“พิภพ” หนุนการเมืองใหม่ เกิดมิติทางกฎหมาย เปิดช่องชงเรื่องศาล รธน. พิจารณารัฐบาลหุ่นเชิดอยู่หรือเป็น ระบุหมดสภาพตั้งแต่พันธมิตรฯ ยึดทำเนียบแล้ว ย้ำการต่อสู้ของพันธมิตรฯ กำลังทำการเมืองภาคประชาชนให้เป็นจริง เกิดการเมืองแบบมีส่วนร่วม และก้าวสู่การเมืองใหม่ ที่ปลอดจาก “สมัคร-ทักษิณ-พลังประชาชน”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันที่ 8 ก.ย. เวลาประมาณ 22.20 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้มีนักธุรกิจมาคุยกับผมถึงการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ที่ดำเนินมากว่า 100 วันแล้ว ซึ่งนอกจากชื่นชมการต่อสู้ของเราแล้ว ยังช่วยเราคิดด้วยว่า ไม่เคยเชื่อเลยว่าเรื่องการเมืองใหม่จะติดใจประชาชน และนักวิชาการขนาดนี้ ซึ่งร้อยกว่าวันที่ผ่านมา ถือว่าเราเราได้ฉีกการเมืองเก่าออกเป็นชิ้นละเอียด และเขายังเห็นว่า หมดวาระของนายสมัคร สุนทรเวชแล้ว ดังนั้นจะกลับไปสู่การเมืองเก่าไม่ได้ ถึงแม้นักวิชาการบางคน จะตะขิดตะขวงใจเรื่องการเมืองใหม่ เรื่องสัดส่วน 70/30 แต่เราก็พูดชัดเจนว่า เป็นเพียงตุ๊กตาที่ให้ช่วยกันคิดเท่านั้น ว่าการเมืองใหม่ที่เป็นตัวแทนของประชาชนที่แท้จริงจะมาจากไหนบ้าง
โดยตอนนี้หลายคนคิดแล้วว่า เราจะก้าวข้ามนายสมัครไปยังไง เพราะสมัครเป็นผลไม้ที่กำลังหลุดจากขั้วตกดินแล้ว เขารู้ว่าถ้าสมัครลาออกไป หรือพรรคพลังประชาชนออกไป แล้วกลับไปสภาฯ ซาวเสียงเลือกตั้งใหม่ หากพรรคนี้เข้ามาอีกซึ่งเขาทำได้ แต่ก็เป็นการเมืองเก่าวนเวียน เราก็ต้องต่อต้านต่อไป
แกนนำกล่าวว่า นี่ถือเป็นจุดแข็งของเรา เพราะเราสู้เพื่อความถูกต้อง เราอาจไม่ติดที่ชื่อพรรคพลังประชาชน แต่ที่เราติดคือ นักการเมืองในพรรคที่เอาแต่หากินหาประโยชน์ใส่ตัว ที่สำคัญคือ เขายังคิดที่จะช่วยทักษิณไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะอยู่ดีๆ การที่เขายกขบวน นปก.มาพุ่งใส่เรา ก็เพราะต้องการถือโอกาสประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ขอลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งนี่คือความแยบยลของนายสมัครที่รับใช้ทักษิณ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศ ซึ่งวันนี้เราชี้ว่านายสมัครหมดสภาพความเป็นนายกรัฐมนตรี และไม่อยู่ในฐานะรัฐบาลแล้ว กลายเป็นรัฐบาลเถื่อน ที่ไม่มีกฏหมายรองรับ ซึ่งในอนาคตจะเป็นเหตุอีรุงตุนัง ถ้ามีคนเอาเรื่องกฎหมาย โดยการส่งให้ศาลรัฐธรรมูญพิจารณาว่า การบริหารงานของรัฐบาลนี้ ถือเป็นโมฆะตั้งแต่พันธมิตรฯ เข้ามายึดทำเนียบ
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลนี้เข้ามาด้วยการซื้อสิทธิขายเสียง โดยยืนยันจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีมติให้ยุบพรรค แล้วส่งให้ศาลรัฐธรรนูญตีความนั้น พ้นสภาพการเป็นรัฐบาลตามกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือเปล่า เพราะรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่าอำนาจรัฐต้องไม่ได้มาจากการซื้อสิทธิขายเสียง
นายพิภพ กล่าวว่า สิ่งที่เราช่วยทั้งหมด ทำให้เกิดมิติใหม่ทางกฎหมาย ในการพิจารณาถึงความอยู่หรือเป็นของรัฐบาล ไม่ใช่แค่การยุบสภา หรือการลาออก หรือโดนคดีที่ขัดกับกฏหมายเท่านั้น แต่กำลังพูดถึงเรื่องการผิดรัฐธรรมนูญ ว่ารัฐบาลนี้ หมดสภาพไปตั้งแต่วันไหน ทั้งจากการที่รัฐบาลไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน จนต้องออกมาขับไล่ ซึ่งเรื่องนี้ ถ้าเราทำสำเร็จ รัฐบาลลาออกแล้ว มีการพิจารณาภายหลังว่าทันทีที่พันธมิตรฯ ยึดทำเนียบรัฐบาลจนบริหารประเทศไม่ได้ ถือว่าหมดสภาพแล้วตั้งแต่วันนี้
“สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือเกิดมิติใหม่ ทำให้รัฐบาลระวังตังมากขึ้น จะทำประโยชน์เอาแต่ตัวหรือทุจริตไม่ได้ และถ้าเลือกตั้งเข้ามาแล้วต้องฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ด้วยว่า พอใจในการบริหารหรือเปล่า ซึ่งเขาต้องฟัง ถ้าไม่ฟังถือว่าขัดมาตรา 67 ดังนั้น สิ่งที่เราทำเป็นเรื่องที่เราคุมรัฐบาลไม่ให้ใช่อำนาจเกินกว่าเหตุ นอกเหนือการเมืองใหม่ ที่สำคัญ ให้สังคมรู้ว่าการเมืองเก่าทำให้ประเทศเราไปไม่ได้” นายพิภพกล่าว
แกนนำกล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 มีการพูดถึงการเมืองแบบผู้แทนไม่พอ จึงต้องเพิ่มแบบมีส่วนร่วม ซึ่งต่อมาถือเป็นท้าทายที่รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 ต้องแบ่งการเมืองออกเป็น 2 ภาค ซึ่งนอกจากเน้นแบบมีส่วนร่วมแล้ว มีการระบุว่าการเมืองต้องมี 2 ระบบ คือการเมืองในสภา และภาคประชาชน ซึ่งเราพันธมิตรฯ กำลังทำการเมืองภาคประชาชนให้เป็นจริง สำหรับนายสมัครนั้น เป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ตามไม่ทันกับการเมืองที่เปลี่ยนไป และการเมืองตั้งแต่วันที่ 14 ตุลา 2516 ไม่ได้เกิดจากการทำงานของนักการเมืองเก่า แต่เกิดจากประชาชนเคลื่อนไหว ซึ่งประชาชนเท่านั่นจึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
วันนี้ เราใช้รัฐธรรนูญ ฉบับ 2550 โดยใช้การเมืองภาคพลเมืองขับไล่รัฐบาลฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งจากตรงนี้เราจะไปทำการเมืองใหม่ไปให้พ้นจากการเมืองเก่า และเราจะสร้างการเมืองที่พ้นจาก ทักษิณและสมัคร รวมถึงพรรคพลังประชาชน เพื่อไม่ให้กลับมามีอำนาจฉ้อฉนประเทศชาติได้อีก เพราะถ้าการเมืองเก่าเข้ามา เราก็จะออกมาต่อต้านอีก เราไม่ได้เกลียดสมัคร หรือเกลียดทักษิณและพรรคพลังประชาชนเป็นการส่วนตัว เพราะเขายังทำการเมืองเก่าด้วยการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งหัวใจสำคัญที่เราจะปล่อยไปไม่ได้ การเมืองใหม่ ประชาชนต้องมีอำนาจมากขึ้น และสามารถตรวจสอบการเมืองในสถาอย่างได้ผลและสำเร็จ ทำให้เกิดการเมืองแบบมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง