หน.ปชป.เชื่อประชาชนจะยิ่งรู้สึกหมดหวังต่อภาพลักษณ์การเมืองไทย หากโผ ครม.เป็นจริงตามข่าว เพราะไม่ได้คำนึงถึงคุณสมบัติ ติง “สมชาย” มีท่าทีอ่อนน้อมง่ายต่อการสานผลประโยชน์ ระบุควรให้องค์กรอิสระตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินลูกสาวนายกฯ
วันนี้ (24 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการจัดโผ ครม.จนทำให้เกิดความแตกแยกในพรรคพลังประชาชน ว่า ไม่ได้เป็นห่วงปัญหาภายในของพรรครัฐบาล แต่ที่น่าห่วง คือ คุณภาพของรัฐมนตรีที่มีการต่อรองแย่งเก้าอี้ด้วยจำนวน ส.ส. โดยไม่คิดถึงคุณสมบัติของคนที่จะมาดำรงตำแหน่ง และถือเป็นการซ้ำเติมภาพการเมืองที่ไม่ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะสถานการณ์ขณะนี้ประชาชนต้องการและคาดหวังจากนักการเมือง ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ และการเมืองที่รุมเร้าขณะนี้ ส่วนที่นายกฯ ยืนยันว่า ครม.หน้าตาดีนั้น จึงอยากให้นายกฯ ฟังสียงสะท้อนของภาคต่างๆ ด้วย และหากเสียงสะท้อนไปในทางตรงกันข้าม นายกฯ ควรให้โอกาสในการทบทวน ซึ่งขณะนี้ตนกำลังรอคำตอบว่าอะไรคือการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล และอยากให้นายกฯ ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงอะไรที่ทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้
“วันนี้ผมไม่ห่วงว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ได้ แต่เป็นห่วงว่าประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ ท่าทีประนีประนอมของนายกฯ เป็นเพียงแค่การประสานประโยชน์ แต่ปัญหาพื้นฐานไม่ได้รับการแก้ไข บ้านเมืองก็แก้ไขปัญหาไม่ได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในภาพรวมของ ครม.ตามข่าวที่ปรากฏก็ยังไม่ได้มีอะไรที่มีความชัดเจนในเรื่องการเปลี่ยนแปลง หรือสร้างความหวังให้แก่ประชาชน เพราะฉะนั้น อยู่ที่ผู้นำรัฐบาลว่าจะส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงอย่างไร หรือความหวังที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งอาจจะรวมไปถึงนโยบายของรัฐบาลด้วย รู้สึกหนักใจกับข่าวคราวที่ออกมาในเรื่องของการตั้ง ครม.ยิ่งจะทำให้เหนื่อยต่อการลบความรู้สึกของประชาชน เพราะเวลาในการบริหารก็ไม่มียิ่งขณะนี้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมที่ประชาชนกำลังรอคอยการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะเกษตรกร หากทอดเวลาออกไปจะสูญเสียโอกาสสูงมาก จึงอยากเห็นรัฐบาลทำงานด้วยความรวดเร็ว คนที่เข้ามาเป็น ครม.สามารถลบข้อหาและก้าวข้ามการแย่งชิงผลประโยชน์ให้ได้ ซึ่งตรงนี้จะทำให้รัฐบาลบริหารงานยากขึ้น และสูญเสียโอกาสของรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลได้ ครม.แล้ว ควรจะเร่งทำนโยบายให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ จะไปท่องคาถาว่าเอานโยบาย 7-8 เดือนที่ผ่านมามาใช้คงไม่ได้แล้ว เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้มีปัญหาภัยพิบัติ และวิกฤตการเมืองที่ต้องแก้ไข และรัฐบาลควรมีทิศทางที่ชัดเจน โดยในแง่ของการเมืองควรเร่งแก้ปัญหาปมต่างๆ โดยมุ่งที่ต้นตอปัญหา เศรษฐกิจต้องเตรียมรับมือกับวิกฤตการเมืองที่กระทบเข้ามากับความผันผวนในเรื่องของน้ำมัน ปัญหาเฉพาะหน้าควรเร่งฟื้นฟูประเทศจากภัยพิบัติ
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ในส่วนของ ครม.เงาก็ยังคงทำงานตามปกติ หากถึงเวลาปรับเปลี่ยนก็จะทำเท่าที่จำเป็น ที่ผ่านมา ครม.เงาก็ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบค่อนข้างได้ผล หลายเรื่องก็มีความชัดเจนในแง่ของการพูดถึงความผิดพลาดของรัฐบาล และครม. ซึ่งที่ผ่านมาหลายนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ทำได้แค่เสนอ ส่วนรัฐบาลจะนำไปปฏิบัติได้หรือไม่เป็นเรื่องของรัฐบาล แต่พรรคจะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ว.ยื่นเรื่องตรวจสอบบุตรสาวนายกฯ ว่า ต้องให้องค์กรอิสระเป็นคนตรวจสอบว่ายื่นถูกต้องหรือไม่ หรือเป็นการจงใจยื่นจึงทำให้เกิดความผิดพลาด คลาดเคลื่อน ดังนั้น เป็นเรื่องขององค์กรที่ต้องชี้ขาด ดังนั้น นายกฯ หรือไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ควรออกมาให้ความเห็นน่าจะปล่อยเป็นเรื่องกระบวนการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา