ผู้ช่วยเลขาฯ ปชป.จี้นายกฯ ถอดรายการสามเกลอหัวขวด เริ่มต้นสมานฉันท์ชำแหละ ครม.สมชาย 1 สารพัดประเภท ทั้ง “นอมินี-ตำหนิ-ชำรุด-โลกลืม” แฉภารกิจหลักช่วยเหลือนายใหญ่แก้ รธน. ส่ง “บิ๊กจิ๋ว” ประสานรอยร้าวกลุ่มอีสาน ทวงคืนอำนาจ ปูนบำเหน็จเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
วันนี้ (28 ก.ย.) นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินทางเยี่ยมบ้านเกิดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมกับปราศรัยต่อประชาชนโดยเรียกร้องให้นักการเมืองไม่แบ่งฝ่ายว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่จะต้องเคารพสิทธิของประชาชนในการออกมาแสดงความเห็นต่างด้วย เพราะคนส่วนหนึ่งที่มาต้อนรับในฐานะที่เป็นคนนครฯ เช่นเดียวกัน แต่คนที่มาคัดค้านเพราะเห็นว่านายสมชายเป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แม้การแสดงออกครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เห็นด้วย แต่ต้องเคารพสิทธิของประชาชนที่เป็นไปด้วยความสงบเหมือนกับอารยประเทศที่มีการต่อต้านผู้นำเป็นธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย
“เมื่อนายสมชายเรียกร้องไม่ให้แบ่งฝ่าย จึงอยากให้ไปดูรายการความจริงวันนี้ ที่สามเกลอหัวกลมออกมาปลุกระดมให้คนนครฯ เกิดความแตกแยกในคืนก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไป และ 1 ใน 3 เกลอได้ติดตามนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิดในการลงพื้นที่ และการใช้รายการโจมตีผู้ที่มีความเห็นต่าง โดยพูดความจริงเพียงข้างเดียว พร้อมทั้งบิดเบือนข้อมูลใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีการอ้างถึงราคายางพาราที่สูงขึ้น เพราะผลงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่ความเป็นการลงนามของสามประเทศผู้ปลูกยางพาราในยุคของนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้ไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วแต่ราคายางพาราก็ยังสูงอยู่ ดังนั้นจึงอยากให้นายสมชายได้พิจารณาว่าหากต้องการให้บ้านเมืองสมานฉันท์จริงก็ควรเริ่มต้นด้วยการถอดรายการความจริงวันนี้ออกจากผังรายการของเอ็นบีที” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไทย ยังกล่าวถึงภาพรวมของ ครม.สมชาย 1 ว่า ที่ผ่านมาพรรคไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้มากนัก เพราะต้องรอฟังเสียงสะท้อนจากสังคมและการวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อ ตั้งแต่มีการโปรดเกล้าฯ ครม.ลงมา รัฐบาลชุดนี้ได้รับเสียงสะท้อนจากหลายฝ่าย เมื่อดูรูปโฉม ครม.สมชาย 1 แล้วสามารถแบ่ง ครม.ออกได้ 3 ประเภท คือ 1.ประเภทนอมินี จำนวน 19 คน ประกอบด้วย นายสมชาย ในฐานะตัวแทนตระกูลชินวัตร นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายก ตัวแทนนายใหญ่ นายกสภามหาวิทยาลัยชินวัตร อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ เคยเกื้อหนุนทางด้านการเงินในการซื้อกิจการของไอทีวี นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกฯ ตัวแทนนายอนุทิน บุตรชายที่สังกัดบ้านเลขที่ 111 เจ้าของกิจการรับเหมาชิโน-ไทย นายทุนกลุ่มกรุงเทพฯ นายสุขุมพงษ์ โง่นคำ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นตัวแทนกลุ่มเจ๊แดง ใช้สำหรับการดูแลงานกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสุพล ฟองงาม รมต.ประจำสำนักนายกฯ อดีตตัวแทนกลุ่มเนวิน แปรพักตร์สังกัดกลุ่มนายยงยุทธเพื่อมาดูแลงานด้านสื่อสารมวลชน
ร.ต.(หญิง)ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง ตัวแทน ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี ผู้เป็นสามีที่สังกัดบ้านเลขที่ 111 นายอุดมเดช รัตนเสถียร รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นตัวแทนของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพราะเคยเป็นเลขานุการรัฐมนตรีมาทุกยุคทุกสมัย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรฯ เป็นมือขวาของนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ส่งมาคุมงานด้านเกษตร โดยมีนายบรรหารนั่งคุมข้างหัวโต๊ะทุกครั้งที่มีการประชุมและตรวจงานของกระทรวง นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตร เป็นตัวแทนของกลุ่มเนวินที่มีผลงานอยู่เบื้องหลังม็อบชนม็อบที่จังหวัดอุดรธานี นายโสภณ ซารัมย์ รมช.คมนาคม เป็นตัวแทนกลุ่มเนวิน ถูกหวยเพราะนายใหญ่ปฏิเสธนายทรงศักดิ์ ทองศรี ซึ่งไม่มีความรู้ความสามารถด้านคมนาคม เพราะเรียนจบทางด้านครู ไม่มีใครรู้จักมาก่อน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมช.คมนาคม เป็นตัวแทนนายบรรหาร ที่ต้องการปั้นทายาทให้เป็นรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ใน ครม.ชุดนี้
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นตัวแทนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากนโยบายสร้างฝายแม้ว ที่มีการทุจริตอื้อฉาว จำนวน 1.6 แสนฝาย งบประมาณ 1,000 ล้านบาท พ.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย ตัวแทนกลุ่มเนวินที่กำลังถูกดึงเข้ากลุ่มเจ๊แดง เป็นรัฐมนตรีที่ไร้ผลงานแก้ปัญหาม็อบไม่ได้ นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน ตัวแทนนายเสนาะ อยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีหวยบนดิน ไม่มีผลงานเป็นรัฐมนตรีที่โลกลืม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วัฒนธรรม ตัวแทนกลุ่มเจ๊แดง นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รมช.สาธารณสุข เป็นตัวแทนกลุ่มสุดารัตน์ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เป็นตัวแทนนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ซึ่งเป็นคู่เขย ไม่มีความรู้ความสามารถด้านพลังงาน จบการศึกษาด้านหมอไม่มีคนรู้จัก นายศรีเมือง เจริญศิริ รมว.ศึกษาธิการ เป็นตัวแทนนายหญิง เคยเป็นผู้บริหารทีโอที เป็นหัวหน้าแก๊งฉายา ส.ว.ทาส ที่ฝักใฝ่พรรคไทยรักไทย ไม่มีความรู้ทางด้านการศึกษาเลย และนายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.วิทยาศาสตร์ ตัวแทนนายจาตุรนต์ สมาชิกบ้านเลขที่ 111
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ประเทศที่ 2 รัฐมนตรีตำหนิ และชำรุดทางประวัตศาสตร์ มี 8 คนประกอบด้วย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ หมดสภาพทางการเมืองเหมือนแบตเตอรี่เสื่อม ชาร์จไม่เข้าเก็บไฟไม่อยู่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ เคยย้ายอธิบดีดีเอสไอ เพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ เคยถูกถอดถอนเกี่ยวกับกฎหมายเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ไม่มีความรู้ในงานด้านต่างประเทศ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข ถูกปรับออกจาก รมว.มหาดไทย หมดสภาพทางการเมือง เป็นตำรวจไม่มีความรู้ด้านสาธารณสุขแต่อย่างใด นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม มีปัญหาด้านจริยธรรมเพราะปลอมแปลงเอกสารทางการศึกษา โดยให้บุคคลอื่นเข้าสอบแทนในการเรียนคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมช.มหาดไทย เคยต้องคดีทุจริตยาในกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับนายรักเกียรติ สุขธนะ ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกไปแล้ว นางอุไรวรรณ เทียนทอง ต้องคดีหวยบนดิน นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ ถูกต่อต้านอย่างหนักจากกลุ่มแพทย์ในกระทรวงสาธารณสุข และเคยถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ขาดคุณสมบัติ และนายสงคราม เลิศกิจไพโรจน์ รมช.พาณิชย์ เคยถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีการใช้วุฒิการศึกษาปลอม แต่ถูกยุติลงด้วยเหตุการณ์ปฏิวัติ 19 ก.ย.49
นายเทพไท กล่าวว่า ประเภทที่ 3 รัฐมนตรีไม่มีผลงาน โลกลืม ไม่เหมาะสมกับการทำงานและตำแหน่ง เหมือนกับแกงโฮะที่ไม่คำนึงถึงวัตถุดิบที่มีคุณภาพมาทำแกง แต่ของเก่ามาเทรวมกัน เช่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ไม่มีผลงานใน ครม.ของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง ฝีมือไม่เป็นที่ยอมรับของภาคเอกชน นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ขาดความรู้ความสามารถในตำแหน่ง รมช.คลัง ไร้ผลงานที่เป็นรัฐมนตรีชุดของนายสมัคร นายสมพัฒน์ แก้ววิจิตร รมช.เกษตรไม่มีมีใครรู้จัก เป็นรัฐมนตรีที่โลกลืม นายมั่น พัธโนทัย รมว.ไอซีที ขาดความรู้ความสามารถด้านไอที นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ จบวิศวะไม่มีความรู้เรื่องกระบวนการยุติธรรม เคยเป็นรัฐมนตรีวัฒนธรรม ไม่มีผลงานโดดเด่น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.อุตสาหกรรม ที่เป็นนายตำรวจไม่มีความรู้ความสามารถด้านอุตสาหกรรมแต่อย่างใด
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า การจัดครม.ครั้งนี้มีเป้าหมายและภารกิจ 3 อย่าง คือ 1.เพื่อเตรียมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ การตั้ง พล.อ.ชวลิต มาเป็นรองนายเพื่อรวบรวม ส.ส.อีสานที่แตกในขณะนี้และเตรียมเพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ได้มีการตั้งพรรคไว้แล้ว หลังพรรคพลังประชาชนถูกยุบ 2.แต่งตั้ง พล.ต.อ.โกวิท คุมมหาดไทย สำหรับเตรียมการโยกย้ายข้าราชระดับสูงในกระทรวง พร้อมผลักดันให้มีการฟื้นชมรมลูกเสือชาวบ้านขึ้นมาทั่วประเทศ โดยระดมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน 3.การตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม มานั่งในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเตรียมการเลือกตั้งในส่วนของ กทม.เสริมฐานเสียงของพรรคพลังประชาชนที่ไม่ได้รับการยอมรับใน กทม.โดยจะเห็นว่ามีการเอา ส.ส.กทม.และปริมณฑลมาเป็นรัฐมนตรีถึง 5 คน
นายเทพไท กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีภารกิจช่วยเหลือนายใหญ่ โดยการตั้งนายสมพงษ์มาคุมกระทรวงต่างประเทศกรณีการถอนพาสปอร์ตแดง และธุรกิจนายใหญ่ในต่างประเทศ เพราะไม่มีใครวางใจได้แล้ว รวมไปถึงการตั้งนายสมศักดิ์ เข้ามาเป็น รมว.ยุติธรรม ในโควตาของนายยงยุทธ มีนัยสำคัญ คือ เข้ามาดูแลคดีความของนายใหญ่และครอบครัวที่อยู่ในชั้นศาล ขณะที่การตั้งนายสุขุมพงษ์ มาเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ เพื่อดูแลการแก้ไขกฎหมายและรัฐธรรมนูญทั้งหมด ซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ที่สุดของพรรคพลังประชาชน ส่วนกรณีของนายศรีเมือง ที่เข้ามาดูกระทรวงศึกษาธิการ เพราะต้องการระดมทุนเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณมากที่สุดโดยเฉพาะโครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 1 ล้านเครื่อง และสาเหตุสำคัญที่ไม่มีการตั้ง รมช.เพราะไม่ต้องการให้ใครมาขัดขาขัดคอในการทำงาน ส่วนนายสันติ ที่ยังคงกระทรวงคมนาคม เพื่อให้สานต่อโครงการเมกะโปรเจกต์ที่ยังค้างอยู่ ให้เดินหน้าต่อไปได้ เพราะโครงการทั้งหมดเป็นแหล่งทุนขนาดใหญ่ของพรรคพลังประชาชน