“สุริยะใส” เผย “จำลอง” ต่อสายถึงแกนนำพันธมิตรฯ “คว่ำเจรจา” รบ.พร้อมสั่งไม่ให้ออกนอกทำเนียบ ข้องใจ ตร.สามารถจับกุมผู้ต้องหาขณะเดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งได้หรือไม่ ยันไม่ใช่การหาทางลงของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนการเมืองใหม่สรุปจัดตั้งสภา ปชช.จังหวัดละ 2 คน รวมประมาณ 150 คน ร่วมกับองค์กรภาคเอกชนและให้มีสภาที่ปรึกษา ที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านผู้ชุมนุมแน่นขนัด ล้นทั้งทำเนียบ-เวทีสะพานมัฆวาน
วันนี้ (5 ต.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น.นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูต แถลงข่าวภายหลังการสัมมนาการเมืองใหม่ ว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปให้มีการจัดตั้งสภาประชาชนที่เป็นประชาชนตัวจริงไม่ใช่ตัวแทน โดยมีที่มาจากการจัดตั้งจากประชาชนในระดับหมู่บ้านถึงจังหวัด จังหวัดละ 2 คน ประมาณ 150 คน ร่วมกับตัวแทนองค์ภาคประชาชน มูลนิธิที่ทำงานเกี่ยวพันกับประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง และให้มีสภาที่ปรึกษา ซึ่งประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิที่ประชาชนนับถือ อาทิ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เพื่อเป็นแหล่งความรู้และจริยธรรมให้กับสังคมไทย ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ ได้วางเป้าหมาย ว่า หากมีการเมืองใหม่จะทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยลดลงในระยะเวลา 10-15 ปี
นายบรรจง นะแส กล่าวว่า ในที่ประชุมได้กำหนด 5 มาตรการแก้ไขปัญหาความยากจนของการเมืองใหม่ ดังนี้ 1.ให้เกษตรกรรายย่อยมีที่ดินครอบครัวละ 10 ไร่ 2.ขยายชายฝั่งทะเลจาก 3 กม.เป็น 5 กม.เพื่อเพิ่มแหล่งหาอาหารทางทะเล 3.ยกเลิกหนี้สินของประชาชนที่เป็นผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล 4.จัดระบบเก็บภาษีทางตรงในอัตราก้าวหน้า อาทิ ภาษีมรดก เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือคนจน และ 5.ผลักดันให้เกิดรัฐสวัสดิการและส่งเสริมให้มีองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติมากขึ้น
ด้าน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ หลังจากมีการจับกุม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงข่าว โดยระบุว่า พล.ต.จำลอง ต้องการให้เจ้าหน้าที่จับกุมนั้น ถือเป็นการตีกิน ตนยืนยันว่า พล.ต.จำลอง ต้องการเดินทางไปใช้สิทธิในระบอบประชาธิปไตย ในฐานะที่เป็นอดีตผู้ว่าฯ กทม.เคยได้รับรางวัลแมกไซไซ และตลอดชีวิตของพล.ต.จำลอง ไม่เคยไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุม ทำให้เกิดคำถามในทางกฎหมาย ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาขณะเดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งได้หรือไม่ ซึ่งอาจมีการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และยืนยันว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การหาทางลงของกลุ่มพันธมิตรฯ
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า กลุ่มพันธมิตรฯยังเชื่อมั่นกับการเจรจากับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า หลังจากที่ พล.ต.จำลอง ถูกจับกุม ท่านได้โทรศัพท์มาบอกกับแกนนำ ว่า ไม่ต้องเจรจากับรัฐบาลแล้ว และไม่ให้ออกจากทำเนียบรัฐบาล ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ พล.อ.ชวลิต ก็ยังไม่ติดต่อมาอีกเลย พันธมิตรฯจึงตั้งคำถาม ว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ชวลิต มีอำนาจในการตัดสินใจเจรจาหรือไม่ ตอนนี้แกนนำหลายฝ่ายเรียกร้องให้คว่ำโต๊ะเจรจาโดยสิ้นเชิง รวมทั้งเคลื่อนไหวด้วยยุทธวิธีดาวกระจาย เพื่อกดดันรัฐบาล
ด้าน นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการ สรส.แกนนำรุ่น 2 ระบุว่า เมื่อรัฐบาลกระทำอย่างนี้จะต้องมีการตอบโต้ และไม่ว่าแกนนำจะถูกจับกี่คน แต่ประชาชนพร้อมสู้เสมอ และผู้ที่อยู่ทั้งหมดพร้อมที่จะทำตามคำสั่งตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราพร้อมจะพลี วันนี้การต่อสู้ที่ผ่านมาถูกลบหลู่โดยรัฐบาลโจร ทำให้หมดเวลาที่จะเจรจาแล้ว แกนนำจะมีการชุมนุมและมาประกาศต่อผู้ชุมนุมว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
แกนนำรุ่น 2 กล่าวต่อว่า ประชาชนต้องเลือกที่จะอยู่ข้างความถูกต้อง ขอทุกคนทุกสาขาอาชีพออกมา ทหารไม่ต้องเอาปืนรถถังออกมา แค่เพียงถอดเครื่องแบบมาอยู่ข้างประชาชนพอแล้ว วันนี้ต้องล้างประเทศใหม่ ไล่ความเน่าเฟะให้หมดไป การต่อสู้จากนี้ไป การกำหนดยุทธวิธีเป็นเรื่องสำคัญ การสามัคคีเป็นเรื่องจำเป็น ดูแลคนข้างๆ ระวังคนที่น่าสงสัย และให้ความร่วมมือในการขอตรวจค้นของการ์ดอาสาสมัคร เวลานี้อาจแก้ปัญหาด้วยการใช้ปัญญาไม่เพียงพอ อาจต้องใช้เท้าด้วย เราต้องเอาผู้นำกลับคืนมา เอาประเทศกลับมา จำเป็นต้องใช้คนเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นต้องออกมาชุมนุมกันให้มาก เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการอันเฉียบคมร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังเหตุการณ์จับกุม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คึกคักขึ้นมาถนัดตา ต่างจากการชุมนุมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมาจากจังหวัดต่างๆ เข้ามายังทำเนียบรัฐบาลจนแน่นขนัดล้นหลามเต็มถนนพิษณุโลก และเวทีสะพานมัฆวาน