“ภูวดล” เปิดโปง “ครม.สมชาย” สุดอื้อฉาว แฉแหลก “ดร.โอฬาร” ไร้ความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์ แถมเป็นนักพนันตัวยงจนเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประเทศชาติต้องประสบวิกฤตเศรษฐกิจเสียหายย่อยยับในปี 2540 อัดซ้ำ “สุชาติ” ยอมทำทุกย่างเพื่อให้ตัวเองขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ก่อนตอกหน้า “บิ๊กจิ๋ว” กระสันอำนาจ ถือเป็นการทำผิดอย่างร้ายแรง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ ปราศรัย
วานนี้ (26 ก.ย.) เมื่อเวลา 23.45 น. ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีว่า ขอให้พี่น้องชาวใต้ทั้งหลายที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่กำลังถูกระบอบทักษิณทำลายล้างอย่างถึงที่สุด ดูได้จาก ครม.ชุดอัปยศ โดยเริ่มต้นจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ซึ่งมีอายุมากถึง 78 ปีแล้ว แต่ยังกลับมาเล่นการเมืองเพียงเพื่อผลประโยชน์อย่างเดียวเท่านั้น
“คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็รู้กำพืดของ พล.อ.ชวลิต ดีว่ากระสันในอำนาจ ฉะนั้นจึงมีการตกลงกันอีกครั้งหนึ่ง พล.อ.ชวลิต กำลังทำผิดอย่างร้ายแรงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากเคยเซ้งพรรคตัวเองให้กับพรรคไทยรักไทยอย่างไร้ยางอาย จนทำให้การเมืองไทยฉิบหายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา” ดร.ภูวดล กล่าว
ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า ส่วนคนอย่างนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งไม่ได้เป็นรองนายกฯ แต่กลับให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ไปเป็นรองนายกฯ แทน ทั้งๆ ที่ พล.ต.สนั่น เคยมีมลทิน คือ ป.ป.ช.ลงโทษ โดยโดนศาลสั่งไม่ให้เล่นการเมือง 5 ปี แต่ พล.ต.สนั่น กลับมาวันนี้เพื่อเรียกทุนคืน หลังจากที่ขาดทุนจากการทำธุรกิจโรงไวน์ และเลี้ยงนกกระจอกเทศ
“รองนายกฯ อีกหนึ่งที่พอๆ กับนายสมชาย คือ สายตรงของทายาทระบอบทักษิณ ซึ่งก็คือ ดร.โอฬาร ชัยประวัติ ซึ่งเป็นคนเชียงใหม่ จบการศึกษามาจากมงฟอร์ตวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถานศึกษาเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จากนั้น ดร.โอฬาร ได้ทุนจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ แล้วกลับมาทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย แต่เนื่องจากกระสันอำนาจ และผลประโยชน์ทางการเมือง จึงลาออกไปธนาคารไทยพาณิชย์ ในที่สุดก็เติบโตจนได้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทำให้คนในสังคมไทยมองเขาเป็นกูรู” ดร.ภูวดล ระบุ
ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า บังเอิญเศรษฐกิจไทยในช่วงนั้นพังไปแล้ว และบังเอิญที่นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ เป็น รมว.คลัง ซึ่งครั้งหนึ่งก็เคยอยู่ธนาคารไทยพาณิชย์ จึงเติบโตมาจากการอุปถัมภ์ของนายธารินทร์ ทำให้นายโอฬารโม้ตลอดเวลาว่าเศรษฐกิจไทยกำลังไปได้ด้วยดี แล้วทำการปั่นหุ้นกันเช้าเย็น จนกระทั่งไปเชียร์ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสู้กับการปั่นเงิน โดยขณะนั้น จอร์จ โซรอส บุกเข้ามาในประเทศไทยเมื่อตอนหลังตรุษจีน ปี 1997 บังเอิญกับที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นนักการพนันตัวยง และไม่มีความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ ท้ายที่สุดประเทศไทยฉิบหายหมดเลย เพราะนักการเงิน และนักเศรษฐกิจไทยนั้น ไม่มีความรักชาติ แล้วยังโง่ตามก้นฝรั่ง
“ไอ้พวกคนเหล่านี้ ทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์เจ๊ง แต่ที่รอดมาได้เพราะมีเครดิต รัฐบาลจึงช่วยค้ำจุน และยังมีธนาคารของญี่ปุ่นให้ความช่วยเหลือโดยการรองรับหุ้นเพิ่มทุน แต่พวก ดร.ซังกะบ๊วยทั้งหลาย ยังทำตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในธนาคารไทยพาณิชย์ ทั้งๆ ที่ธนาคารดังกล่าวเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และเป็นของประชาชน รวมทั้งผู้ถือหุ้นรายย่อย จึงถึงเวลาที่จะขจัดไอ้พวกที่ไปหากินในธนาคารดังกล่าวออกไปให้หมด” ดร.ภูวดล กล่าว
ส่วนสถาบันการเงินอื่นๆ ที่เสียหายวายวอด และขาดทุนย่อย เกิดจากน้ำมือคนที่มีความใกล้ชิดรัฐบาลสมชาย ทั้งสิ้น โดยเฉพาะ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ และนายโอฬาร หรือแม้แต่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง ซึ่งในสมัยก่อนเดินตามหลังตน และนายอัมรินทร์ คอมัน โดยเป็นนักโหนตัวยง ซึ่งยอมทุกอย่างที่จะทำให้ตัวเองให้ไต่เต้าขึ้นไป ทำให้ต่อมาบุคคลดังกล่าวกลายเป็นนักฉวยโอกาสตัวยง ลองไปถามนักเศรษฐศาสตร์ไทยที่มีอายุตั้งแต่ 45-70 ปี ขึ้นไป ก็จะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่รู้จักนายสุชาติ อย่างแน่นอน เพราะไม่มีผลงานอะไรเลย
“สมัยที่นายสุชาติเป็นที่ปรึกษาซีพี ต้องถูกไล่ออกเพราะเอาเงินเขาไปใช้อย่างฟุ่มเฟือย วันนี้กลายมาเป็น รมว.คลัง แต่ผมเชื่อว่า รมว.คลัง ของประเทศลาวยังเก่งกว่า ที่สำคัญเรายังมีรองนายกฯ ที่มียศถึงพลตำรวจเอก ซึ่งมีแผลชนักติดหลังมากมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฆ่าตัดตอนผู้ต้องหายาเสพติดกว่า 2,500 ศพ ก็ยังไม่ยอมเปิดเผยแต่อย่างใด และจำนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลไทยรักไทยได้หรือไม่ เพราะคนที่หากินกับบ้านของขุนส่า นั้น คือหัวคะแนนของพรรคไทยรักไทย โดยในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ทำแม้กระทั่งท้าทายประเทศพม่าเพื่อปราบปรามยาเสพติด แต่พอ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเป็นนายกฯ กลับปลด พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ แล้วยังย้ายแม่ทัพภาค 3 เพราะยาเสพติดเป็นที่มาของผลประโยชน์ และเป็นการสร้างบารมีทางการเมือง ถามว่าสื่อมวลชนบางฉบับที่มีรถที่ทันสมัย ค้ายาเสพติดใช่หรือไม่ แล้วทำไมตำรวจไทยถึงไม่รู้ นี่หรือประเทศที่ต่อต้านยาเสพติด” ดร.ภูวดล กล่าว