“อภิสิทธิ์” รับพฤติกรรมไม่ได้ “สมชาย” ยังลอยหน้าลอยตา หลังสั่งฆ่าคน แล้วยังโยนความผิดให้อีก ลั่นยังเป็นคนหรือเปล่าด้านทนอยู่เพื่อช่วยคนๆ เดียวพ้นคุก ไม่สนสังคมพังแค่ไหน เชื่อ ไม่มีใครกล้าให้คนขาดความชอบธรรมตั้งเป็น คกก.สอบสวนฯ เรียกร้อง ผบ.ตร.ย้ายล้างบาง ตร.ฆ่า ปชช.ตบหน้า “ชัย” ปฏิเสธไม่ร่วมสังฆกรรมตั้งคณะทำงานร่าง รธน.
วันนี้ (9 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุม ว่า จากที่ได้ติดตามท่าที นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความรับผิดชอบ รวมถึงความจริงใจในการรับชอบต่อเหตุการณ์สลายม็อบ มีแต่พยายามปัดความรับผิดชอบ โดยโยนความผิดให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ทั้งที่เหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ที่ยังพอจะอ้างได้ว่าไม่คาดคิดว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จะนำมาสู่ความสูญเสียเช่นนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดนายกฯ ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบ ว่า เป็นผู้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่ก็จงใจให้เหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ที่เลวร้ายกว่าการโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ คือ การใส่ร้ายประชาชน ซึ่งตนไม่นึกไม่ฝันว่าเราจะมีรัฐที่ได้ทำร้ายประชาชนจนเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสแล้ว ยังมีรัฐที่ยัดเยียดความผิดให้ประชาชนอีก ถือเป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้
“ผมเคยได้ยินฝ่ายรัฐบาล ชอบถามคนนั้นคนนี้ ว่า เป็นคนไทยหรือเปล่า แต่พฤติกรรมที่ท่านทำอยู่ ไม่ใช่เป็นคนไทยหรือเปล่า แต่เป็นคนหรือเปล่า เพราะกระทำถึงขั้นเสียชีวิต และยังไปยัดเยียด ปรักปรำใส่ร้ายเขาอีกว่าพกพาอาวุธ เขาเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ ไปชุมนุมเพื่อเรียกร้องความถูกต้อง ไม่มีอะไรไปคุกคามเจ้าหน้าที่ของรัฐเลย นายกฯ ที่ชื่อ สมชาย ยังปล่อยให้ลูกร้องและกระบวนการทั้งหลายมายัดเยียดข้อหาให้เขาอีก เป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้ ไม่นำพาซึ่งสมานฉันท์ ความปรองดอง หรือความเชื่อถือใดๆ ดังนั้น นอกจากพรรคได้กล่าวโทษ นายสมชาย แล้ว ยังได้ทำหนังสือชี้แจงเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่า ประชาชนคนไทย ไม่ได้ทำรุนแรง แต่เป็นผู้ถูกกระทำจากภาครัฐ และได้ทำหนังสือไปยังคณะกรรมสิทธิ์มนุษยชน ดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ พรรคยังทำหนังสือไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า เมื่อปรากฏว่ามีการทำร้าย และยิงอาวุธใส่ประชาชน ไม่ตรงกับที่แถลงว่าเป็นการยิงแก๊สน้ำตาเท่านั้น จะดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไร หรือว่าบุคคลเหล่านั้น ทำตามคำสั่งของท่าน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร หรือถ้ามีบุคคลที่เหนือกว่าเป็นผู้สั่ง บุคคลนั้นเป็นใคร ซึ่ง ผบ.ตร.อยู่ในฐานะดำเนินการแบบตรงไปตรงมา แต่ถ้าท่านไม่ทำ จะถือว่าท่านมีความผิดด้วย ส่วนที่พรรคไม่ทำหนังสือถึงนายกฯ เพราะท่านหมดความชอบธรรม ความน่าเชื่อถือไปแล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนที่ นายกฯ จะตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ทราบว่าจะไปหาใครมา และมีความน่าเชื่อถืออย่างไร แต่ถ้าจะพิสูจน์ความจริงใจ นายกฯต้องสั่งย้ายตำรวจที่ทำร้ายประชาชนออกไปให้หมดก่อน หากจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่กระบวนการของรัฐกลับมีการตั้งธงว่าเป็นความผิดของประชาชน ก็จะยิ่งซ้ำเติมและสร้างปมความขัดแย้งให้บ้านเมืองไปอีก ก็อย่าตั้งขึ้นมาเลย
“วันนี้ในทางการเมืองหมดความชอบธรรมหมดไปแล้ว เราเรียกร้องความรับผิดชอบจากนายกฯ จะลาออก หรือถ้ากลัวว่าลาออกแล้วพรรคประชาธิปัตย์จะมีอำนาจ ท่านจะยุบสภาก็ได้ แต่ท่านไม่ควรเพิกเฉย เพราะถ้าไม่ทำอะไร ก็เท่ากับทำร้ายบ้านเมือง และกำลังทำร้ายระบบการเมือง เพราะระบบการเมืองในวิถีระบอบประชาธิปไตย ไม่มีที่ไหนในโลก ที่ประชาชนถูกทำร้ายจากภาครัฐ แต่รัฐบาลที่มาจากประชาชนไม่แสดงความรับผิดชอบ และจนกว่าเราจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้ พรรคไม่สามารถเข้าร่วม ผมจึงได้ทำหนังสือปฏิเสธการเข้าร่วมเจรจา เพื่อตั้งคณะทำงานยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่ารัฐบาลไม่ได้แสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา ซึ่งพรรคจะมีติดตามสถานการณ์ต่อไป และจะทำทุกวิถีทางที่ทำได้ เพื่อรักษาความยุติธรรม และให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่เป็นเหยื่อในครั้งนี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อเสนอที่ให้ย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควรย้ายตั้งแต่ระดับใด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกคนที่ออกมาให้ร้ายประชาชน และแถลงข่าวชี้แจง พอถูกจับได้ก็เปลี่ยนคำอธิบาย ซึ่งประชาชน ผบ.ตร.และนายกฯ คงจะรู้ดีว่าเป็นใคร แต่ที่ผ่านมาตนยังไม่ได้ยินผบ.ตร.แสดงออกในเรื่องนี้เท่าไร แต่คนที่ออกมาอธิบายแล้วถูกจับได้ คือคนที่ไม่ควรจะอยู่ในฐานะที่มาชี้แจง หรือบริหารงานของตำรวจต่อไป
เมื่อถามว่า ควรจะเสนอใครมาเป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะต้องเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือจากสังคม แต่ตนไม่แน่ใจว่าคนที่มีความน่าเชื่อถือขณะจะยอมรับการแต่งตั้งจากนายสมชายหรือไม่ เพราะถ้าเขารับการแต่งตั้ง ความเชื่อถือของเขาก็ถูกกระทบ เนื่องจากมีบางคนออกมาเรียกร้องแล้วว่า ไม่ควรให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการชุดดังกล่าว
“วันนี้นายกฯ ต้องรู้ตัวเอง ว่า เป็นผู้นำประเทศหรือไม่ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง 1 วัน เจ็บกว่า 400 คน มีทั้งสาหัสและเสียชีวิต เพียงเพราะนายกฯ ต้องการเข้าไปอ่านเอกสาร 33 หน้า อ่านเสร็จแล้วก็ไม่สามารถทำได้ตามที่อ่าน ผมจึงมองไม่เห็นว่าท่านอยู่ในฐานะอะไรที่จะมาตั้งคนขึ้นมาสอบข้อเท็จจริง ถ้าบอกว่าทั้งหมดเป็นเรื่องตำรวจ อย่างนั้นท่านก็ลาออกไป ให้ตำรวจบริหารบ้านเมืองไปเลย ถ้าท่านบอกว่าตัดสินใจไม่ได้ ต้องฟังโทรศัพท์จากลอนดอนก็เอาคนที่ลอนดอนกลับมา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากนายกฯ ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรแล้วเหตุการณ์ยังรุนแรงจะทำอย่างไรต่อไป หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกฯก็มีแต่สร้างปัญหาให้กับสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ ตนไม่ห่วงว่ารัฐบาลจะอยู่สั้นอยู่ยาว แต่ห่วงว่าบ้านเมืองจะเดินอย่างไร รัฐบาลยังอยู่ตนก็นึกไม่ออกมาว่าจะทำอะไรให้บ้านเมือง ตนเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ นายกฯ มีแต่ความหวาดระแวง หวาดกลัว อยากถามว่าจะอยู่ไปเพื่ออะไร อยู่เพื่อกลัวคนคนหนึ่งติดคุกหรืออย่างไร จะให้บาดแผลในสังคมรุกลามบานปลายไปถึงขนาดไหน ตนไม่อยากเชื่อว่า นี่คือ คนที่เคยเป็นผู้บริหารสูงสุดในกระทรวงยุติธรรม
เมื่อถามว่า ทำไมสถานการณ์ในขณะนี้ที่ถือว่าวิกฤตสูงสุดแล้ว นายสมชายยังอยู่ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมตอบไม่ได้ ผมก็ไม่เคยเห็นคนแบบนี้ ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ผมรู้จักก็คงไม่เป็นแบบนี้” เมื่อถามว่า มีแนวโน้มหรือไม่ว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะลาออก เพื่อกดดันหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยอมรับว่า พรรคได้มีการคุยในเรื่องนี้เหมือนกันว่า หากเราพ้นจากความเป็น ส.ส.วันนี้แล้วสามารถทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ ตนยืนยันว่าพวกเราจะทำ และการยุบสภาก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เราหลุดพ้น แต่กับนายกฯ ที่ชื่อ สมชาย แล้วเราลาออกไป นายสมชายไม่ทำอะไร นอกจากเอาลูกน้องมาด่า ว่าทำให้เสียเงินเลือกตั้งซ้อม จึงไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์อะไรกับสังคม เราจะยังใช้สถานะ ส.ส.ทำในสิ่งที่พอจะทำได้ แต่เมื่อไหร่ที่คิดว่ามันไม่มีประโยชน์เราพร้อมที่จะทิ้งตำแหน่งตรงนั้นอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เมื่อนายกฯ ยังทนอยู่อย่างนี้แล้วสังคมจะทนอยู่อย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนก็จะถามนายกฯ ว่าคิดว่าสังคมจะทนสภาพอย่างนี้ไปได้นานแค่ไหน ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทนอยู่ได้อย่างไร ทำเพื่ออะไร และทำเพื่อใคร ไม่ใช่เรื่องยากที่จะตัดสินใจเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ แต่มันมีผลประโยชน์อะไร ที่ยิ่งใหญ่กว่า ขนาดยอมให้สังคมพังไปทั้งระบบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากปฏิเสธ ไม่ร่วมประชุมตั้งคณะทำงานร่างรัฐธรรมนูญแล้ว พรรคยังมีมาตรการอื่นที่รุนแรงอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการนเปิดประชุมสภา จึงยังไม่ทราบว่ารัฐบาลจะดำเนินการอะไรต่อไป มีแต่ประชุมครม. เพื่อแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ จึงไม่ทราบว่ารัฐบาลจะเดินหน้าอย่างไร จึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะบอกได้ว่าในแต่ละเรื่องพรรคจะดำเนินการอย่างไร
“ผมยืนยันว่า สิ่งที่พูดในวันนี้ รัฐบาลไม่ต้องมากล่าวหา ยัดเยียดว่าเป็นเพราะเราเห็นด้วยทุกเรื่องของพันธมิตรฯ แต่ถ้าพันธมิตรฯ ทำผิด รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ที่จะทำร้ายประชาชน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า “ไม่หรอกครับ เขาควรจะมีสำนึกของตัวเอง แต่ผมเห็นคุณบรรหาร (ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย) บอกว่า คนขาขาดนี่ก็ละมุนละม่อมแล้ว ผมก็ไม่รู้จะเรียกร้องอะไรอีกแล้ว”
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการโยกย้ายข้าราชการเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ประเมินสถานการณ์อย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบและไม่สนใจว่ารัฐบาลจะเอารัดเอาเปรียบอย่างไร จะยุบสภาแล้วคืนอำนาจให้ประชาชน ตนก็ไม่ว่า ดีกว่ารัฐบาลอยู่อย่างนี้ แล้วบ้านเมืองผังไปเรื่อยๆ
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงท่าทีและบทบาทของกองทัพว่า อยากเห็นกองทัพและผู้บัญชาการทหารบก อยู่ข้างประชาชนมากกว่านี้ แต่สนับสนุนการแสดงออกที่จะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร และหลังจากนี้ หวังว่าจะไม่มีการสูญเสียเลือดเนื้อของประชาชนอีก ทหารควรเป็นทหารของประเทศ เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ของประชาชน และต้องสนองนโยบายรัฐบาลที่ชอบธรรมถูกต้อง ไม่ขัดหลักการที่นอกเหนือกว่านี้
เมื่อถามว่า เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จะมีหนทางเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากไม่มีความรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ไม่มีหนทางเยียวยาได้ เป็นเพียงการเล่นเกมแย่งชิงอำนาจ แต่หลักการความรับผิดชอบไม่เหลือแล้ว ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าทำการเมืองเพื่อแสวงหาอำนาจ วันนี้ ตนไม่สนใจว่าใครจะได้อำนาจหลังจากนายกฯ ยุบสภาหรือลาออก แต่สนใจว่าต้องมีคนรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้สั่งให้สมาชิกพรรคทุกคนแต่งชุดดำเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.เป็นต้นไป เพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านกำลังตรวจสอบรายชื่อสมาชิกที่เข้าประชุมรัฐสภาในวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ครบหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่ามีการฝากบัตรแสดงตนเข้าไปเพื่อให้องค์ประชุมครบ นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบว่านายสมชาย แถลงนโยบายครบทุกหน้าหรือไม่ เพราะหากไม่ครบ ก็จะความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะถือว่าแจ้งเท็จต่อรัฐสภา