xs
xsm
sm
md
lg

“ภูวดล” ชี้ชะตา “แม้ว” ใกล้ขาด ลูกน้องแย่งสูบเงินเมินช่วยนาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภูวดล ทรงประเสริฐ
“ภูวดล” แฉจุดจบ “ทักษิณ” ถูกลูกน้องยำจนล่มจม หลังเกิดศึกภายในระหว่าง “หน้าส้วม อ.ต.ก.” กับ “หมอผีเขมร” ระบุ นักการเมืองบัดซบกำลังเร่งสูบเงินจากคนโกงชาติมากกว่าทำงานให้เจ้านาย พร้อมอัด “นักวิชาการ” กะล่อนเข้ามาเป็นที่ปรึกษา เพื่อตนเอง เพราะประวัติสุดเน่า แม้แต่ลูกเมียยังไม่สนใจ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ปราศรัย 

วันนี้ (3 ส.ค.) เวลาประมาณ 19.30 น.ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชิงสะพานมัฆวาน โดยกล่าวว่า ขณะนี้ระบอบทักษิณกำลังจะถึงจุดจบ เพราะคนของตนเอง และเป็นจุดจบที่ยิ่งกว่านิยายน้ำเน่า ซึ่งปัญหาของประเทศนี้เกิดขึ้น เพราะ “ไอ้หน้าส้วม อ.ต.ก.” กับ “เนวิน” ร่วมถึงผู้นำเหล่าทัพบางคน

โดยการช่วงชิงอำนาจของนักการเมืองบัดซบภายใต้การนำของ “ยี้ห้อย” เพื่อช่วงชิงบทบาท ซึ่ง ส.ส.พันธุ์กะหรี่นอกคอก ทำให้การเมืองเสื่อมทราม นอกจากนี้ ยังมีนักวิชาการไร้ยางอายที่กำลังจะเข้ามาอีก โดยมีแต่การชุมนุมของพันธมิตรฯ เท่านั้นที่ดำเนินอยู่อย่างถูกต้อง และเราจะถลกหนังหัวคนพวกนี้ให้ได้

ทั้งนี้ หากสังเกตให้ดีๆ ขณะนี้การเมืองมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และค่อนข้างซับซ้อน เริ่มตั้งแต่วันที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกมาประกาศต่อสู้ และกรณีที่ 2 คือ การที่คุณหญิง 3 ปี ถูกศาลตัดสินว่า มีความผิด และกรณีสุดท้าย คือ การปรับคณะรัฐมนตรี ที่ยังคงมีนักการเมืองโสเภณีรุ่นลายคราม ผีขนุนเข้ามาอยู่ใน ครม.ชุดนี้ นอกจากนี้ ยังมีโสเภณีรุ่นหลังอย่างนักวิชาการเข้ามาเป็นที่ปรึกษา แต่ไม่รับเงินเดือน

“นักวิชาการคนนี้ หากศึกษาประวัติให้ดี จะรู้ว่ามีแต่ความกะล่อน และ ครม.ชุดหนังหนา หน้าด้านกว่ายางมะตอยเหล่านี้ มันจะตะแบงไปเรื่อยๆ องค์กรอิสระต้องตั้งหลักให้แน่น เพราะจะต้องเผชิญหน้ากับนักการเมืองพันธุ์ชั่วที่ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองศรีธนญชัย และตะแบงตลอดเวลา ถึงขนาดศรีธนญชัยเรียกพ่อ หรือต้องโดดน้ำตายได้หากเกิดมาเจอกับคนพวกนี้” ศ.ดร.ภูวดล กล่าว

ศ.ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า ไอ้คนหน้าส้วม อ.ต.ก.ที่ชอบพ่นคำผรุสวาท ถ้าประชาชนศึกษาคำพูดของคนๆ นี้ จะทราบว่า พยายามทำตัวจงรักภักดี โดยการเข้าสู่การเมืองของมันตั้งแต่ปี 2514-2517 เริ่มที่พรรคประชาธิปัตย์ก่อนจะใช้เป็นใบเบิกทาง ตั้งพรรคของตนเองในเวลาต่อมา โดยในปี 2517-2519 ประเทศไทยถูกล้อมด้วยคอมมิวนิสต์ และเกิดขบวนการขวาพิฆาตซ้ายขึ้น ทำให้นักศึกษาไม่รู้เดียงสาจำนวนมากต้องตาย หรือหนีเข้าป่า และคนๆ นี้เองที่มีส่วนการปลุกระดมให้คนไทยต้องมาฆ่ากันเอง

ทั้งนี้ หลังจากอ้างว่า เป็นแกนนำปราบปรามคอมมิวนิสต์ เพื่อเข้าสู่การเมือง โดยนักการเมืองตัวนี้ได้ดี เพราะขวาพิฆาตซ้ายนั่นเอง ขณะที่นักวิชาการอีกคนซึ่งเมื่อหมดยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น และเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ นักวิชาการคนนี้พยายามทำตัวเป็นกูรู หรือคนอวดรู้ แล้วพาคนไทยเข้าเข้าพงไป โดยบุคคลผู้นี้ทำตัวเป็นกะหรี่ชั้นสูง แต่ความจริงแล้วยิ่งกว่ากะหรี่สนามหลวงเสียอีก ซึ่งคนที่รู้ความจริงจะไม่ให้ความสนใจ และเข้าใจว่าเป็นคนบัดซบเห็นกว่าตัว ไม่เคยคิดถึงประเทศชาติ แม้แต่ลูกเมียตนเองเขายังไม่สนใจเลย

“การเมืองขณะนี้พี่น้องจำไว้ จะเกิดการหักหลังครั้งใหญ่จากผู้นำการเมือง จะร่วมกับผู้นำกองทัพที่ไม่ทำอะไรเลยจะเขามาฉวยโอกาส คนๆ นี้ไม่มีความหยิ่งในความเป็นักรบเลย เมื่อผู้พันที่ถูกระเบิดขาขาดที่เขาพระวิหารมาร้องเพลงที่นี้เท่ากับเป็นการประจานว่าผู้บังคับบัญชาห่วยแตกแค่ไหน เราไม่เคยเรียกร้องให้ปฏิวัติว่าประเทศนี้มีปัญหาเพราะทักษิณ และผู้บริหารชุดนี้” ศ.ดร.ภูวดล กล่าว

ศ.ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า พฤติกรรมของ นปก.หรือพวกชิงหมาเกิดนั้น รัฐบาลคงจะไม่ทำอะไรเพราะขณะนี้ยังยุ่งกับการรุมแทะไอ้คนโกงชาติ ที่ผัวเมียแยกกันอยู่ คนหนึ่งบ้านักร้อง ส่วนอีกคนบ้าหมอผีเขมร ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักการเมืองเฮงซวย ฉวยโอกาสหักหลังคนออกเงิน พวกมันอยากได้เงินควาย ซึ่งตอนตายมันจะไม่เหลืออะไรเลย เพราะลูกน้องมันฆ่ามันเอง

“แม่น้ำเจ้าพระยา กระแสน้ำไม่มีการไหลกลับแต่คนพวกนี้ชอบบิดเบือน รวมถึงสื่อที่รับใช้มันก็ด้วย ซึ่งตอนนี้ถูกไอ้ห้อยคุมอำนาจหมดแล้ว แต่เชื่อว่า การเมืองบ้านเราจะมีปรากฏการณ์งูเห่าเกิดขึ้นเสมอจากพวกนักการเมือง นักวิชาการ บัดซบ และ ครม.เฮงซวย นี่แหละที่เราต้องกำจัด เพื่อไม่ให้มันแหกตาประชาชน เพราะคนบัดซบมันไม่กล้าสู้ความจริง” ศ.ดร.ภูวดล กล่าว

ทั้งนี้ การที่ผู้นำกองทัพยังทำตัวหน่อมแน้ม ควรจะลาออกไปแล้ว เพราะมีตบะสูงเหลือเกิน ทั้งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับนักการเมือง นักวิชาการเฮงซวย ที่อ้างว่า ทำอะไรเพื่อคนอื่น แม้แต่การทำงานวิจัยก็เพื่อมหาลัย แต่ความจริงแล้วคนพวกนี้มันโกหก ชอบหลอกกินแม้กระทั้งไข่แดงของเด็ก สิ่งไม่นักวิชาการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศไหน ทำแม้แต่ในประเทศไทยเท่านั้น แล้วแบบนี้ประเทศจะเจริญได้อย่างไร นอกจากนี้ สมภารบางวัดก็มัวแต่บ้าวัตถุ บ้ารถเบนซ์ ไม่รู้อวดรวยไปถึงไหน

เป็นเรื่องที่คนรุ่นนี้จะต้องร่วมกันแก้ไข และอย่าปล่อยให้เป็นไปตามกรรม โดยเราจะต้องร่วมพลังกันเพื่อประเทศชาติ เพื่อกำจัดคนพวกนี้ออกไปจากประเทศ และไม่ให้กลับมาใหม่อีก ศ.ดร.ภูวดล กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น