ศาลอาญาอนุมัติหมายจับกุม 9 แกนนำพันธมิตรฯตามที่ตำรวจเสนอ “โกวิท” ได้ทีสั่งพันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบทันที พร้อมจัดรถขนผู้ต้องหารอดเตรียมพร้อม
วันนี้ (27 ส.ค.) เวลา 16.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องขออนุมัติออกหมายจับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ, นายอมร อมรรัตนานนท์, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และ นายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตรฯ ผู้ต้องหาที่ 1-9 คดีผู้ใดใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, ผู้ใดสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการ หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี มาตรา 114, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิก ระวางดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 215 และ 216
ภายหลังองค์คณะผู้พิพากษาศาลอาญาไต่สวนคำร้องขออนุมัติออกหมายจับ ต่อมาเวลา 16.00 น.ศาลจึงมีคำสั่ง โดยพิเคราะห์พฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 9 ตามที่พยาน ผู้ร้อง ได้ให้การประกอบหลักฐานวีซีดีที่นำส่งแล้วเห็นว่า มีพยานหลักฐานพอสมควรให้เชื่อได้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 9 น่าจะกระทำการอันเป็นความผิดอาญาตาม คำร้อง จึงอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ตามคำขอ
ด้าน พ.ต.ท.มานะ เผาะช่วย พนักงานสอบสวน สบ.3 สน.สุทธิสาร เปิดเผยว่า ศาลเห็นด้วยกับพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนนำเสนอ และมีเหตุอันควรที่จะออกหมายจับ ทั้ง 4 ข้อหา จากนี้พนักงานสอบสวนจะดำเนินการตามหมาย ซึ่งการขอหมายจับครั้งนี้ได้รวบรวมเอกสารมานาน ไม่ใช่นำเหตุการณ์เมื่อที่ 26 ส.ค.มาเท่านั้น ส่วนจะมีการขอหมายจับเพิ่มอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน เบื้องต้นจะเดินทางไปที่ บช.น.เพื่อไปรายงาน และรอฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังทราบข่าวว่า ศาลอาญาอนุมัติหมายจับกุมแล้ว ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีการจัดเตรียมรถขนส่งผู้ต้องหา และรถตู้มาจอดไว้บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลจำนวนหลายคัน
ต่อมาเวลา 16.00 น.พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนขบวนออกจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ตนและ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้รับมอบหมายจาก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้ดูแลความสงบเรียบร้อย กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดชุมนุมทางการเมืองอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.จนถึงวันที่ 26 ส.ค.กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปฏิบัติการละเมิดต่อกฎหมาย เข้ายึดสถานที่ราชการหลายแห่ง กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตร และทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เมื่อวานนี้ (26 ส.ค.) จนถึงวันนี้ (27 ส.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงให้ทราบว่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมีโทษทางอาญาอย่างสูง เพราะทำเนียบรัฐบาลนั้นถือเป็นสถานที่ราชการสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และข้าราชการกว่า 2 พันนาย สิ่งที่เกิดขึ้นทำไห้การบริหารราชการแผ่นดินต้องหยุดไปแล้วถึง 2 วัน สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายทางอาญาอย่างชัดเจน
พล.ต.อ.โกวิท กล่าวต่อว่า ประการที่สอง ใคร่ขอเรียนว่า ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ รัฐบาลได้มีพิธีพระราชทานธงสัญลักษณ์ ในงานจากวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วัน สร้างสามัคคี โดยจะมีพระราชพิธีที่สำคัญ รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะจัดสถานที่ที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะนี้เหลือเวลาอีก 2 วัน และขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯที่ร่วมรับฟังและชุมนุมอยู่ในทำเนียบรัฐบาลนั้น ได้ทำผิดกฎหมายกันอย่างต่อเนื่อง ทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ชี้แจงมาตามลำดับจนถึงบัดนี้ ก็ยังมีผู้ร่วมชุมนุมอยู่โดยละเมิดต่อกฎหมาย ตน และ พล.ต.อ.พัชรวาท รวมถึงนายตำรวจที่ร่วมประชุมอยู่ เพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อนำความสงบสุขมาสู่บ้านเมืองของเรา ตนขอร้องพี่น้องประชาชน และกลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยท่านจะไปชุมนุมในสถานที่อื่น สถานที่ในทำเนียบรัฐบาลจำเป็นต้องปรับปรุงสถานที่
“ผมขอร้องท่านได้โปรดกรุณาออกจากทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผมไม่อยากจะเรียกว่ายื่นคำขาด ผมอยากจะใช้คำว่าขอร้อง ในนามเพื่อนตำรวจมีภาระหน้าที่ที่จะต้องนำความสงบสุขมาสู่บ้านเมือง การกระทำที่ขัดต่อกฎหมายและมีโทษ ซึ่งได้ชี้แจงมาตามลำดับ ผมขอร้องอีกครั้งหนึ่งให้ออกจากทำเนียบ ผมจำเป็นที่จะต้องรักษาบ้านเมือง รักษากฎหมายให้อยู่ในความสงบสุข” พล.ต.อ.โกวิท กล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.โกวิท ได้ร่วมประชุมกับนายตำรวจระดับสูง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล อย่างเคร่งเครียด
สำหรับบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังจากศาลอออกหมายจับแกนนำ ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักชุมนุมต่อไปท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ขณะเดียวกัน ได้มีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) พยายามเข้ามาในที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อก่อกวน แต่ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ได้ปิดประตู 2 ของทำเนียบรัฐบาล เพื่อกันไม่ให้กลุ่ม นปก.เข้าไป ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย แต่ต่อมาสถานการณ์ก็คลี่คลาย
วันนี้ (27 ส.ค.) เวลา 16.00 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องขออนุมัติออกหมายจับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ, นายอมร อมรรัตนานนท์, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และ นายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตรฯ ผู้ต้องหาที่ 1-9 คดีผู้ใดใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, ผู้ใดสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการ หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี มาตรา 114, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิก ระวางดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 215 และ 216
ภายหลังองค์คณะผู้พิพากษาศาลอาญาไต่สวนคำร้องขออนุมัติออกหมายจับ ต่อมาเวลา 16.00 น.ศาลจึงมีคำสั่ง โดยพิเคราะห์พฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 9 ตามที่พยาน ผู้ร้อง ได้ให้การประกอบหลักฐานวีซีดีที่นำส่งแล้วเห็นว่า มีพยานหลักฐานพอสมควรให้เชื่อได้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 9 น่าจะกระทำการอันเป็นความผิดอาญาตาม คำร้อง จึงอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ตามคำขอ
ด้าน พ.ต.ท.มานะ เผาะช่วย พนักงานสอบสวน สบ.3 สน.สุทธิสาร เปิดเผยว่า ศาลเห็นด้วยกับพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนนำเสนอ และมีเหตุอันควรที่จะออกหมายจับ ทั้ง 4 ข้อหา จากนี้พนักงานสอบสวนจะดำเนินการตามหมาย ซึ่งการขอหมายจับครั้งนี้ได้รวบรวมเอกสารมานาน ไม่ใช่นำเหตุการณ์เมื่อที่ 26 ส.ค.มาเท่านั้น ส่วนจะมีการขอหมายจับเพิ่มอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน เบื้องต้นจะเดินทางไปที่ บช.น.เพื่อไปรายงาน และรอฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังทราบข่าวว่า ศาลอาญาอนุมัติหมายจับกุมแล้ว ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีการจัดเตรียมรถขนส่งผู้ต้องหา และรถตู้มาจอดไว้บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลจำนวนหลายคัน
ต่อมาเวลา 16.00 น.พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนขบวนออกจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ตนและ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้รับมอบหมายจาก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้ดูแลความสงบเรียบร้อย กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดชุมนุมทางการเมืองอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.จนถึงวันที่ 26 ส.ค.กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปฏิบัติการละเมิดต่อกฎหมาย เข้ายึดสถานที่ราชการหลายแห่ง กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตร และทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เมื่อวานนี้ (26 ส.ค.) จนถึงวันนี้ (27 ส.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงให้ทราบว่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมีโทษทางอาญาอย่างสูง เพราะทำเนียบรัฐบาลนั้นถือเป็นสถานที่ราชการสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และข้าราชการกว่า 2 พันนาย สิ่งที่เกิดขึ้นทำไห้การบริหารราชการแผ่นดินต้องหยุดไปแล้วถึง 2 วัน สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายทางอาญาอย่างชัดเจน
พล.ต.อ.โกวิท กล่าวต่อว่า ประการที่สอง ใคร่ขอเรียนว่า ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ รัฐบาลได้มีพิธีพระราชทานธงสัญลักษณ์ ในงานจากวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วัน สร้างสามัคคี โดยจะมีพระราชพิธีที่สำคัญ รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะจัดสถานที่ที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะนี้เหลือเวลาอีก 2 วัน และขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯที่ร่วมรับฟังและชุมนุมอยู่ในทำเนียบรัฐบาลนั้น ได้ทำผิดกฎหมายกันอย่างต่อเนื่อง ทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ชี้แจงมาตามลำดับจนถึงบัดนี้ ก็ยังมีผู้ร่วมชุมนุมอยู่โดยละเมิดต่อกฎหมาย ตน และ พล.ต.อ.พัชรวาท รวมถึงนายตำรวจที่ร่วมประชุมอยู่ เพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อนำความสงบสุขมาสู่บ้านเมืองของเรา ตนขอร้องพี่น้องประชาชน และกลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยท่านจะไปชุมนุมในสถานที่อื่น สถานที่ในทำเนียบรัฐบาลจำเป็นต้องปรับปรุงสถานที่
“ผมขอร้องท่านได้โปรดกรุณาออกจากทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผมไม่อยากจะเรียกว่ายื่นคำขาด ผมอยากจะใช้คำว่าขอร้อง ในนามเพื่อนตำรวจมีภาระหน้าที่ที่จะต้องนำความสงบสุขมาสู่บ้านเมือง การกระทำที่ขัดต่อกฎหมายและมีโทษ ซึ่งได้ชี้แจงมาตามลำดับ ผมขอร้องอีกครั้งหนึ่งให้ออกจากทำเนียบ ผมจำเป็นที่จะต้องรักษาบ้านเมือง รักษากฎหมายให้อยู่ในความสงบสุข” พล.ต.อ.โกวิท กล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.โกวิท ได้ร่วมประชุมกับนายตำรวจระดับสูง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล อย่างเคร่งเครียด
สำหรับบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังจากศาลอออกหมายจับแกนนำ ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักชุมนุมต่อไปท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ขณะเดียวกัน ได้มีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) พยายามเข้ามาในที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อก่อกวน แต่ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ได้ปิดประตู 2 ของทำเนียบรัฐบาล เพื่อกันไม่ให้กลุ่ม นปก.เข้าไป ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย แต่ต่อมาสถานการณ์ก็คลี่คลาย
