แกนนำพันธมิตรฯ ย้ำจุดยืนการเมืองใหม่ต้องมาจากการเลือกตั้งแน่นอน แย้มไต๋ ส.ส.กลุ่มตัวแทนอาชีพมาจากเสียงประชาชนโดยตรง โดยไม่ผ่านกรรมการสรรหา ระดมความเห็นอีกครั้ง 27 ก.ย.ก่อนตกผลึกทางความคิด
วันนี้ (22 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต. จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยนายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ทางพันธมิตรฯได้เตรียมเปิดถนนราชดำเนิน และรื้อเวทีปราศรัยบริเวณ สะพานมัฆวานรังสรรค์ รวมทั้งนำรถยนต์ออกจากพื้นที่ทั้งหมด ในวันที่14 พ.ย. -19 พ.ย. นี้ เพื่องานพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นไปโดยสมพระเกียรติ แกนนำพันธมิตรฯจึงมีมติร่วมกันว่า ในวันดังกล่าวพันธมิตรฯ จะรื้อเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และใช้รถเคลื่อนที่แปลงเป็นเวทีปราศรัยแทน
พล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงผลการเสวนาเรื่องการเมืองใหม่ว่า วานนี้(21 ก.ย. ) จากแนวคิดให้ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมาจาก 2 ทาง คือ มาจากการเลือกตั้งจากเขตพื้นที่ และมาจากกลุ่มอาชีพสาขาต่างๆ ทุกภาคส่วนตามสัดส่วนประชากร สาเหตุที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อต้องการไม่ให้กลุ่มคนที่มีเงินมากๆ หรือนายทุนที่รวมตัวกันแล้วเข้าไปครอบงำในสภา ทั้งนิติบัญญัติ และอำนาจบริหาร เมื่อเป็นเช่นนั้นทำผิดกฎหมายอะไรก็ทำได้ ทำให้บ้านเมืองเสียหาย
ส่วนผู้แทนกลุ่มอาชีพที่มีมากมาย แต่ไม่สามารถเข้าไปเป็น ส.ส.ได้ หากได้เป็นก็ต้องสวามิภักดิ์ ให้กับนักลงทุนที่สนับสนุนพรรคการเมือง ดังนั้นเพื่อป้องกันการควบคุมการบริหารนิติบัญญัติ และบริหาร จึงมีแนวคิดดังกล่าวออกมา แม้จะเหมือนการเมืองเก่า แต่การปกครองการเมืองใหม่ จะต้องปกครองประเทศแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเทิดทูนพระมหากษัตริย์ ซึ่งต่างจากการเมืองเก่าที่ทำได้เพียงชื่อว่าประชาธิปไตย แต่การปฏิบัติไม่มีเลย
พล.ต.จำลอง ยังกล่าวอีกว่า ระหว่างเสวนานายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตฯ สอบถามในวงเสวนาว่าเพราะเหตุใดคนที่มาเป็นรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ถึงไม่ได้ผล หลายคนในวงเสวนาจึงเสนอแนวคิดไปว่า คนที่จะลงสมัครส.ส.ในทุกเขต ทุกพื้นที่ ต้องมีคุณธรรมมากกว่าคนธรรมดา ส.ส.ก็จะต้องลงสัตยาบันว่า ประชาชนสามารถตรวจสอบ และถอดถอนเขาได้โดยศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเมืองใหม่ที่เสนอมีความแตกต่างจากการสรรหาอย่างไง พล.ต. จำลอง กล่าวว่า กลุ่มสาขาอาชีพ ที่เสนอเข้ามาต้องมีการเลือกตั้งทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคนที่เป็นกลุ่มอาชีพให้เขาเลือกกันเอง เช่นกลุ่มแรงงาน ชาวนา เขาเองมีบัญชีรายชื่อ เพียงแต่ต้องตกลงกันก่อน ว่าจะเสนอใคร แล้วก็ให้ประชาชนทั้งประเทศมาเลือกอีกครั้งหนึ่ง โดยไม่ใช้วิธีการสรรหา อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงตุ๊กตา ที่พันธมิตรฯเสนอมา แต่รายละเอียดทั้งหมดต้องรอ ท่านผู้รู้ ออกมาช่วยกันคิด ช่วยกันหาทางออก
“ ยกตัวอย่าง คนที่มี 2 ฐานะ เช่นผมที่เป็นทั้ง ข้าราชการ และทหาร ก็ต้องจัดกลุ่ม ไม่ว่าประจำการ หรือเกษียณไปแล้ว ว่าจะลงสมัครในอาชีพใด เพื่อไม่ให้เอาเปรียบคนอื่น” พล.ต.จำลองกล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า คนที่เป็นอาชีพอะไร ก็ไปลงอาชีพนั้น หากเป็นสื่อมวลชน ก็ไปสมัครในอาชีพสื่อ แล้วเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือก พล.ต.จำลอง เสริมว่า คนที่เสนอมา พันธมิตรฯเลือกได้ 2 อย่างคือ เขตพื้นที่ก็ได้ กลุ่มอาชีพก็ได้ แต่นี่เป็นเพียงตุ๊กตาที่เสนอมาเท่านั้น สุดท้ายต้องช่วยกันคิด พิจารณาอย่างผู้รู้
เมื่อถามว่าการเลือกตัวแทนมาจากกลุ่มอาชีพ จะคล้ายกับการสรร ส.ว. หรือไม่ พล.ต. จำลอง กล่าวว่า ไม่เหมือนกัน นั่นเป็นคณะกรรมการสรรหา กำหนดเพียงไม่กี่คน ไม่ใช่ตัวแทนประชาชนแท้จริง มันจึงต่างกัน
ด้านนายพิภพ กล่าวว่า ที่ประชุมมีการเสนอแนวคิดการเมืองใหม่ที่มีการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ใช่ 50:50 อย่างที่สื่อหนังสือพิมพ์บางฉบับนำเสนอ และสังคมทุกส่วนจะต้องช่วยกันคิดปรับปรุง พันธมิตรฯเพียงแต่เสนอแนวคิด
นายสมศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ในวันที่ 27 ก.ย. นี้ เวลา 14 .00 น. ทางพันธมิตรฯจะจัดให้มีการเสวนา โดยเชิญ ผู้รู้ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และนักวิชาการ ประมาณ 40-50 คน โดยมีเป้าหมาย เพื่อต้องการให้สภา เต็มไปด้วยกลุ่มคนหลายสาชาอาชีพ เนื่องจากในปัจจุบันมีแต่กลุ่มนายทุน อันธพาล ท้องถิ่น เข้ามาบริหารประเทศ ดังนั้นจึงต้องหาวิธีออกแบบให้สภา มีหลายสาขาอาชีพ เข้ามามีส่วนกำหนด มีส่วนร่วมจากประชาชนอย่างแท้จริง และสามารถปรับเปลี่ยนได้
พล.ต. จำลอง กล่าวอีกว่า ขั้นสุดท้าย ต้องถามกลุ่มคนอาชีพต่างๆ ว่า ที่เข้ามาเป็น ส.ส. แล้วจะมีแบ่งแยกกลุ่มอาชีพกันอย่างไร แม้กลุ่มอาชีพจะมากมาย แต่ต้องมีวิธีการแบ่งกลุ่มอาชีพ ได้อย่างชัดเจน แม้อาจจะเป็นเรื่องยุ่งยาก มากกว่าการเลือกตั้งปกติ แต่ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้แล้ว พันธมิตรฯจะต้องมุ่งการเมืองไปสู่การเมืองใหม่
พันธมิตรฯ ลั่นคุยกับใครก็ได้ ที่มีอำนาจตัดสินใจ
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี เสนอตัวเป็นคนกลางเข้ามาเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ ว่า จะเป็นใครเข้ามาเจรจากับพันธมิตรฯ ก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ขอให้เป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ซึ่งการเจรจาจะเข้ามาพูดคุยกับเราหรือจะนัดเราออกไปคุยนอกทำเนียบก็ได้ แต่ขณะนี้คิดว่าคงไม่สะดวกที่จะเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพราะอาจถูกตำรวจจับ
ทั้งนี้ การเจรจาจะพูดคุยทางโทศัพท์ก็สามารถทำได้และจะสะดวกกว่า ส่วนการเจรจาคาดว่า พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ส.ประชาธิปัตย์ จะเข้ามาร่วมเป็นคนกลางในการเจรจานั้น เรายืนยันว่าเป็นใครก็ได้ไม่มีปัญหา สำหรับความคืบหน้าในการเจรจากับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี นั้นยังไม่มีอะไรคืบหน้า รวมทั้งยังไม่มีการติดต่อมาเพิ่มเติม
ขณะที่นายพิภพ กล่าวถึงโฉมหน้า ครม.สมชาย 1 ว่า เรายังไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ตามที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ ขอรอความชัดเจนในการแต่ตั้ง ครม.ก่อน เพราะในขณะนี้ไม่มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
