สมาคมนักข่าวฯ รุดเยี่ยมรังนกกระจอกรับฟังปัญหานักข่าวสายพันธมิตรฯ กระทบกระทั่งกับการ์ดอาสา ยันทุกฝ่ายต้องเข้าใจกันและกันเพราะมีมวลชนเป็นจำนวนมาก ระบุพันธมิตรฯ พร้อมอำนวยความสะดวกและรับฟังปัญหา
วันนี้ (19 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.นาตยา เชษฐโชติรส นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคมฯ นำกรรมการสมาคมนักข่าวฯ เดินทางมาพบปะ รับฟังความคิดเห็นและให้กำลังใจสื่อมวลชนที่ปักหลักทำข่าวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล โดย น.ส.นาตยา กล่าวว่า ในนามของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีความเป็นห่วงในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากทราบมาว่าในการรายงานข่าวของพวกเรามีเหตุที่ไม่ราบรื่นในการรายงานข่าวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นเวลาเกือบ 4 เดือนแล้ว
น.ส.นาตยา กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นักข่าวภาคสนามออกแถลงการณ์ก็ทราบว่าเป็นนักข่าวทำเนียบของเราที่มีการประชุมหารือกัน ซึ่งมีความเห็นแตกต่างจากแถลงการณ์ของนายมะโน ทองปาน ซึ่งเป็นนักกฎหมายและกรรมการที่สภาทนายความ เป็นที่ปรึกษาของสมาคมนักข่าวอาชญากรรม แต่เมื่อสมาคมของเขายังไม่พร้อมจะออกแถลงการณ์ในนามของสมาคมจึงใช้ชื่อว่านักข่าวภาคสนาม ซึ่งความหมายกว้างมากจึงทำให้เกิดแถลงการณ์ฉบับตอบโต้ของนักข่าวทำเนียบออกไป ซึ่งตรงนี้เราก็มีความเป็นห่วงว่าจะเป็นความเข้าใจสับสนว่านายมะโนเป็นสื่อปลอมหรือไม่ เขามาแอบอ้างการเป็นสื่อหรือไม่ ตนจึงได้ให้สมาคมนักข่าวอาชญากรรมให้เขาช่วยดูแลคนที่เขาไปเอาชื่อมาด้วย ทั้งนี้ เราก็ไม่อยากให้เกิดอันตรายต่อนายมะโนเพราะว่าแถลงการณ์เมื่อมีการอ้างอิงกันไปมาและมีการขึ้นในเว็บไซต์ก็จะเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและสวัสดิภาพของนายมะโนได้ ตนจึงได้ขอร้องผู้ที่จะขึ้นปราศรัยบนเวทีว่าอย่าเพิ่งนำเรื่องนี้ไปพูดจนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะจะเกิดผลเสียตามมายิ่งขึ้น ดังนั้น แถลงการณ์ฉบับแรกมีความเดือดร้อนจริง แต่ว่ายังไม่ได้ใช้ชื่อจริงเท่านั้นเอง
น.ส.นาตยา กล่าวว่า สมาคมฯ มีความเป็นห่วงในการทำหน้าที่ของพวกเรา เพราะที่ผ่านมามีการกระทบกระทั่งกันกับมวลชนผู้ชุมนุม ซึ่งตรงนี้ตนได้หารือกับแกนนำพันธมิตรฯ และหัวหน้าการ์ดอาสา และหัวหน้านักรบศรีวิชัยแล้วก็พบว่าทางพันธมิตรฯ ก็ให้ความร่วมมือ โดยเขาจะมีการกวนขันเพื่อป้องปรามเหตุการณ์กระทบกระทั่งอย่างที่ผ่านมาให้น้อยที่สุด ตรงนี้ก็อยากจะให้พวกเราในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนเราก็คงต้องยอมรับสภาพการทำงานของเราอยู่แล้วว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่หลากหลาย ทั้งมีความขัดแย้งและมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ได้นำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรง แต่ว่าก็มีผลกับการทำหน้าที่ของเราอยู่บ้าง
“ก็ได้ข้อสรุปว่าทางหัวหน้าการ์ดที่ดูแลทั้งการ์ดอาสาและนักรบศรีวิชัย 900 กว่าคน คงมีบ้างที่ทำอะไรที่เกินเลย ไป 10-20% มีคนที่เป็นปัญหา 10 กว่าคน ซึ่งทันทีที่เขารับทราบปัญหาเขาก็แก้ปัญหาทันที มีการไล่ออกและมีการสอบสวน โดยในส่วนของเราเขาบอกว่าถ้าหากว่าถ้าเกิดปัญหาตามมาอีกเขาก็มีฮอตไลน์ ซึ่งจะเอาสายตรงมาติดประกาศให้ทราบในรังนกกระจอกของเราว่าใครมีปัญหาอะไรก็สามารถร้องเรียนไปได้ที่ สน.พันธมิตรฯ พร้อมกับจะให้เบอร์มือถือของคนที่ตัดสินใจได้และนอกจากนี้ยังสามารถสะท้อนปัญหานี้กับแกนนำพันธมิตรฯ ได้ ตรงนี้ก็คิดว่าในส่วนของเขาเขาก็พยายามปรับปรุงแก้ปัญหาอยู่” น.ส.นาตยา กล่าว
นายกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเราในฐานะที่เราเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ทั้งงานข่าวและงานภาพ สมาคมก็อยากขอร้องพวกเราเองว่าพวกเราเองก็ทราบถึงบทบาทและภารกิจอยู่แล้วว่าการทำหน้าที่กับแหล่งข่าวที่หลากหลาย ทั้งระดับผู้ที่มีอำนาจและชาวบ้าน ประชาชนทั่วไป เราก็ต้องให้เกียรติและเคารพในเสรีภาพของผู้ที่เราจะรายงานข่าวเหมือนกัน บางทีเขาอาจจะไม่อยากจะเป็นข่าว อาจจะมีการตอบโต้กันบ้าง เราก็น่าจะเคารพในความเห็นที่แตกต่างนั้น เพราะการทำหน้าที่ของเราน่าจะทำด้วยความสุภาพและอยู่ในจริยธรรม ถ้าหากว่าเราต้องการที่จะไปเจาะลึกหรือว่าต้องการทำข่าวอะไรที่แตกต่างจากคู่แข่งก็น่าจะมีความสุจริตใจที่จะบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาได้ ว่าเราอยากจะได้ข่าวในด้านไหนและการแสดงตัวของเราก็ควรเป็นไปอย่างเปิดเผย เพื่อที่จะไม่ให้ต้องมีการกระทบกระทั่งกัน
นายกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวว่า ในฐานะที่ผู้ชุมนุมก็ดีหรือว่ามวลชนที่มาเขาก็มีความระมัดระวังและเขาต้องรักษาความปลอดภัยของพวกเขาเอง บางทีเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าใครเป็นใคร เพราะพวกเราเองก็มาจากหลากหลายไม่ใช่เฉพาะนักข่าว ช่างภาพที่ประจำอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นที่รู้จัก พวกเขาก็รู้ว่าเราเป็นใคร แต่เนื่องจากมีนัดข่าวนอกสายที่เขามาแล้วก็ไปและยังไม่มีความสนิทสนมคุ้นเคยอะไรกับผู้ชุมนุมหรือแกนนำ จึงทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน จึงอยากขอร้องว่าเราก็ทำหน้าที่ของเราด้วยความสุจริตโปร่งใส เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน และทางเขาเองก็จะมีการปรับปรุงเช่นเดียวกัน
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า พวกเราสมาคมนักข่าวฯ ได้ตามเรื่องมาตลอด ทั้งนี้พวกเรามีสิทธิในการทำหน้าที่ทุกอย่าง ซึ่งตนได้บอกกับแกนนำไปว่าเป็นเสรีภาพของพวกเรา แล้วเราก็ทำข่าวด้วยความอดทนอดกลั้นมาตลอด ดังนั้น เขาควรเคารพในสิทธิของเราไม่ควรมาระรานหรือมาคุกคาม ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีการหารือร่วมกันว่าอะไรคือเส้นแบ่งที่แต่ละฝ่ายจะต้องเคารพซึ่งกันและกัน แต่ในสถานการณ์การชุมนุมเราจะไปคาดหวังว่าเขาต้องทำตามข้อเรียกร้องของเรา 100% คงยาก บางทีมีอารมณ์ความรู้สึกก็ต้องทำความเข้าใจกันไป