“สมเกียรติ” สดุดี “จำลอง” ให้การต่อศาลสุดองอาจ ร่าย “วีรกรรมกู้ชาติ” ในอดีตหักล้างข้อหากบฏ ชี้ชัดข้อหา “ตำรวจ” ไร้ข้อมูล-ปราศจากเหตุผลโดยสิ้นเชิง พร้อมชม “ทีมทนายพันธมิตรฯ” ยกข้อกฎหมายเบิกความ ชี้ “9 แกนนำ” ถูกกลั่นแกล้ง เพราะไร้หลักฐานการสะสมอาวุธ-ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้าง รธน.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วันนี้ (6 ต.ค.) เมื่อเวลา 20.45 น.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงกรณีที่ศาลมีคำสั่ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำพันธมิตรฯ ที่ถูกตำรวจจับกุมในข้อหากบฏ ขึ้นให้การต่อศาลว่า วันนี้ พล.ต.จำลอง ถือเป็นแม่ทัพ โดยยืนยันว่า หากถูกจับก็จะไม่มีการประกันตัว และด้วยความองอาจของ พล.ต.จำลอง ที่ศาลในวันนี้ สะท้อนให้เห็น คือ โดยขอศาลพูดโดยไม่ให้มีการจดบันทึก โดยระบุว่า ขอให้ศาลตัดสินอย่างสบายใจ ไม่ว่าจะปล่อยตัว หรือกักขังต่อ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อการชุมนุมของพันธมิตรฯ ทั้งสิ้น ซึ่งตนเข้าไปจดคำพูดอย่างเต็มที่ เพราะเขาห้ามบันทึกเสียง โดยศาลได้สั่งให้คุมขังต่อไปอีก 12 วัน
“ที่สำคัญ พล.ต.จำลอง ให้การต่อศาล 4 ข้อ คือ ข้อ 1.ผมไม่ได้เป็นกบฏตามข้อกล่าวหาของตำรวจอย่างแน่นอน 2.ข้อกล่าวหากบฏที่ตำรวจตั้งขึ้นนั้น เลื่อนลอย ปราศจากข้อมูล ปราศจากความจริง และไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง 3.กบฏนั้นล้มล้างรัฐธรรมนูญ แต่ พล.ต.จำลอง คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้อง” แกนนำพันธมิตรฯ ระบุ
นายสมเกียรติ กล่าวอีก 4.พล.ต.จำลอง ไม่เคยเป็นกบฏตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในอดีตเมื่อปี 2526 ซึ่งเคยเป็นตัวแทนการคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นเผด็จการ สุดท้ายก็ชนะ จนกระทั่งปี 2535 พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นสู่อำนาจโดยเสียสัจจะ จึงเป็นผู้นำคัดค้านเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ รสช.แล้ว พล.ต.จำลอง ก็ชนะอีกครั้ง พล.ต.จำลอง ยังให้การต่อศาลอีกว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้คัดค้านรัฐบาล หรือเรียกร้องให้รัฐบาลที่ไร้ความชอบธรรมลาออกเพียงรัฐบาลเดียว แต่ยังไล่รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพราะไร้ความชอบธรรม แค่นั้นยังไม่พอ ยังให้การต่อศาลว่า รัฐบาลนายสมชาย บริหารประเทศโดยไร้ความชอบธรรม รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลต่างก็มีมลทิน และพรรคกำลังจะถูกยุบแล้ว
“ส่วนข้อสุดท้าย พล.ต.จำลอง ให้การต่อศาลว่า ในอดีตไม่เคยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะให้กำลังประทุษร้ายล้มล้างรัฐธรรมนูญ ท่านไม่เคยสะทกสะท้าน และยังบอกอีกว่า ขอให้ศาลสบายใจ เพราะไม่ว่าศาลจะคุมขัง หรือปล่อยตัว ก็จะเป็นประโยชน์ต่อพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน นี่คือ วีรบุรุษซึ่งได้รางวัลแมกไซไซ และรางวัลบุคคลแห่งเอเชียของเกาหลีใต้ คนเดียวของประเทศไทย” นายสมเกียรติ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึง นายไชยวัฒน์ ซึ่งศาลได้เบิกตัวออกมาว่า นายไชยวัฒน์ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นอะไร แค่เป็นนักโทษเท่านั้นเอง จากการที่ศาลได้ยกคำร้องของ นายไชยวัฒน์ กรณีการจับกุมโดยมิชอบ ตนจึงถามนายไชยวัฒน์ ว่า สบายดีหรือไม่ นายไชยวัฒน์ ตอบกลับมาว่า สบายดีตามสภาพ เพราะโดนข้อหาเดียวกันกับ นายสมเกียรติ ดังนั้น จึงขอคารวะนายไชยวัฒน์ ซึ่งเป็นอดีตนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ที่เก่งที่สุดคนหนึ่ง และสมถะที่สุด
ส่วนคำเบิกความของ 4 ทนายพันธมิตรฯ นั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนชอบมาก เพราะคำเบิกความทั้งสิ้น 6 ข้อ คือ 1.การตั้งข้อหากบฏ ถือว่ากลั่นแกล้งแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 คน เนื่องจากบุคคลที่ถูกกล่าวหาทั้ง 9 คน ขับรถถังไม่เป็น ยิงปืนใหญ่ก็ไม่เป็น แล้วจะเป็นกบฏได้อย่างไร ตำรวจ 5 คน ที่นั่งอยู่ นั่งก้มหน้าเอาหัวโขกโต๊ะ เนื่องจากคนที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ที่ผ่านมานั้น มีมากกว่า 9 คน อีกทั้งยังมีคนมาร่วมชุมนุมอีกหลายแสนคน แล้วทำไมไม่ตั้งข้อหาคนเหล่านั้นว่าเป็นกบฏ
“ทนายความของเราเบิกความอีกว่า ข้อหากบฏที่ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ถูกกล่าวหานั้น ไม่มีหลักฐานการสะสมอาวุธ มีแต่พวกสะสมมือตบ นั่นหรือคืออาวุธ เพราะองค์ประกอบของกฎหมายต้องสะท้อนว่า จะต้องสะสมอาวุธ ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญ ทนายความพันธมิตรฯ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับการล้มล้างรัฐบาลนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานว่า แกนนำพันธมิตรฯ จะแย่งชิง นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี มีแต่จะถีบให้ลงไปจากเวทีรัฐบาลเท่านั้น ข้อ 4.ข้อหากบฏนั้น ต้องทำให้เสียดินแดน หรือแบ่งแยกราชอาณาจักร ซึ่งไม่มีปรากฏคำให้การว่า มีการแบ่งแยกราชอาณาจักร จะมีก็เพียงแต่รัฐบาลยกปราสาทเขาพระวิหารให้เขาเท่านั้น” นายสมเกียรติ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ต้องขอบคุณมากคณะทนายพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน ที่ระบุว่า มีทั้งตำรวจ สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ทัพบก ทัพอากาศ รวมทั้งทัพเรือ ก็มาอยู่ในพันธมิตรฯ ดังนั้น ตำรวจจึงก่อกบฏเพียงฝ่ายเดียว ทนายเบิกความอีกว่า จนถึงบัดนี้ หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงไม่ได้แสดงความคิดเห็นว่า พันธมิตรฯ เป็นกบฏเลยแม้แต่น้อย มีแต่ตำรวจเท่านั้นที่บอกว่าพันธมิตรฯ เป็นกบฏ ฉะนั้น ขอให้ศาลสบายใจได้ เพราะไม่ว่าจะขังแกนนำฯ หรือปล่อยตัว ก็จะเป็นประโยชน์ต่อพันธมิตรฯ ทั้งสิ้น ที่สำคัญขณะนี้พันธมิตรฯ ทั่วประเทศกำลังออกมา และชัยชนะต้องเป็นของประชาชนอย่างแน่นอน