"สมชาย" "อนุพงษ์" "พัชรวาท" ร่วมแถลงข่าว ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ ระบุสถานการณ์ความวุ่นวายลดลงแล้ว ขณะเดียวกันมอบให้"อนุพงษ์" เป็นผู้รับผิดชอบดูและประเมินสถานการณ์ความเรียบร้อยภายในพื้นที่กรุงเทพฯพร้อมประสานงานตร.อีกทาง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การแถลงข่าว ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
วันนี้(14 ก.ย.)เมื่อเวลา 09.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เข้าหารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ท.ประยุทธ จันทรโอชา แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. และตัวแทนหน่วยงานความั่นคง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ถึงการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามพ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งประกาศใช้ในพื้นที่กทม. มาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังมีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กับกลุ่มพันธมิตรฯประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
หลังการหารือกว่า 2 ชั่วโมง นายสมชาย นั่งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมกับพล.อ.อนุพงษ์ และพล.ต.อ.พัชรวาท โดยนายสมชาย แถลงว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่กทม.เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตามประกาศได้มอบหมายให้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้ารับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน จากสถานการณ์ปัจจุบันได้ประเมินแล้วเห็นว่า เหตุการณ์ต่างๆได้มีระดับความรุนแรงลดลง จนถึงระดับที่ไม่ได้ส่งผลกระทบกระเทือนเรื่องความรุนแรงต่อประชาชน และเห็นว่าหากยังคงใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ รังจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ฉะนั้น ตนในฐานะรองนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ เห็นว่าควรให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว โดยมีผลดังแต่ที่14 ก.ย.เป็นต้นไป ซึ่งตนจะได้ลงนามในประกาศยกเลิกดังกล่าวต่อไป
นายสมชายกล่าวว่า สำหรับการติดตามควบคุมสถานการณ์ ซึ่งหวังว่า จากนี้ไปคงไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แต่เพื่อให้เห็นว่า สามารถดูแลและดำเนินกิจการต่างๆได้เป็นไปอย่างเรียบร้อย จะมีการแต่งตั้งผู้มาทำหน้าที่ดูแลช่วยเหลือการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะตั้งกองอำนวยการเพื่อติดตามสถานการณ์ร่วม โดยนำหน่วยงานด้านความมั่นคงมาช่วยทำงาน เป็นหน่วยงานเฉพาะในการติดตามรายงานควบคุมสถานการณ์ ให้เกิดความเรียบร้อย ในพื้นที่ กทม. โดยมีหัวหน้าหน่วยราชการด้านความมั่นคง โดยเฉพาะพล.อ. อนุพงษ์ เป็นผู้อำนวยการควบคุม สามารถสั่งการฝ่ายตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน โดยจะใช้กำลังตำรวจเป็นหลัก
“ผมเห็นว่าสถานการณ์วันนี้ ไม่ได้มีความรุนแรงหรือการกระทบกระทั่งกันระหว่างประชาชน ส่วนที่มีบางฝ่ายออกมาเคลื่อนไหวนั้น เป็นเพียงการขัดแย้งทางความคิด ซึ่งเป็นเรื่องปกติและสามารถเป็นไปได้ในบ้านเมืองเรา บ้านเมืองของเราอยู่กันด้วยเหตุผล ต้องอาศัยเหตุผล ผมอยากขอร้องวิงวอนให้ทุกฝ่าย ได้กรุณาดำเนินกิจกรรมใดๆก็ตาม ให้อยู่ในกรอบกฎหมายและกติกา ตามหลักประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้หันหน้าเข้าหากัน ทำความเข้าใจกันทุกฝ่าย ชาติจึงจะมีความร่มเย็น ความขัดแย้งทางความคิด จะต้องจบลงด้วยการใช้เหตุผล ไม่ใช่ความเจาะจงที่จะเอาชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือความฝ่ายแพ้ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เรื่องความขัดแย้งทางความคิดไม่มีใครแพ้ใครจะชนะ ผมเคารพในความคิดของทุกฝ่าย แต่ถ้าใช้เหตุผลมาพูดกัน หันหน้าเข้าหากัน ผู้ที่จะได้รับชัยชนะคือประเทศชาติและประชาชน”นายสมชายกล่าว
นายสมชายกล่าวต่อว่า เราต้องยอมรับว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาบ้านเมืองเราบอบช้ำเสียหายเป็นอันมาก ทั้งทางเศรษฐกิจสังคม เกิดความแตกแยกของผู้คนในบ้านเมือง ถึงเวลาแล้วที่เราต้องหันหน้าเข้าเยียวยาร่วมกัน ค้นหาจุดแตกต่างกันให้ได้ หาให้เจอว่าเราแตกต่างกันตรงไหน เหตุผลใดที่เราจะนำมาประสานรอยร้าวตรงนั้นได้ ตนในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล แม้จะรักษาการอยู่ชั่วคราวก็ตาม แต่ก็มีหน้าที่จะต้องดูแล ที่พูดไม่ได้หมายความว่า จะมาเป็นนายกฯ แต่การหันหน้าเข้าหากันเป็นโอกาสที่ทำให้ประเทศชาติของเราเกิดความปองดอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาคนไทย มีวัฒนธรรมที่ดีต่อกัน เป็นที่ภาคภูมิใจ ในวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ในอดีต บรรพบุรุษได้เสียสละเลือดเนื้อรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้เรา โดยหวังให้คนรุ่นหลังได้ทำนุบำรุงบ้านเมือง และรักษาวัฒนธรรมที่ดีของชาติไว้ ตนจึงคิดว่าวันนี้เราไม่ควรมีความแตกแยกกันอีก การรบราฆ่าฟันไม่มีประโยชน์แก่ผู้ใดทั้งสิ้น เหตุผลเท่านั้นที่นำมาใช้ระงับความขัดแย้งได้ เรามีปัญหาต่างๆที่ต้องแก้อีกมากมาย เราไม่มีเวลามานั่งทะเลาะกัน
“ผมขอร้องให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมายและเหตุผล กติกา สุดท้ายเพื่อชาติของเรา เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักยิ่งสูงสุดของเรา ซึ่งเป็นสิ่งสูงสุด ที่ผมและพี่น้องคนไทยต้องคำนึง ผมคิดว่าต่อจากนี้เราต้องมุ่งสู่ความสงบเรียบร้อยความปรองดองสมานฉันท์ของคนทั้งประเทศ ให้ทั่วโลกได้รู้ว่า รอยยิ้มของคนไทยกำลังจะเกิดขึ้น ให้สมกับคำขวัญที่ว่า สยามเมืองยิ้ม จากนี้ไป ถ้าเราเข้าใจซึ่งกันและกัน บรรยากาศจากนี้ เรากำลังจะเข้าสู่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อันเป็นที่รักของเรา ซึ่งเรากำลังดำเนินการอยู่ และจะดำเนินการทุกอย่างถวายให้สมพระเกียรติ เรามุ่งไปทางนี้เถอะครับ ดำเนินการให้เป็นประจักษ์ว่า คนไทยเรานั้นล้วนหัวใจเดียวกัน คือ หัวใจในราชวงศ์ของเรา ถัดจากนั้นไป จะเป็นงานเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเป็นบรรยากาศที่ดี ที่เข้าสู่บรรยากาศแห่งศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ”นายสมชายกล่าว
ส่วนที่มีการชุมนุมกัน เราก็ดูแล จะใช้เหตุผลในการดำเนินการใดๆก็ตาม รัฐบาลมีความห่วงใยไม่ใช่ไม่ห่วงใยแต่ขอเรียกร้องให้อยู่ในเหตุและผล ตนทราบว่าผู้มาชุมนุมบางครั้งเจ็บป่วยไม่สบาย เราก็มีความห่วงและกังวล ถ้าจะออกมาอยู่ข้างนอกก็ไม่มีปัญหา ผู้ชุมชุมเองควรไตร่ตรอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแถลงในวันนี้ เพื่อสร้างภาพ และคะแนนนิยม ต่อการเข้ารับตำแหน่งนายกฯของตัวเองใช่หรือไม่ นายสายกล่าวว่า การหารือเพื่อยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการสร้างภาพเพื่อที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่ต้องการที่จะสร้างความสงบให้เกิดขึ้นในชาติ ไม่ให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสังคมอีกต่อไป เมื่อถามว่า ถ้าตัวเองได้แป็นนายกฯ จะตั้งโต๊ะเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งกับกลุ่มพันธมิตรฯหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ขณะนี้ผมยังทำหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯอยู่ ยังไม่ทราบว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จึงยังบอกไม่ได้
นายสมชายให้สัมภาษณ์หลังแถลงข่าวถึง การตระเวนเดินสายพบแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลในวันนี้ ว่า เป็นการคุยกันธรรมดา ไม่ได้ไปเสนอชื่อนายกแต่อย่างใด เป็นการคุยแค่เอาหลักการก่อนว่า เราเรายังทำงานรัฐบาลร่วมกันอยู่ ส่วนเรื่องการเสนอชื่อของนายกฯ ยังไม่มีการเสนอ แต่จะเสนออย่างเป็นทางการและสรุปในวันที่ 15 ก.ย. เนื่องจากวันนี้พรรคไม่มีประชุม
เมื่อถามว่า มีใบสั่งเรื่องนายกฯคนใหม่จากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่อยู่ลอนดอนหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ไม่มีใครสั่งได้ เพราะเป็นเรื่องของส.ส. ที่พรรคพลังประชาชนไม่มีใครสั่งได้ อย่างไรก็ตามในวันที่ 16 ก.ย.นี้ พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จะแถลงข่าวเป็นทางการ ถึงจุดยืนในการเสนอชื่อนายกฯร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลง นายสมชายได้อ่านโพยตลอดเวลา ส่วนพล.อ.อนุพงษ์และพล.ต.อ.พัชรวาท ได้แต่นั่งฟังโดยไม่พูดใดๆ รวมทั้งปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลสถานการณ์ต่อจากนี้ ก่อนจะเดินทางกลับ