร์ที่ 13 ต.ค. ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศจะเดินทางไปดาวกระจายเรียกร้องความเป็นธรรมให้ประชาชนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยว่า ตำรวจไม่รู้จะไปหาความช่วยเหลือที่ไหน และคงต้องไปเรียก นปก.มาคุ้มกันอีก ซึ่งวิธีดังกล่าวเป็นพฤติกรรมเดียวกันกับที่ตำรวจใช้ระหว่างที่ คณาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเดินทางไปประท้วงที่ สตช. เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา

นายสมเกียรติ กล่าวด้วยว่า ตนรู้สึกผิดหวังกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ที่แสดงท่าทีนิ่งเฉยระหว่างที่ พี่น้องพันธมิตรฯ บาดเจ็บล้มตายอยู่ที่ บริเวณรัฐสภา ลานพระบรมรูปทรงม้า และหน้า บช.น. อย่างไรก็ตาม นายสมเกียรติยืนยันว่าตนยังเคารพทหารอยู่เสมอ โดยเฉพาะนายทหารพรานที่เป็นแนวหน้าและรั้วของชาติ ที่เสียสละเพื่อประชาชนมาตลอด รวมถึงทหารอากาศทั้งหลายด้วย

แฉ 111 ซากเน่า ทรท. ข่มขู่วีรชนผู้ได้รับบาดเจ็บ

ต่อมา นายสมเกียรติได้กล่าวแฉว่า วานนี้คณะผู้เยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ตามโรงพยาบาลต่างๆ พบว่า มีความพยายามจากคนชั่วที่จะคุกคามผู้ป่วย และพยายามจะทำลายหลักฐานซึ่งจะเชื่อมโยงไปเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยตนก็ขอเตือนไว้ตรงนี้ว่าอย่าทำ

“กลุ่ม ส.ส.ซากเน่าไทยรักไทย โดยเฉพาะแพทย์ที่ชื่อ ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ แสร้งไปเยี่ยมคนไข้แล้วบีบแขนอย่างหนัก แล้วอีกกลุ่มหนึ่งก็ตามไปว่า ขอเสื้อผ้าที่มีเขม่าปืน มันต้องการทำลายหลักฐาน ผมขอถามนายทศพรว่าคุณไปทำไม” นายสมเกียรติกล่าว

เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายทะลุพันล้าน

นอกจากนี้ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาชนยังกล่าวด้วยว่า กลุ่มพันธมิตรฯ และทนายได้สรุปคร่าวๆ แล้วว่าจะดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก นายสมชาย เป็นเงินอย่างต่ำหนึ่งพันล้านบาท เพื่อเป็นการชดเชยให้แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต แม้ชีวิตและอวัยวะที่สูญเสียไปนั้นมิอาจตีค่าออกมาเป็นตัวเงินได้ก็ตาม

“ความจริงชีวิตมันมีคุณค่ามากกว่านั้น สุดคณานับ เพราะว่าการเสียสละของสารวัตเมธี กับ น้องโบว์นั้น เป็นการสละชีพเพื่อรักษาธรรมะ เป็นคุณธรรมสูงสุดที่พระศาสดาทรงบันทึกและตราไว้ ยอมเสียชีวิตเพื่อรักษาธรรมะ ส่วนคนที่สูญเสียแขน นิ้ว เท้า นั้น พระศาสดาบัญญัติไว้ว่าเป็นการเสียสละขั้นที่สองคือ เสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถลอก โดยสะเก็ดระเบิดเป็นต้นนั้นเป็นการเสียสละขั้นที่ 1 แต่ทุกคนเป็นวีรชนครับ”

ในตอนท้ายของการปราศรัย นายสมเกียรติระบุว่า ในระยะเวลาอันใกล้นี้จะเกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นเนื่องจาก นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กำลังจะเรียกร้องให้ประธานวุฒิสภายื่นเรื่องให้ ถอดถอนนายสมชายและบุตรสาวออกจากตำแหน่งตามความผิดในเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ซึ่งตนคิดว่าคราวนี้ นายสมชายและบุตรสาวไม่น่าจะรอดแน่นอนเพราะหลักฐานมัดตัวแน่นหนา (อ่านข่าว : “เรืองไกร” จี้ ปธ.วุฒิ ยื่นศาล รธน.ตีความคุณสมบัตินายกฯถือหุ้น)

ทั้งนี้ นายสมเกียรติได้พนมมือขึ้นและกล่าวอธิษฐานขอพรจาก “น้องโบว์” อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ วีรชนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ให้ช่วยยิ้มรับชัยชนะของพันธมิตรฯ และประเทศชาติอยู่บนสรวงสวรรค์ด้วย