xs
xsm
sm
md
lg

ลงทุนใน LTF กับ Ostrich Effect

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ คุยกับผู้จัดการกองทุน

โดย ดร.ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมความเสี่ยง
บลจ.อยุธยา จำกัด

ลงทุนใน LTF กับ Ostrich Effect

ช่วงนี้เข้าสู่ช่วง 2 เดือนสุดท้ายที่ท่านนักลงทุนจะสามารถลงทุนใน LTF เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับปีนี้ ท่านนักลงทุนหลายท่านยังคงลังเลว่าปีนี้ควรจะลงทุนใน LTF หรือไม่ เนื่องจากเห็นราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมาก และเกรงว่าหากลงทุนไปแล้วอาจจะขาดทุนได้ หรือท่านนักลงทุนบางท่านอาจจะรอให้หุ้นปรับตัวลดลงมากกว่านี้ จึงจะเข้าซื้อ เพื่อให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงสุด ในขณะที่ท่านนักลงทุนอีกส่วนหนึ่งอาจมองว่า หุ้นจะทำจุดต่ำสุดในปีหน้า จึงไม่น่าที่จะลงทุนในปีนี้

ก่อนอื่นผมคงต้องขอย้อนถึงคุณสมบัติของกองทุนรวมประเภท LTF แบบคร่าวๆก่อนนะครับ กองทุนรวม LTF ย่อมาจาก Long Term Equity Fund หรือเรียกเป็นชื่อไทยว่า กองทุนรวมหุ้นระยะยาว มีนโยบายการลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยแต่ละกองทุน อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกัน เช่น กองทุนรวม LTF ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กองทุนรวม LTF ที่เน้นลงทุนในหุ้นปันผล กองทุนรวม LTF ที่เน้นลงทุนในหุ้นเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม เป็นต้น ดังนั้น ถึงแม้ว่ากองทุนรวม LTF จะถูกจำกัดให้อยู่ในกรอบว่าต้องลงทุนในหุ้นเป็นหลัก แต่ท่านนักลงทุนก็สามารถเลือกกองทุนรวม LTF ที่มีระดับความเสี่ยงย่อยได้อีกหลายรูปแบบ ดังนั้น หากท่านนักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้สูง (เพราะ LTF ลงทุนในหุ้น) และพร้อมที่จะลงทุนในระยะยาว (เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ผู้ลงทุนจะต้องซื้อและถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน) ท่านก็สามารถลงทุนในกองทุนรวม LTF ได้

มาถึงคำถามที่ว่า ปีนี้ควรจะลงทุนใน LTF หรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับมุมมองของท่านนักลงทุนที่มีต่อตลาดหุ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งอาจแบ่งออกเป็น 3 มุมมองดังนี้
-หากท่านนักลงทุนคาดว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในอีก 5 ปีข้างหน้าไม่น่าจะอยู่ต่ำกว่าระดับในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น ท่านนักลงทุนคาดว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในอีก 5 ปีข้างหน้าไม่น่าจะอยู่ต่ำกว่า 900 จุด หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 100% จากระดับปัจจุบันที่อยู่ราว 400 – 450 จุด หรือคิดแบบผลตอบแทนทบต้น (compound return) ก็จะได้ผลตอบแทนปีละ 14.87% ต่อปีเป็นเวลา 5 ปี ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ยังไม่รวมเงินปันผล จะเห็นได้ว่าการลงทุนใน LTF จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
-หากท่านนักลงทุนคาดว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ระดับเดียวกันกับระดับในปัจจุบัน การลงทุนใน LTF ก็ยังน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี เพราะถึงแม้ว่าท่านนักลงทุนจะไม่ได้กำไรจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ แต่ท่านนักลงทุนยังมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่จ่ายในรูปเงินปันผลเข้ากองทุน บวกกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ท่านได้หากปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน
-หากท่านนักลงทุนคาดว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในอีก 5 ปีข้างหน้า จะอยู่ต่ำกว่าระดับในปัจจุบัน หรือมองว่าเศรษฐกิจไทยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีสภาพย่ำแย่กว่าระดับในปัจจุบัน ท่านควรเว้นการลงทุนในกองทุนรวม LTF ในปีนี้ เพราะถึงแม้ว่าท่านอาจจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ท่านคาดว่าการลงทุนของท่านอาจขาดทุนในอนาคตได้
ทั้งนี้ มุมมองที่ผมนำเสนอมิใช่คำแนะนำ แต่เป็นเพียงแนวทางที่ใช้ประกอบการพิจารณาว่าควรลงทุนหรือไม่ ท่านผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนครับ

ทีนี้ Ostrich Effect มาเกี่ยวอะไรกับ LTF ในทาง behavioral finance คำว่า Ostrich effect เป็นศัพท์ที่ใช้อธิบายถึงลักษณะของนักลงทุน ที่ทำเป็นไม่รับรู้ว่ามีข่าวร้ายในตลาด เปรียบเสมือนกับนกกระจอกเทศ (Ostrich) ที่มักจะเอาหัวมุดลงในพื้นทรายในยามที่มีภัย การลงทุนใน LTF เปรียบเสมือนการฝึกให้ท่านนักลงทุนไม่สนใจกับข่าวร้ายที่เกิดขึ้น เพราะการลงทุนใน LTF เป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะมีข่าวร้ายเกิดขึ้นก่อนที่จะถึงกำหนดที่ท่านนักลงทุนจะสามารถไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้ตามเงื่อนไข ท่านนักลงทุนอาจจะทำเป็นไม่สนใจข่าวร้ายนั้น เพราะถึงแม้ว่าท่านนักลงทุนจะให้ความสนใจ แต่ก็ไม่สามารถไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้ก่อนกำหนด ดังนั้น ท่านนักลงทุนอาจจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เพื่อความสบายใจของตัวท่านเอง การที่ท่านนักลงทุนสามารถผ่านวงจรความผันผวนของหุ้นในระยะยาวได้ อาจเป็นการเริ่มต้นในการประเมินความเสี่ยงของตัวท่านเองใหม่ ดังเช่นเพื่อนผมหลายคนที่ได้ผ่านการไถ่ถอน LTF เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากที่ไม่เคยลงทุนในหุ้นมาก่อน ก็เปลี่ยนมาเป็นลงทุนในหุ้นมากขึ้น เพราะผลตอบแทนที่ได้ในระยะยาวเป็นที่น่าพอใจ และเริ่มเข้าใจว่าความผันผวนที่เกิดขึ้นในระยะสั้นเป็นเรื่องปกติ

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจลงทุนขึ้นอยู่กับตัวท่าน ท่านนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุนเพราะการลงทุนมีความเสี่ยง นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนรวม LTF เป็นการลงทุนระยะยาว โดยท่านนักลงทุนไม่สามารถนำหน่วยลงทุนไปจำหน่าย จ่าย โอน จำนำ หรือนำไปเป็นประกันได้ และท่านนักลงทุนต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในการลงทุนจึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังนั้น ท่านนักลงทุนควรศึกษาเงื่อนไขการลงทุนและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัทจัดการหรือตัวแทนก่อนการตัดสินใจลงทุนครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น