“พัลลภ” แนะพันธมิตรฯ ต้องจับ “สมชาย”-ยึดอำนาจรัฐ

“พล.อ.พัลลภ” เชื่อพันธมิตรฯ ไม่ได้พกระเบิดไปเอง เหน็บตำรวจอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก จึงยิงแก๊สน้ำตาใส่ตัว ปชช.อย่างสนุกสนาน ทั้งที่มีข้อความห้ามไว้ เผย หากพันธมิตรฯ ต้องการสร้างการเมืองใหม่ต้องยึดอำนาจรัฐให้ได้ ระบุ ที่ผ่านมา ใช้แต่อหิงสา จึงไม่สำเร็จ และเกิดความสูญเสีย ชี้ หากเป็นตน 7 ต.ค.จะนำมวลชนจับตัวนายกฯ ให้ได้

วันที่ 11 ต.ค.พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ลับ ลวง พราง” ทางสถานีวิทยุเอ็มเอฟ 100.5 เมกะเฮิรตซ์ ถึงเหตุการณ์ตำรวจสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า แก๊สน้ำตาที่ตำรวจใช้นั้น ตามปกติจะไม่ยิงใส่คน เพราะอำนาจระเบิดรุนแรง ไม่ใช่กลุ่มพันธมิตรฯ พกระเบิดไว้กับตัว เพราะระเบิดตรวจสอบได้ เนื่องจากมีสะเก็ดระเบิด แต่เมื่อแพทย์พิสูจน์มาไม่พบสะเก็ดระเบิด พบแต่เขม่า ทั้งนี้ ปลอกกระสุนแก๊สน้ำตาเขียนไว้ว่า ห้ามยิงตรง เพราะจะเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่เป็นภาษาอังกฤษ ตำรวจไทยคงอ่านไม่ออก จึงได้ยิงกันสนุกสนาน เมื่อยิงแก๊สน้ำตาวิถีตรงไปกระทบอะไรจะระเบิดแรงมาก

เมื่อถามถึงเหตุระเบิดรถจี๊ปเชอโรกี ที่หน้าพรรคชาติไทย พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า น่าจะใช้วัตถุระเบิดแน่ ไม่ใช่ทีเอ็นทีแต่เป็นซีโฟร์ อย่างไรก็ตาม ผู้ดำเนินรายการไม่ได้ถามต่อว่า ใครเป็นคนวางระเบิดดังกล่าว

ส่วนสถานการณ์ต่อไปเป็นอย่างไรนั้น พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่มีใครเดาสถานการณ์ได้ว่าจะเป็นอย่างไร ยากต่อการเดา ขณะนี้รัฐบาลอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ จึงเดายากว่าการเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่า การเมืองใหม่ตามข้อเสนอของพันธมิตรฯ ต้องเริ่มด้วยการปฏิวัติใช่หรือไม่ พล.อ.อ.พัลลภ กล่าวว่า มันต้องยึดอำนาจรัฐให้ได้ ถึงจะแก้ได้

เมื่อถามว่า แสดงว่า เป้าหมายของพันธมิตรฯ ต้องการนำไปสู่การปฏิวัติใช่หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า คิดว่าจะต้องมีอำนาจรัฐ ไม่อยากจะพูดว่าปฏิวัติ แต่เขาต้องได้อำนาจรัฐ แต่ตอบไม่ได้ว่าเขาจะได้มาอย่างไร

เมื่อถามว่า พันธมิตรฯ ควรใช้อหิงสาต่อไป หรือรุกให้มากขึ้น พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า นโยบายของเขา คือ สันติ อหิงสา แต่ตนชอบรบวิธีรุก ถ้าเขาทำตามตนใช้รบวิธีรุก การสูญเสียมี แต่นำไปสู่ความสำเร็จ แต่วันนี้เขาอหิงสา การสูญเสียยิ่งมากกว่าตนอีก แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ

“เหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม หากเป็นผมจะใช้การรบแบบใช้คลื่นมนุษย์ โถมเข้าไปประชิดตัวเขาให้ได้ เขายิงเราไม่ได้ เรามากกว่าเขา 40 เท่า วันนั้นจะสามารถควบคุมคณะรัฐมนตรีได้หมด รวมถึงตัวนายกรัฐมนตรี” พล.อ.พัลลภ กล่าว

พล.อ.พัลลภ กล่าวต่อว่า หากจะให้นายกรัฐมนตรีลาออก คงลาออกไม่ได้ ต้องเข้าใจว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำประเทศ อำนาจรัฐอยู่ที่เขา เมื่อเราต้องการอำนาจรัฐมาสู่ตัวเรา ก็ต้องจับเขาให้ได้ และต้องปฏิวัติโดยประชาชน ถ้าพูดอย่างนี้ทุกวัน คงไม่มีทางหรอก ทั้งนี้ เชื่อว่าทหารจะไม่ปฏิวัติ เพราะบทเรียนจาก 19 กันยายน 2549 ทหารปฏิวัติแล้วคุมการเมืองได้หรือไม่ เท่าที่เห็นคุมไม่ได้ เมื่อคุมการเมืองไม่ได้ ปฏิวัติไปก็เหมือนเดิม ประเทศเราวิกฤตวันนี้เกิดความแตกแยก เพราะเกิดจากการปฏิวัติเมื่อ 19 กันยายนที่ทำแล้วไม่เบ็ดเสร็จ

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี บอกว่า การปฏิวัติเป็นหนทางสุดท้ายแก้ปัญหา พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ท่านมองว่าอำนาจเด็ดขาดที่จะยุติ คือ อำนาจทหาร แต่ลืมมองว่าหลังทำแล้วจะรักษาอำนาจไว้ได้หรือไม่ เพราะขณะนี้พรรคการเมืองไม่กลัวทหาร ประชาชนก็ไม่กลัวการรัฐประหาร

ส่วนกระแสข่าวที่ พล.อ.ชวลิต จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เดาไม่ถูก ดูแล้วไม่น่าจะใช่