xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” แฉข้อมูล ตร.ใช้อาวุธหนัก ลั่นฟ้องแพ่งอาญา “ตำรวจ-น้องเขยแม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิภพ ธงไชย
“พิภพ” เชื่อ “พ.ต.ท.เมธี” ดับคารถจี๊ปเพราะระเบิดของเจ้าหน้าที่ ยันตำรวจใช้อาวุธหนักสลายชุมนุมหน้าสภา เผยข้อมูลผู้เชี่ยวชาญระบุดูจากบาดแผลแขน-ขาขาด น่าจะโดนอาวุธร้ายแรงมีส่วนผสมทีเอ็นที หรือซีโฟร์ ลั่นฟ้องทั้งอาญา-แพ่งตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนายและ “น้องเขยแม้ว” วอนผู้มีบทบาทในสังคมช่วยหยุดการใช้ความรุนแรงของตำรวจ ก่อนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 8 ต.ค. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยช่วงแรกได้รายงานให้ทราบถึงการขอประกันตัวนักรบศรีวิชัยซึ่งล่าสุดได้รับการประกันตัวออกมาอีก 17 คน ยังเหลืออีก 7 คน และคาดว่าจะได้รับการประกันตัวเร็วๆ นี้

หลังจากนั้น นายพิภพได้กล่าวสดุดีวีรกรรมของนางสาวอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ“โบว์” พันธมิตรฯ สุภาพสตรีที่ถูกอาวุธของตำรวจเสียชีวิตระหว่างสลายการชุมนุม และได้สดุดี พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี ที่เสียชีวิตในรถจี๊ปหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งน่าจะเสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยระเบิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นอาวุธหนักของ ตชด.(ไม่ใช่ระเบิดที่ขนมาเองเพื่อก่อเหตุแล้วเกิดระเบิดขึ้นก่อนตามที่ตำรวจแถลงข่าว)

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ตามที่ตำรวจแถลงว่าการสลายการชุมนุมไม่ใช้อาวุธหนักนั้น ไม่จริง เพราะมีข้อมูลจากผู้ที่รู้เรื่องอาวุธเป็นอย่างดีโดยอ้างจากตำราอาวุธของโรงเรียนนายร้อย จปร.บอกว่า อาวุธที่จะทำให้อวัยวะ แขน ขาขาดได้นั้น ต้องเป็นอาวุธ 2 ชนิด คือ ทีเอ็นที และซีโฟร์ ที่ทำออกมาในรูปดินพลาสติก ทั้งสองชนิดนี้เมื่อผสมสารบางอย่าง สามารถทำเป็นเม็ด หรืออย่างอื่น ใช้ยิงหรือขว้างได้ ระเบิดดังกล่าวใช้ยิงด้วยแรงอัดสูง มีคุณสมบัติสามารถฉีก อัด หรือตัดให้ขาดได้ เมื่อกระทบวัตถุ โดยเฉพาะเนื้อมนุษย์ และสามารถตัดได้แม้แต่เสาไฟฟ้า

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ถ้าเป้ฯแก๊สน้ำตาธรรมดาหากกระทบกับตัวก็แค่ฟกช้ำ แต่ที่ตำรวจใช้เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ไม่ใช่แก๊สน้ำตา โดยเมื่อดูบาดแผลขาขาด ต้องเป็นทีเอ็นทีหรือซีโฟร์เท่านั้น หรือเป็นการลดรูปของอาวุธท้องสองชนิด ซึ่งอย่าว่าแต่ขามนุษย์เลย เสาไฟฟ้าคอนกรีต ใช้เพียงแค่ 1 ใน 4 กก.ก็สามารถตัดขาดลงได้

“รูปแบบของขาที่ขาด จะเป็นอย่างอื่นไมได้นอกจากตำรวจใช้ส่วนประกอบวัตถุระเบิดที่เป็นอาวุธสงครามมาปราบปรามประชาชน ตำรวจนอกจากไม่ดำเนินตามขั้นตอนระเบียบว่าด้วยการสลายการชุมนุมจากเบาไปหาหนัก คือต้องแจ้งว่าจะสลายการชุมนุมก่อน หลังจกานั้นต้องเจรจา ถ้าเจรจาไม่สำเร็จก็ใช่โล่ดัน ถ้าไม่สำเร็จอีก ก็ใช้รถดับเพลิงมาฉีดน้ำ หลังจากนั้นจึงใช้แก๊สน้ำตา แต่นี่ข้ามขั้น ไมใช้เพียงแก๊สน้ำตาเท่านั้น ยังใช้อาวุธหนัก มีการผสม ทีเอ็นที ซีโฟร์ ยิงใส่จนขาขาด แขนขาด”

นายพิภพ กล่าวต่อว่า พันธมิตรฯ จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ฟ้องร้องทั้งทางอาญาและทางแพ่งกับตำรวจทุกคนและนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเรามีชื่อคนที่เกี่ยวข้องหมดแล้ว เมื่อเปิดเผยชื่อเมื่อไหร่ ครอบครัวของเขาจะถูกกระทบในสังคมไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าภรรยา ลูกสาว ลูกชาย เพราะพ่อแม่พวกนี้ไม่ตระหนักว่าการทำชั่วนั้นจะทำลายวงตระกูลของตัวเองอย่างไร กรรมที่ก่อขึ้นในครั้งนี้จะกัดกินครอบครัวของตำรวจทุกคนรวมทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

นายพิภพ กล่าวอีกว่า บาดแผลของผู้ชุมนุมที่มาจากอาวุธสงครมนั้น คนที่เป็นทหารบกน่าจะรู้ว่าที่ตำรวจแถลงนั้นไม่จริง ทำไมทหารจึงไม่ออกมาบอกว่าที่ตำรวจแถลงนั้นไม่จริง โดยเฉพาะ ผบ.ทบ. เราไม่เคยเรียกร้องการรัฐประหาร แต่ทหารต้องแสดงจุดยืนในวันนี้ว่าไม่เห็นด้วยที่ตำรวจและนายสมชายใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าประชาชน

“การแดงจุดยืนแค่นี้ทำไม่ได้หรือ ท่าน ผบ.เหล่าทัพ เพราะทหารอ้างเสมอว่าจะปกป้องประชาชน เพียงแค่ใช้ปากปกป้องแถลงความจริงเรื่องอาวุธสงครามที่ถูกใช้มายิงประชาชน ยังไม่ได้เชียวหรือ นี่คือบทบาทที่ควรกระทำ ถ้าคนสำคัญๆ ในบ้านเมืองไม่แสดงบทบาทปกป้องประชาชน จะไปแสดงเมื่อไหร่ วันนี้มีคนตาย เจ็บ สูญเสียอวัยวะ ท่านจะไปแสดงบทบาทเมื่อไร่ จะรอให้ตายมากกว่านี้หรืออย่างไร”

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ทหารเพียงแค่บอกว่าไม่เห็นด้วยกับตำรวจ และบอกว่า ดูจากบาดแผลแสดงว่ามีการใช้อาวุธสงครามยิงประชาชน เพียงแค่นี้ประชาชนก็ถือว่าท่านยืนอยู่กับประชาชนแล้ว ยังไม่สายเกินไปที่คนระดับผู้บังคับบัญชา ปลัดกระทรวง ผู้อาวุโสในสังคมจะออกมายับยั้งความรุนแรงในสังคมไม่ให้ขยายตัวออกไป

นายพิภพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้สังคมไทยยังเชื่อมั่นในสันติ เพราะผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลา 6 ตุลา และพฤษภาทมิฬ แต่พอคล้อยหลังวันที่ 6 ตุลา ปีนี้เพียงวันเดียว ก็เกิดเหตุวิปโยคเดือนตุลาอีก ถ้าไม่ยับยั้ง ความรุนแรงจะกระจายตัวซึ่งในทฤษฎีสันติวิธีกับความรุรนแรง บอกไว้ว่า ถ้าใช้สันติวิธีแล้วถูกตอบโต้ด้วยความรุนแรง และยับยั้งความรุนแรงไม่ได้ คนใช้สันติก็จะขาดหมดความเชื่อมั่น หันไปใช้ความรุนแรง และบ้านเมืองจะหมดความสงบทันที นี่คือความนุรนแรงของสังคมไทย

“ไม่เชื่อคืนนี้ถ้าท่านใช้ความรุนแรงในทำเนียบเราจะหมดความอดทน เราไม่รับประกันว่าอารมณ์คนจะเป็นอย่างไร ที่พูดนี้ไม่สนับสนุนความรุนแรง แต่ถ้าอำนาจรัฐใช้ความรุนแรงกับคนที่ใช้สันติวิธีครั้งแล้วครั้งเล่า ประชาชนจะหยุดสันติวิธีเมื่อไร่ เรารับรองไม่ได้ ขอเตือนทุกภาคส่วนในสังคม ต้องให้ตำรวจและนายสมชายหยุดการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม เพราะนี่เป็นสิทธิของประชาชน” นายพิภพกล่าว

นายพิภพ กล่าวอีกว่า พันธมิตรฯ ได้ทำตามแนวทาสันติวิธีมาถึงขีดสุดแล้ว เราได้ไปร้องศาลปกครอง ห้ามเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง คาดว่าศาลจะอ่านคำสั่งเร็วๆ นี้ เราจะใช้กระบวนการทางกฎหมาย โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล จะดำเนินการในระดับนานาชาติ เรียกว่า ศาลอาชญากรสงคราม ที่กระทรวงการต่างประเทศออกมาโต้ว่าทำไม่ได้นั้น ไม่จริง กระทรวงการต่างประเทศน่าจะออกมายอมรับว่า การใช้อาวุธสงครามปราบปรามนั้นจริง นายสนธิต้องหาช่องห้องให้ได้

“นี่เป็นกระบวนการทางหนึ่งที่เราจะดำเนินการแบบสันติวิธี และระยะยาว เราต้องเอาเขาติดคุกให้ได้ กระบวนการหนึ่ง ทนายความเราจะฟ้องทั้งศาลแพง ศาลอาญา ต่อตำรวจและผู้ร่วมมืออื่นๆ ให้ติดคุก และฟ้องทางแพ่ง ให้ชดใช้ 100 ล้าน 1,000 ล้าน นี่เป็นกระบวนการที่จะยับยั้งความรุนแรง ถ้าสิ่งต่างๆ เหล่านี้พึ่งไมได้ บ้านเมืองจะขาดความสงบ และจะไม่มีใครพึงสันติวิธี อีกต่อไป”

นายพิภพ กล่าวว่า แกนนำฯ ได้ประชุมกันแล้วว่าจะใช้วิธีการที่ยังอยู่ข้างสันติวิธี เช่น วิธีการทางกฎหมาย วิธีการทางสังคม เราจะทำให้พวกฆาตกรอยู่สังคมอย่างปกติไม่ได้

นายพิภพยังได้ตำหนิเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พยายามไปสอบสวนผู้บาดเจ็บขณะที่ถูกระเบิดขาขาดนอนบาดเจ็บอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจแทนที่จะช่วยเหลือกลับไปถามชื่อ นามสกุล เพื่อที่จะนำไปสอบสวน ดังนั้นจึงขอบอกไปยังญาติผู้บาดเจ็บให้พกมือตบไปด้วย ถ้าตำรวจเข้าไปสอบคนเจ็บให้ใช้มือตบไล่ไปเลย เพราะเราไม่ได้เป็นฆาตกร เราจะไม่มีการให้การใดๆ ทั้งสิ้น แต่เราจะไปลงชื่อกันเพื่อฟ้องตำรวจและนายสมชายว่าเป็นฆาตกร นอกจากนี้ยังมีข่าวว่านายตำรวจเอาเงินใส่ซองให้พันธมิตรฯ ที่บาดเจ็บด้วย แต่เขาไม่รับ เพราะพวกคุณเป็นฆาตกร


กำลังโหลดความคิดเห็น