“สนธิ” ย้อนอดีตชี้ให้เห็นการเมืองเก่าสุดเน่าเฟะ รุมทึ้งทรัพย์สมบัติของชาติอย่างน่าอัปยศ ขณะเดียวกัน ถึงเวลาการเมืองใหม่เพื่อเข้ามาล้างความชั่วทุกวงการให้โปร่งใส พร้อมนัดเปิดโปง ป.ป.ช.บางคนดองคดี “แม้ว” ทุจริตวันนี้ (24 ก.ย.)
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
เมื่อเวลาประมาณ 21.50 น.วันที่ 23 ก.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ตนไม่พูดเรื่องการเมืองใหม่มากนัก สาเหตุเป็นเพราะต้องการให้ทุกคนได้ไปคิดกันเอาเอง แต่ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าสาเหตุที่ต้องมาชุมนุมเพราะไม่เอาการเมืองเก่า
นายสนธิ ยังเล่าย้อนอดีตสมัยเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย ได้เห็นการเมืองมามากหลายยุคสมัย มีนักหนังสือพิมพ์หลายคนพัฒนากาวหน้ามาไกล แต่บางคนก็ตรงกันข้าม พร้อมทั้งยกตัวอย่างหนังสือพิมพ์มติชน ที่คนคิดว่าเป็นหัวก้าวหน้า แต่ไม่ใช่ วันนี้เห็นภาพที่ นายขรรค์ชัย บุนปาน ผู้บริหารมติชนนำกระเช้าดอกไม้ไปแสดงความยินดีกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อย่างไรก็ดีจะได้เห็นกันชัดขึ้นเพราะเป็นอีแอบมานานแล้ว
นอกจากนี้ นายสนธิยังย้อนอดีตให้เห็นถึงสมัยที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นไม้เบื่อไม้เมากับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม ได้รับคำสั่งจากอดีตนายกฯ ให้ไปปิดผับเดอะพาเลซ เนื่องจากไม่พอใจที่แฉเรื่องคู่ขาของตัวเองสมัยที่เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาปราบปรามอบายมุขบังหน้า
นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า ในสมัยก่อนเคยถูกทาบทามให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพียงแค่ให้ช่วยบริจาคเงินเข้าพรรคการเมืองเพียง 50 ล้านบาท แต่ได้ปฏิเสธไป โดยขอเป็นรัฐมนโทข้างนอกดีกว่า
นายสนธิ ยังได้ย้อนอดีตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยที่หิ้วก๋วยเตี๋ยวไปตามตื๊อ ร.ต.อ.เฉลิม สมัยที่เป็นรัฐมตรีประจำสำนักนายกฯ เพื่อขอสัมปทานเคเบิลทีวีกับ อสมท แต่ต่อมาเมื่อ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นสั่งให้ ร.ต.อ.เฉลิม อนุมัติเคเบิลทีวีให้กับกลุ่มกาญจนพาสในนามของไทยสกายทีวี ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่บาดหมางกันช่วงหนึ่ง
นายสนธิ กล่าวว่า ยุคการเมืองน้ำเน่าอย่างแท้จริงได้เริ่มขึ้นในยุคโทรคมนาคม ในยุคที่นายมนตรี พงษ์พานิช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคนคนนี้เป็นต้นแบบทุกอย่างทางการเมืองของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในปัจจุบัน และยุคนี้เป็นยุคที่ถูกเรียกว่าเป็นยุคบุพเฟต์คาบิเนต
นายสนธิ กล่าวอีกว่า เป็นยุคที่มีการนำสัมปทานของชาติมาแบ่งขายกันเองในหมู่นักธุรกิจกับนักการเมือง ซึ่งยุคนี้มี พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างสำคัญในเรื่องของการวิ่งเต้นขอสัมปทานโทรศัพท์มือถือ และว่าทุกอย่างต้องแลกกันด้วยผลประโยชน์ ทั้งที่ทางที่ถูกต้องมีการเปิดประมูลให้บ้านเมืองได้ประโยชน์สูงสุด
“สิ่งเหล่านี้คือการเมืองเก่าที่ไม่มีการตรวจสอบ อย่างข้าราชการบางคนถ้าอยากได้เป็นอธิบดี ก็จะมีพ่อค้าลงขันกันซื้อเก้าอี้ให้ เมื่อข้าราชการคนนั้ยได้เป็นอธิบดี ก็จะตอบแทนโครงการให้กับพ่อค้าเหล่านั้น ซึ่งเป็นแบบนี้มานานจนเน่าเฟะมาเรื่อย จะหาข้าราชการที่ทำเพื่อชาติบ้านเมืองสมเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยากมาก และเป็นการเมืองที่อัปยศที่สุด” นายสนธิ ระบุ
อย่างไรก็ดี แกนนำพันธมิตรฯ ผู้นี้กล่าวอีกว่า การทุจริตแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นในสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยยกตัวอย่างอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมคนหนึ่งที่พยายามทุจริตในโครงการไทยเดินเรือทะเล มูลค่าในสมัยนั้นประมาณถึง 2 พันล้านบาท แต่ พล.อ.เปรมรู้และขัดขวาง และต่อมาเมื่อปรับคณะรัฐมนตรีรัฐมนตรีคนนั้นจึงหลุดจากตำแหน่ง และนี่คือสาเหตุที่อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมคนนั้นที่บัดนี้กำลังชะตาขาดโกรธ พล.อ.เปรมจนถึงบัดนี้ ซึ่งมันคิดว่าไม่มีใครรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องพวกนี้
ขณะเดียวกัน นายสนธิ กล่าวเปรียบเทียบว่า การเมืองใหม่ คือ การล้างความชั่วในทุกวงการให้โปร่งใส ใครจะทำอะไรก็มองเห็นหมด และยังตีกรอบให้ข้าราชการต้องซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินให้สมกับเป็นข้าราชการของพระเจ้าอยู่หัว เพราะถ้าปล่อยให้การเมืองเก่าเป็นอย่างนี้ต่อไปบ้านเมืองก็จะสูญสิ้น เวลานี้มีตุลาการบางคน ตำรวจบางคน และอัยการบางคนไม่ซื่อสัตย์ ถ้าเราพึ่งคนพวกนี้ไม่ได้แล้วจะไปพึ่งใคร
อย่างไรก็ตาม ในตอนท้าย นายสนธิยังได้เปิดโปง ป.ป.ช.คนหนึ่งที่สนิทชิดเชื้อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดองทุกคดีทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิที่ส่งไปจาก คตส.ซึ่ง ป.ป.ช.คนนี้รับผิดชอบ แต่ดองเอาไว้ทุกคดี ซึ่งพรุ่งนี้จะแฉว่าเป็นใคร รวมทั้งเบื้องหลังของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ที่ถูกดำเนินคดีซีทีเอ็กซ์ด้วย