“สมศักดิ์” ยืนยัน 5 แกนนำ ต่อสู้ร่วมกันด้วยความเป็นเอกภาพ ไม่ทอดทิ้งกัน ย้ำจุดยืนไม่เจรจา เหตุประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์ส่วนรวมแลกกันไม่ได้ ระบุหากไม่บรรลุภาระกิจ ก็จะไม่เลิกชุมนุมเด็ดขาด ชี้พรรคพลังประชาชน หมดความชอบธรรมบริหารประเทศแล้ว พร้อมจี้ “สมชาย” อย่าอ้างความเป็นพี่น้อง คนผิดต้องเอาเข้าคุก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ปราศรัย
วันนี้ (19 ก.ย.) เวลาประมาณ 22.50 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ สื่อตั้งคำถามกับเราว่า เมื่อไหร่พันธมิตรฯ จะออกจากทำเนียบ เมื่อไหร่จะมีการเจาจรา ซึ่งการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี โทรมาคุยนั้น เราก็หารือกันว่าจะมีท่าทีอย่างไร ดังนั้น อะไรก็ตาม เราแบ่งงานทำต่อสู้ด้วยกันด้วยความเป็นเอกภาพ ไม่ทอดทิ้งกัน รวมทั้งผู้ประสานงานด้วย นอกจากนั้น เรายังมีพี่น้องที่อยู่ที่นี่ ทางบ้านที่สนับสนุนเรา ซึ่งเราต้องซื่อสัตย์กับพี่น้องยิ่งชีพ และหากไม่บรรลุภาระกิจ ก็จะไม่เลิกชุมนุมเด็ดขาด เพราะประเด็นการต่อสู้ของเรา ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่พวกรัฐบาลไม่ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช หรือนายสมชาย ล้วนทำเพื่อประโชยน์ของพรรคการเมืองของตัวเอง ไม่ใช่เพื่อคนส่วนใหญ่ ดังนั้น อย่าตีความว่าเป็นการสู้เพื่อประโยชน์ของแกนนำ แต่เราสู่เพื่อประโยชน์ประชาชน ต่างกับพวกนั้นที่ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของเขา ซึ่งเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องข้อแลกเปลี่ยนหรือการเจรจาเพื่อแลกกับหมายจับ 9 แกนนำ ถ้าเราทำถูกเราไม่กลัว เราไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว เพราะเราพิสูจน์ได้ว่าที่ผ่านมา เราไม่เคนโกงกิน ต่างกับพวกรัฐบาล ที่รวยได้เพราะโกงกินมาตลอด ซึ่งหลายพฤติกรรมที่ผ่านมา เป็นที่รู้จัก ดังนั้น อย่ามาตีความมั่วระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับส่วนรวม เพราะมันแลกกันไม่ได้
แกนนำกล่าวต่อว่า มีเข้าหน้าที่ของทำเนียบรัฐบาล เอาเอกสารชิ้นหนึ่งมาให้ ซึ่งเป็นจดหมายของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่เขียนถึงนายสมัคร สุนทรเวช ในสมัยที่ยังเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเป็นการฝากฝังให้คืนตำแหน่งปลัดสำนักนายกฯ ให้กับพ.ต.อ.พีระพันธ์ เปรมภูติ แต่บังเอิญนายสมัคร พ้นตำแหน่งไปซะก่อน สงสัยคงต้องฝากให้นายสมชายพิจารณาต่อ และนี่คือการชี้ชัดว่าเป็นการแทรกแซง ถึงจะเป็นอดีตเมียนายกฯ แต่ก็เข้าแทรกแซงตำแหน่งทางการเมืองได้ ซึ่งหากนายสมชาย รับเรื่องนี้ ก็แสดงว่าบริหารเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตรอย่างชัดเจน นี่แหละคือความเป็นเครือข่าย และเครือญาติ ซึ่งการโยกย้ายข้าราชการนั้น ทำเพื่อความเหมาะสม แต่นี่ฝากกันเฉยๆ นอกจากนี้ ในช่วงที่นายสมัคร เข้ามาบริหารประเทศ ก็ดึงคนของตัวเองเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นพล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่เอามาเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนคนที่จะมาเอาเรื่องเอาราวเขาที่อยู่ในดีเอสไป ก็ถูกย้ายไป
ดังนั้น ไม่ว่านายสมชายจะพูดอะไรก็ตาม แต่ยังเรายืนยันตามแถลงการณ์ของเรา ถึงจะพูดเพราะซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ถ้าพูดอย่างทำอย่างถือว่าใช้ไม่ได้ ซึ่งคนที่จะมาเป็นนายก ต้องปฏิบัติตามคำถวายสัตย์ ที่ให้ไว้ต่อหน้าพระพักษ์ของในหลวง ซึ่งการเป็นนายกฯ นั้น ต้องยึดประโยชน์ของประเทศชาติ แต่ก่อนหน้านี้ นายสมชาย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี ยกปราสาทพระวิหารให้เขมร ที่ศาลฯ พิพากษาแล้วว่า เป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 และการยกอธิปไตยให้คนอื่นๆ ก็มีโทษจำคุกตลอดชีวิต และประหารชีวิต ซึ่งนี่คือผิดจริงแล้ว
ดังนั้น จุดยืนของเราเห็นว่า บุคคลที่อยู่ในพรรคพลังประชาชน หมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศแล้ว เพราะทำความผิดทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญ และผิดกฎหมายเลือกตั้งเพราะโกงการเลือกตั้ง และส่งให้ศาลพิจารณาไปแล้ว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จุดยึนที่เรายืนหยัดเป็นสัจจะ คือ เราสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอำนาจการเมืองของทุกฝ่าย ที่อาสาเข้ามาแก้ไขวิกฤตของชาติ ไม่ว่าจะเป็นการพิทักษ์จุดยืนมิให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 รวมทั้งแสดงจุดยืนเพื่อสะสางความเลวร้ายของระบอบทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งรัดคดีต่างๆ โดยปราศจากการแทรกแซง รวมถึงการยกเลิกหนังทอเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่สำคัญคือเร่งรัดให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาดำเนินคดีทันที และต้องยกเลิกแถลงการณ์ร่วมกรณียกประสาทเขาพระวิหารให้เขมรด้วย
“จุดยืนของเรา ไม่ว่าใครจะมาเราไม่ว่า แต่ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ไม่ใช่เข้ามาโกงกิน หรือไม่เอาความผิดของพวกพ้อง ซึ่งเราต้องการต่อสู้เพื่อประโยชน์ของชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือชีวิตของเรา ต่อให้ใช้อำนาจเถื่อนเอาเราไปขังก็ยอม แต่ต้องปฏิบัตติตามข้อเรียกร้อง ดังนั้น ขอให้พี่น้องจำไว้ว่า การตรวจสอบรัฐบาลเป็นหน้าที่ของเรา ว่าจะดีจริงหรือเปล่า ซึ่งต้องดูการกระทำ ถ้าพี่น้องของตัวเองทำผิดก็ว่าไปตามผิด และต้องติดคุก เพราะการเป็นรัฐบาลที่กินเงินเดือนภาษีของประชาน ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่รักษาผลประโยชน์ของญาติตัวเอง” นายสมศักดิ์กล่าว