พันธมิตรฯ เดินเครื่องไล่ “รัฐบาลโจร” นัดรวมพลสวนลุมฯ 10 โมงศุกร์นี้ ทำภารกิจนำซีดี-หนังสือบันทึกเหตุการณ์ “ตำรวจฆ่าประชาชน” 7 ต.ค.ไปเผยแพร่ย่านสีลม ประจานความป่าเถื่อนของ ตร. ปลุกคนทั้งประเทศออกมาร่วมไล่ เผยแนวทางพันธมิตรฯ เดินมาถูกทางแล้ว ดูข่าวงานพระราทานเพลิงศพน้องโบว์ก็ดูออก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
เมื่อเวลา 22.05 น.วันที่ 15 ต.ค. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้ประกาศภารกิจหลังจากเสร็จสิ้นงานพิธีทางศาสนาและการรำลึกถึงพี่น้องที่เสียชีวิตว่า หลังจากนี้จะเป็นกิจกรรมการเคลื่อนไหวไล่รัฐบาลตามภารกิจที่ต้องทำให้เสร็จต่อไป โดยได้มีการประชุม 5 แกนนำเรียบร้อยแล้ว มีมติว่า วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคมนี้ เวลา 10.00 น.ขอให้พี่น้องไปพบกันที่อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 ที่สวนลุมพินี เพื่อเอาซีดี หนังสือไปแจกจ่ายเพื่อเปิดโปงว่าตำรวจไทยฆ่าประชาชน โดยจะเดินเข้าไปในสีลมที่เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ เพื่อให้รู้ว่านี่คือความจริงที่ตำรวจฆ่าประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในวันนั้นจะต้องมีพี่น้องอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลอีกอย่างน้อย 1 หมื่นคน ไม่เช่นนั้นจะถูกยึดทำเนียบคืน ฉะนั้น พี่น้องยังต้องออกมากันมากๆ เพื่อรักษาฐานที่มั่นด้วย และออกไปทำภารกิจด้วย เพื่อทำให้ประชาชนที่ยังหลับใหลได้รู้ คนจะได้ออกมามากขึ้น เพื่อขับไล่รัฐบาลม้วนเดียวกันจบไปเลย ซึ่งต่อไปจะมีกิจกรรมเรื่อยๆ หลังจากวันศุกร์แล้ว จะมีในวันอาทิตย์อีก
ทั้งนี้ เพื่อกระจายข้อมูล จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลา เสียงบประมาณในการจัดตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวน ซึ่งวันนี้มีเจ้าหน้าที่มาเปิดเผยข้อมูลอาวุธที่ใช้ปราบปรามประชาชนเมื่อวันที่ 7 ต.ค. มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้แล้วว่าใครทำ ใครขว้างระเบิด เรารู้ชื่อหมดแล้ว ไม่ต้องไปสอบ และไม่ต้องไปกล่าวหาประเทศจีน ว่าเอาแก๊สน้ำตาอย่างแรงมาขาย ไปโทษเขาไม่ได้ ของแบบนี้ก่อนซื้อคุณต้องทดสอบก่อน ไม่ใช่ไปซื้อมาเก็บไว้แล้วเอามายิง อธิบายแบบนี้มันโง่ และดูถูกประชาชนเกินไป
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตำรวจได้อ้างว่าเขาต้องรักษาประชาธิปไตยจึงต้องปราบปรามประชาชน ซึ่งเป็นการอ้างแบบหน้าด้าน ระบอบประชาธิปไตยที่ไหนเอาปืนมายิงประชาชน นี่มันระบบทรราช หาว่าเราชุมนุมผิดกฎหมาย ทั้งที่เราชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ โดยเปิดเผย และศาลก็มีคำพิพากษาแล้ว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาในวันที่ 21 ต.ค.นี้ จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายอย่าง และเมื่อวันก่อนพวก นปก.ก็พยายามมาก่อกวน เขาชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่มีบางส่วนมาที่เราประมาณ 70 คน เราเอา 10 คนออกไปล่อ เขาก็เลยวิ่งเขามา เราก็เลยเอาคนออกไป 150 คนไปตลบกลัง พวกมันเลยกระเจิงไปเลย ตำรวจก็เข้ามาขวาง เพราะมันเสียเปรียบ แต่ตอนวันที่ 2 ก.ย. ตำรวจนำหน้า นปก.มาเลย พอมาใกล้พวกเรา ตำรวจก็เลยไป ให้ลุยเข้ามา ซึ่งพฤติกรรมนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจเสียหายอย่างมาก เพราะมีผู้บังคับบัญชาที่รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ เราจึงเรียกร้องให้ตำรวจที่ดีลุกขึ้นมาขับไล่ตำรวจเลวไม่กี่คนเพื่อรักษาภาพพจน์ตำรวจเอาไว้
“เราโชคไม่ดีที่มีสื่อมวลชนที่ยังซื้อได้อีก มันพยายามบิดเบือข้อมูลข่าวสารที่แท้จริง ฟรีทีวีออกข่าวเรา 2-3 นาที มันจะรู้เรื่องได้อย่างไร ส่วนเอ็นบีทีก็รายงานเท็จตลอด เราจึงไม่ให้เข้ามาทำข่าว”
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากการสร้างสถานการณ์ให้ตำรวจไทยฆ่าประชาชนแล้วยังไม่พอ พ.ต.ท.ทักษิณยังต่อท่อไปยังสมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา ให้ประกาศยิงทหารไทย เพราะต้องกหารกลบเกลื่อนเรื่องที่เกิดขึ้น เรพาะเป็นจำเลยไปทั้งโลก จึงต้องประกาศสร้างสถานการณ์สงคราม และให้เกิดสถานการณ์สู้รบ เพื่อรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ เป็นข้ออ้างให้เราต้องหยุดทะเลาะ หันมาสามัคคีกัน ถ้าเราไม่หยุดก็อ้างว่าเราไม่รักชาติ แต่พอตอนพวกเราเรียกร้องความสามัคคี ตอนที่รัฐบาลยอมลยกประสาทเขาพระวิหารให้เป้นมรดกโลกของกัมพูชา ก็อ้างว่าให้ระวังความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จนเราต้องเดินไปพระวิหาร แล้วเขาก็เอาอันธพาลมาขวาง จนเกิดเหตุปะทะ
“ถ้ามันรักชาติจริง มันต้องไม่ลงมติให้ยกพระวิหารให้กัมพูชา รัฐบาลที่รักชาติจะไม่มีมติแบบนี้ นายสมชายก็เป็นรองนายกในรัฐบาลนั้น แล้ววันนี้ ก็มาเป็นนายกเอง ซึ่งคดีที่เราร้อง ป.ป.ช.ให้เอาผิดนั้น คดียังไม่เสร็จ แต่ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาแล้วว่าขัด ม.190 ของรัฐธรรมนูญ นี่คือหลักฐานว่าเขายกอธิปไตยให้ชาติอื่น โทษถึงขั้นประหารชีวิต ตอนนี้เขาจังพยายามดิ้นรน”
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขอลี้ภัยในอังกฤษ เราขอให้ยึดพาสปอร์ตสีแดง เพราะมันผิดระเบียบ บุคคลที่หนีหมายศาลหรือต้องคดีอาญานั้นจะต้องยึดพาสปอร์ตทุกชนิด แต่นี่พาสปอร์ตแดงก็ยังไม่ยอมยึดเลย แต่พอจะขอลี้ภัยเลยเสนอเพื่อจะคืน แต่คอยดู ถ้าเขาไม่ให้ลี้ภัยก็จะไม่คืน รัฐบาลนี้ก็ทำผิด แต่ถ้าไปแจ้งความ ตำรวจก็คงไม่รับแจ้ง เพราะมันช่วยกันทำผิดรวมถึงการฆ่าประชาชนด้วย นี่เป็นหายนะของสังคมไทยขณะนี้
“อีก 6 วัน ก่อนถึงวันที่ 21 เขาบอกว่าจะเอาทำเนียบคืนให้ได้ เพราะหลังจากนั้นเขาจะแพ้อย่างราบคาบ เขาจึงดิ้นรนเต็มที่สุดความสามารถ ปัญหาชี้ขาดวันนี้ ตำรวจไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อพิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่รักษาความปลอดภัยให้ประชาชน ทหารก็ไม่ต่อสู้เพื่อประชาชน เราต้องสู้ด้วยตัวเอง แต่ต้องออกมาให้มากเพื่อยืนหยัดต่อสู้ ภารกิจของเราต้องเดินหน้า แม้เราเหน็ดเหนื่อย น่าเห็นใจ หลายคนก็เป็นหนี้ แต่เงินทองไม่ตายหาได้ ตอนนี้เอาประเทศชาติไว้ก่อน”
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สัญญาณต่างๆ ชัดเจนว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ดูจากงานพระราชทานเพลิงศพน้องโบว์และดูข่าวก็รู้แล้ว เพราะฉะนั้น พี่น้องไม่ต้องไปเครียด การทำบุญไม่ต้องเครียด ส่วนวันศุกร์ที่ 17 หวังว่าพี่น้องในภาคใต้ ตะวันออก ภาคเหนือ-อีสาน คงจะมาทัน เพราะเราต้องใช้คนมากพอสมควร เราต้องรักษาทำเนียบรัฐบาล และที่สะพานมัฆวานอย่างน้อยแห่งละ 1 หมื่นคน และอีกอย่างน้อย 2 หมื่น จะไปสีลมเพื่อแจกเอกสารข้อมูลให้คนทั้งหมดรู้ตำรวจชั่วสมุนเผด็จการทรราชได้เข่นฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51