โฆษก ปชป.ตั้งแง่สังเกต พปช.ใช้นายกฯตัวช่วย ไม่ลดความขัดแย้ง จี้ ประกาศสัญญาประชาคม ไม่แก้ รธน.-ลากคอ “แม้ว” มาลงโทษ ปลดชนวนวิกฤตชาติ
วันนี้ (14 ก.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมือง ว่า เมื่อปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังคงสนับสนุนพรรคพลังประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่ว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอใครก็ตามมาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นการแสดงให้เห็นเนื้อแท้ที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรบุคคลที่จะเสนอก็จะไม่พ้นคนในพรรคพลังประชาชน แม้การที่ นายสมัคร สุนทรเวช จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่ก็ยังคงทำให้สถานการณ์ตึงเครียด และยังมีการเสนอให้นิรโทษกรรม คณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ในขณะที่ภาพที่ออกมายังคงแสดงให้เห็นว่า ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ยังไม่มีความพร้อม
ดังนั้น เมื่อพรรคที่มีเสียงข้างมากยังไม่สามารถที่จะบอกกับประชาชน และตัวเองว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างไร จึงควรยืนยันว่า จะต้องไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหนีคดียุบพรรค เพราะหากยังคงจับขั้วเดิม กรอบของการยุบพรรคจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญ ในการจับขั้ว เพราะอาจจะส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ามากยิ่งขึ้น และสาเหตุของความขัดแย้ง คือ ความพยายามที่จะแทรกแซงขบวนการยุติธรรม ศาล และองค์กรอิสระ เพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น จะต้องให้สัญญากับประชาชนว่า เมื่อเข้ามาบริหารประเทศ จะต้องไม่แทรกแซงกระบวนการดังกล่าว และจะต้องนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มารับการลงโทษตามขั้นตอนของกฎหมายเมื่อใด และการที่บ้านเมืองมาถึงทางตัน จะทำให้เกิดความบาดหมางส่งผลให้เกิดความรุนแรง
“พรรคพลังประชาชน ที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จะต้องออกมาให้สัญญาประชาคม ว่าตัวเองมีความพร้อม และมีจุดยืนในการปลดชนวนวิกฤตอย่างไร ด้วยกลไกอย่างไรบ้าง”
วันนี้ (14 ก.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมือง ว่า เมื่อปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังคงสนับสนุนพรรคพลังประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่ว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอใครก็ตามมาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นการแสดงให้เห็นเนื้อแท้ที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรบุคคลที่จะเสนอก็จะไม่พ้นคนในพรรคพลังประชาชน แม้การที่ นายสมัคร สุนทรเวช จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่ก็ยังคงทำให้สถานการณ์ตึงเครียด และยังมีการเสนอให้นิรโทษกรรม คณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ในขณะที่ภาพที่ออกมายังคงแสดงให้เห็นว่า ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ยังไม่มีความพร้อม
ดังนั้น เมื่อพรรคที่มีเสียงข้างมากยังไม่สามารถที่จะบอกกับประชาชน และตัวเองว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างไร จึงควรยืนยันว่า จะต้องไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหนีคดียุบพรรค เพราะหากยังคงจับขั้วเดิม กรอบของการยุบพรรคจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญ ในการจับขั้ว เพราะอาจจะส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ามากยิ่งขึ้น และสาเหตุของความขัดแย้ง คือ ความพยายามที่จะแทรกแซงขบวนการยุติธรรม ศาล และองค์กรอิสระ เพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น จะต้องให้สัญญากับประชาชนว่า เมื่อเข้ามาบริหารประเทศ จะต้องไม่แทรกแซงกระบวนการดังกล่าว และจะต้องนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มารับการลงโทษตามขั้นตอนของกฎหมายเมื่อใด และการที่บ้านเมืองมาถึงทางตัน จะทำให้เกิดความบาดหมางส่งผลให้เกิดความรุนแรง
“พรรคพลังประชาชน ที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จะต้องออกมาให้สัญญาประชาคม ว่าตัวเองมีความพร้อม และมีจุดยืนในการปลดชนวนวิกฤตอย่างไร ด้วยกลไกอย่างไรบ้าง”
