“ชลิต” ชี้ “ม็อบถ่อย” ใช้อาวุธไล่ฆ่าชาวอุดรฯ ถือว่าละเมิดสิทธิเสรีภาพชัดเจน ย้ำ “ตำรวจ” มีหน้าที่ต้องรับมือสถานการณ์ป่าเถื่อนให้ได้ ก่อนแทงกั๊ก “ปฏิวัติ” ลั่นหากบ้านเมืองถึงขึ้นกลียุคทหารก็พร้อมที่จะเข้าไปดูแลสถานการณ์ มั่นใจ “ศาล” รับฟ้อง “3 รมต.” เอี่ยวหวยบนดินเพราะทำไปตามกฎหมาย
วันนี้ (28 ก.ค.) รายงานข่าวแจ้งจากท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 (บน.6) ว่า พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลฎีการับคำฟ้อง 3 รัฐมนตรีเกี่ยวกับคดีหวยบนดินว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย และคงจะต้องว่าไปตามกฎหมาย กฎหมายว่าอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น ทั้งนี้อาจจะเป็นทั้งผลดี และผลเสียก็ได้ ผลดีอาจจะได้มีการปรับเปลี่ยน และได้คนที่ดีมีความรู้ความสามารถ ซึ่งมีอีกหลายๆ คนที่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล ก็สามารถมาทำงานได้
เมื่อถามว่า เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมที่จะดำเนินคดีต่างๆ ได้หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ตนคิดว่าน่าจะเห็นใจศาล เพราะท่านทำงานหนัก ทั้งนี้จะต้องเป็นไปตามตัวบทกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งกฎหมายที่มีอยู่ทราบอยู่แล้วว่า เป็นสิ่งที่พยายามจะทำให้ระบบการเมืองในประเทศไทยดีขึ้น และคิดว่าในอนาคตน่าจะดีขึ้น ส่วนจะปรับตำแหน่ง ครม.ตำแหน่งใดเพื่อความเหมาะสมนั้น พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เท่านั้นที่ทราบ
เมื่อถามถึงคดีความต่างๆ ขณะนี้เริ่มพิจารณาแล้ว จะนำไปสู่หนทางออกของประเทศไทยหรือไม่ ผบ.ทอ.กล่าวว่า ประเทศไทยจะต้องก้าวหน้า และพัฒนาต่อเนื่องในเรื่องของเศรษฐกิจ และความเจริญทุกประการ ส่วนใครจะมาบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน หรือรัฐบาลไหน ก็จะต้องนำไปสู่จุดนั้นให้กับประชาชน ดังนั้นตนคิดว่าจะต้องดีขึ้น เมื่อถามอีกว่า มีความเป็นห่วงผู้นำรัฐบาลหรือไม่ เพราะมีปัญหาเข้ามารุมเร้ามากมาย พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ซึ่งไม่น่ามีอะไรที่น่าเป็นห่วงมากนัก
เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้คนไทยมีการทะเลาะตีกันของทั้ง 2 ฝ่าย และมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า สิ่งที่ตนมอง คิดว่าทุกคนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ต้องไม่ก้ำเกินสิทธิของแต่ละคน แต่ละกลุ่ม คนที่วิพากษ์วิจารณ์หรือทำอะไรต่างๆ จะต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่ใช่คำพูด หรืออะไรต่างๆ ที่เกินเลย ส่วนกลุ่มคนอื่นๆ กรณีที่จะไปใช้อาวุธ หรือทำอะไรรุนแรงนั้น ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และก้ำเกินในเรื่องของสิทธิ ส่วนที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มีความเป็นห่วงว่าคนไทยจะแตกความสามัคคี และจะแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า พูดยาก เพราะเป็นอย่างนี้มาพอสมควร เมื่อถามว่า หากตำรวจไม่สามารถรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้ ทหารจะออกมาควบคุมสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ตำรวจจะต้องรับมือให้ไหว เพราะเขามีหน้าที่อย่างนั้น ในต่างจังหวัดเริ่มตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านจะต้องดูแลทุกข์สุข เพื่อไม่ให้เกิดความทุกข์ และมีความสุข
เมื่อถามอีกว่า สถานการณ์ในขณะนี้ จำเป็นจะต้องใช้ประกาศ พ.ร.บ.ด้านความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่อยากให้มี ควรจะต้องใช้กฎหมายปกติดูแลให้เรียบร้อย เพราะถ้าไปถึงจุดนั้น จะต้องเข้าถึงขั้นกลียุค ซึ่งตำรวจจะรับมือไม่อยู่ ส่วนถ้าหากสถานการณ์เกิดกลียุคทหารจะออกมาปฏิวัติหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า การปฏิวัติ การปฏิรูป หรือการควบคุมสถานการณ์ มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ตนไม่ทราบเหมือนกัน ถ้าการปฏิวัติคือการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตนภาวนาให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแล และผู้ที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ก็จะต้องทำ มันก็จะไม่เกิดข้อขัดแย้งที่รุนแรง
พล.อ.อ.ชลิต กล่าวอีกว่า ตนคิดว่าสถานการณ์คงไม่ถึงขั้นปฏิวัติ และไม่ควร ส่วนกรณีที่ ผบ.ตร.เสนอให้ทหารเข้ามาช่วยควบคุมสถานการณ์นั้น พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ต้องทำ หรือร้องขอผ่านทางกระทรวงกลาโหม ยกเว้นว่าจะเป็นอีกสภาวะหนึ่ง เช่น กรณีฉุกเฉิน หรือเหตุปัจจุบันทันด่วน ท่านก็จะร้องขอในนามของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) หรือผู้ว่าฯ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ต่อข้อถามที่ว่า การทะเลาะของประชาชน จะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทหารออกมาปฏิวัติหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ เพราะไม่น่าใช่สาเหตุของการที่ทหารจะออกมาปฏิวัติ เนื่องจากไม่ใช่หน้าที่ หมายถึงหน้าที่ปกติของทหารในการป้องกันเอกราช แต่ว่าถ้าถึงจุดที่ร้องขอถูกสั่งการจากผู้บังคับบัญชา นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามอีกว่า จะฝากอะไรถึงกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีความแตกแยกเป็น 2 ฝ่ายหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ภาระของการควบคุมทุกอย่างอยู่ในสิทธิของแต่ละคน คงไม่ล่วงล้ำเข้าไปอย่างแน่นอน