“สนธิ” เปิดโปงขบวนการล้มล้างสถาบันเบื้องสูงโดย “ระบอบทักษิณ” ที่กระทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน สงสัย “อนุพงษ์” รู้เห็นเป็นใจ ขณะเดียวกัน ยืนยันใช้หลักปัญญาในการต่อสู้ ระบุถ้าก่อความรุนแรงให้ลุกเป็นไฟจะทำให้ “ในหลวง-ราชินี” ทรงโทมนัส
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันนี้ (9 ต.ค.) เมื่อตอนสาย นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลกล่าวต่อผู้ชุมนุมว่า พวกเรายึดมั่นในอหิงสามาตลอด และเห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์กำลังตกอยู่ในอันตราย และว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่ามองเพียงแค่ตำรวจที่เข่นฆ่าประชาชนเท่านั้น หรืออย่ามองเพียงแค่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่บอกว่าตัวเองเป็นกลางเท่านั้น แต่มันเป็นวิธีการทำลายราชบัลลังก์โดยขบวนการของระบอบทักษิณ
นายสนธิ ได้ให้ข้อมูลว่า ขบวนการเหล่านี้เริ่มมาตั้งแต่หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยเริ่มจากการซื้อรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ให้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ และนี่คือที่มาของคำถามว่า ทำไม 4 ข้อหาที่คณะปฏิวัติตั้งเอาไว้กับรัฐบาลทักษิณ ไม่มีการดำเนินการใดๆ จากนั้นมีการใช้เงินซื้อองค์กรอิสระ เช่น กกต. และป.ป.ช.บางคน ดังนั้น ถือว่าในครั้งนี้เป็นสงครามะรหว่างเทพกับมารอย่างแท้จริง
“ขณะที่บางคนที่บอกว่าให้รีบจัดการเลือกตั้ง กำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค.49 ผมไม่อยากเอ่ยชื่อว่าเป็นใคร เพราะไม่ต้องให้ระคายเคืองถึงพระเจ้าอยู่หัว” นายสนธิ ระบุ และว่า รัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ ทำเหมือนสมรู้ร่วมคิดกับระบอบทักษิณ ดังนั้นการเลือกตั้งจึงมีการซื้อเสียงอย่างเต็มที่
นายสนธิ กล่าวว่า เมื่อพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลในตอนแรกยังไม่เอา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาเป็นนายกในตอแรกเพราะยังมีตัวเลือกอื่น คือ นายสมัคร สุนทรเวช เพราะต้องการแก้ข้อหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องการไม่จงรักภักดี จึงเอานายสมัครซึ่งมีภาพลักษณ์ในเรื่องของบรรพบุรุษเคยรับใช้เบื้องพระยุคลบาทมาก่อนมาแก้ปัญหาในเรื่องนี้
นายสนธิ กล่าวว่า เหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ที่ยังไม่รุนแรงเพราะคิดว่าซื้อศาลได้ แต่จุดพลิกผันในกรณีถุงขนม 2 ล้านที่ไม่มีใครรับ และเกิกรณีจำคุกคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และพี่ชายในคดีโกงภาษี
นายสนธิ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ให้จับตาวันที่ 8-21 ต.ค.ที่จะมีการตัดสินคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการสร้างสถานการณ์เพื่อช่วยเหลือบางคนที่จะเสียบเข้ามา และเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นสืบเนื่องหลังจากได้หนีไปต่างประเทศ
“ว่ากันว่าการฆ่าประชาชนมีการวางแผน และมีทหารใหญ่บางคนยืนอยู่หลังแนวตำรวจ และผมขอตำหนิทหารมาช่วยตำรวจถือว่าน่าอาย เพราะถ้าต้องการช่วยเหลือประชาชนต้องสั่งให้ตำรวจหยุดกระทำป่าเถื่อนนั้นทันที เปรียบเหมือนเห็นโจรที่มาปล้นแล้วกลับไปช่วยโจร ดังนั้น ผู้เป็นกบฏคือระบอบทักษิณที่มีทหารอยู่เบื้องหลัง” นายสนธิ ระบุ
นายสนธิยังให้จับตาการสร้างสถานการณ์เพื่อยึดอำนาจ และถ้าถึงเวลาต้องต่อสู้กับตำรวจและทหาร เราก็ต้องลุกมาสู้ และถ้าพวกเราตาย พี่น้องต้องให้สัญญาว่าแผ่นดินต้องลุกเป็นไฟ แต่เรายังใช้หลักอหิงสาไม่ต้องการให้ลุกเป็นไฟ เพราะถ้าขี้ขลาดจะมาสู้แบบนี้ทำไม
“ผมคิดเป็น สู้เป็น ผมมีปัญญา ถ้าทำอย่างนั้นเหมือนทำลายพระองค์ท่าน ไม่มีประโยชน์ใดๆ” นายสนธิ ซึ่งกล่าวเปิดใจทั้งน้ำตา และว่าถ้าเราจะเผาจะใช้ความรุนแรงแบบนั้นจะทำให้พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี ทรงโทมนัส เราทำไม่ได้
นายสนธิ กล่าวว่า ถ้าเกิดการรัฐประหารขอให้พี่น้องอย่างเพิ่งไปไหน อย่าเพิ่งกลับบ้าน เพราะไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายที่ล้มล้างสถาบันหรือปฏิวัติเพื่อการเมืองใหม่ ถ้าไม่ใช่อย่างหลังเราก็พร้อมนองเลือด ดังนั้น เราต้องหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อพ่อหลวงและแม่หลวงของเรา